ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 22

ซ่งจือไม่พอใจในตัวเฉาสิงจือมาโดยตลอด เขามองตาเฉียง "ท่านเฉา คุณไม่ต้องมาเรื่องมาก ถ้าฉันกระหายน้ำ ฉันจัดการเองได้"

ซ่งจือยังไม่ยอมละมือ ด้วยความโกรธของเขายังไม่ได้ถูกระบาย เขาหรือจะยอมปล่อยให้เขยคนนั่นที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำรอดตัวไปได้ง่ายๆ ?

หากเรื่องในวันนี้แพร่งพรายออกไป เขาจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน?

ถ้าคนที่เอาชนะเขาได้เป็นคนที่มีความสามารถก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เป็นเซียวเฉวียน ถึงแม้จะเป็นการโต้เถียงกันทางวาจาก็เถอะ ต่อไปนี้เพื่อนร่วมงานเหล่านั้นจะคิดว่าคารมคมคายของเขาสู้ไม่ได้แม้กระทั่งแค่เด็กในฐานะเจี่ยเหยียนคนหนึ่ง

ในจังหวะที่เขากำลังจะบันดาลโทสะ แต่เซียวเฉวียนกลับไม่เปิดโอกาสให้เขา

เซียวเฉวียนโบกมือ เปลี่ยนท่าทีที่ไม่ให้ความร่วมมือเมื่อสักครู่นี้และพูดว่า "ถ้าท่านซ่งยืนยันจะให้เซียวน้อยแต่งบทกวี เซียวน้อยจะขอเขียนบทหนึ่ง และจะขอมอบบทกวีนี้ให้ท่านเฉาและแขกทุกท่านที่อยู่ในที่นี้"

เซียวเฉวียนได้เจาะจงทำการคำนับให้เฉาสิงจือ เพื่อตอบแทนความกรุณาของเขาที่ช่วยเปิดทางให้เขาเมื่อตะกี้

“เอากระดาษมา!”

“พู่กันด้วย!”

“แท่นฝนหมึกมาด้วย!”

เซียวเฉวียนตะโกนสามครั้ง เด็กรับใช้อาสือที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ รีบนำพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นหมึกขึ้นมาด้วยความเคารพ

ทั้งพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นหมึกล้วนเป็นรางวัลที่ประทานจากจักรพรรดิ เดิมทีเซียวเฉวียนต้องการที่จะอวดอยู่แล้ว ได้โอกาสพอดี เยี่ยมมาก

ผู้คนส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดจากผู้มีวิชาปัญญา และพวกเขาก็รู้ค่าของสิ่งของเป็นอย่างดี

พู่กันนั้นทำมาจากขนนกกระเรียนเมฆสีแดงที่หาดูได้ยาก งดงามและประณีต ยากที่จะหาได้ในเมืองหลวง

กระดาษฟางนั้นเป็นเกรดชั้นสูงในบรรดากระดาษฟาง –กระดาษไม้จันทน์เขียว- กระดาษไม้จันทน์เขียวมีคุณสมบัติซับน้ำหมึกได้ดี จัดเก็บง่าย ทนนานไม่ฉีกขาด ไม่เสียรูป ไม่ซีดจางและทนแมลง ขึ้นชื่อเป็น "กระดาษอายุยืนพันปี” จึงเป็นตัวแทนในสายพัทธุ์กระดาษ กระดาษชนิดนี้ผลิตขึ้นน้อยมากและมีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้สอยได้

สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือแท่นหินฝนหมึกสี่เหลี่ยมนั่น ซึ่งทำให้ทุกคนมองดูด้วยความอิจฉาเล็กน้อย

คนในราชสำนักที่มีแท่นหินหมึกสี่เหลี่ยมนี้อยู่ในความครอบครอง มีไม่เกิน 7-8 คน และพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นขุนนางที่ได้สร้างคุณูปการมากมาย แค่เจี่ยเหยียนคนหนึ่งซึ่งได้รับรางวัลอันดีเลิศนี้จากจักรพรรดิ แสดงว่าพระองค์คงเอ็นดูคนนั้นเป็นอย่างมาก

หลังจากสิ่งเหล่านี้ถูกเผยออกมา เสียงสนทนาอึกทึกของทุกคนก็เบาบางลง

แล้วเซียวเฉวียนใช้พู่กันด้ามใหญ่ตวัดหมึก เขียนอย่างคล่องแคล่วโดยไม่หยุดพัก ความห้าวหาญเปล่งเต็มพิกัด ซึ่งทำให้ผู้คนจ้องมองทั้งกลั้นหายใจ

บทกวีที่เขียนโดยเซียวเฉวียน คือ "กวนชางไห่" (ชมทะเลหลวง) ของ เฉาเชา (โจโฉ) วีรบุรุษในยุคสงคราม ไม่มีสถานที่ที่เรียกว่าชางไห่ ในราชวงศ์ต้าเว่ย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนเหล่านี้มาจับผิด เซียวเฉวียนก็เปลี่ยนชื่อไปอย่างแยบยล เฉาสิงจือเดินก้าวมาด้วยความเร่งรีบ ดูเขาเขียนไปและท่องไปในเวลาเดียวกัน

" “ชมทะเล” ——

ถึงเขาเจี๋ยสือทางบูรพา เพื่อชมทะเลหลวงกว้างใหญ่

คลื่นกระฉอกครั่นครึนกลางน้ำ หมู่ภูเรียงชันเสียดสูงลิ่ว

ต้นไม้ดงหญ้าขึ้นรกครึ้ม นานาพันธุ์งอกงามดื่นดาษ

ลมสารทโชยมาเยือกเย็น คลื่นน้ำท่วมท้นมโหฬาร

โคจรดวงจันทร์และอาทิตย์ ดั่งปรากฏออกจากสมุทรนั้น

สกายดาวเจิดจรัสพร่างพราย ดุจพวยพุ่งจากในทะเล

โชคดีมหันต์สุดที่จะอ้าง จึงร่ายเพลงนี้เผยใจเอย "

ทุกคนตกตะลึงและมองไปที่เซียวเฉวียนด้วยความเหลือเชื่อ แค่หายใจเข้าหายใจเออกไม่กี่อึด เขาก็เขียนบทกวีออกมาดีได้ขนาดนี้!

พวกเขาเหมือนมองเห็นคลื่นน้ำปั่นป่วนกลืนกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ในบทกวี ดุจดั่ง "ภูเขาโผล่ลอยขึ้นมาหวิวๆ !"

คำพูดบอกความในใจ หากนักกวีไม่มีแรงบันดาลใจอันสูงส่ง ไม่มีความทะเยอทะยานในการสร้างผลงาน ไม่มีความมั่นใจในอนาคตและมองโลกในแง่ดี ก็คงไม่สามารถเขียนบทกวีที่งดงามเช่นนี้ได้!

เฉาสิงจือตบไหล่เซียวเฉวียนและชมเชยเขาว่า "เจ้าสมควรได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นเจี่ยเหยียน! จิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญนี้ไม่มีใครเทียบได้! มีเพียงนายพลฉินผู้อาวุโสในศาลปัจจุบันเท่านั้นที่มีจิตวิญญาณเยี่ยงนี้อยู่!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย