สรุปตอน บทที่ 231 ตกอยู่ในกำมือ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 231 ตกอยู่ในกำมือ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
"หึ"
เซียวเฉวียนพลันส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนขึ้นมาอย่างช้า ๆ !
ลุกขึ้นมา!
ลุกขึ้นมา!
ฉินเฟิงที่เต็มไปด้วยความตกใจ พลางอ้าปากค้างเสียจนแทบจะโยนไข่ต้มลงไปได้เลยทีเดียว!
ในที่สุดเซียวเฉวียนก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดท่านอาจารย์ถึงต้องการทำให้เขาเป็นอัมพาต แล้วเพราะเหตุใดถึงต้องแช่แข็งเขาไว้ในกองหิมะเป็นเวลาเจ็ดวันเต็ม ๆ !
ขั้นแรก ท่านอาจารย์จักต้องทำให้เซียวเฉวียนรู้ซึ้งถึงรสชาติการเป็นอัมพาตเสียก่อน หลังจากนั้น ถึงทำให้เซียวเฉวียนรับรู้ถึงเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง!
หากตามปกติแล้วนั้น หลังจากฝึกฝนเช่นนี้มาเป็นเวลาสามเดือน เซียวเฉวียนจักสามารถสร้างรากเหง้าการฝึกตนขึ้นมาได้อย่างแน่นอน!
เห็นได้ชัดว่าเหวินคุนเองก็หาได้คิดถึงไม่ว่า ฉินเฟิงจักโหดเหี้ยมมากขนาดนี้!
ดาบจิงหงเกือบจะฟันเอวของเซียวเฉวียนลงแล้ว!
ทว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ มันกลับมีส่วนทำให้รากเหง้าการฝึกตนของเซียวเฉวียนเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วแทน!
โดยธรรมชาติแล้วความร้อนแรงของรากเหง้า กลับช่วยขับไล่ไอความเย็นที่ทำให้เซียวเฉวียนกลายเป็นอัมพาตออกไปแทน ทั้งยังสร้างและเปลี่ยนแปลงรูปร่างของกล้ามเนื้อ เอ็น กระดูกและเส้นเลือดของเซียวเฉวียนอีกด้วย!
ร่างกายแต่เดิมที่อ่อนแอ เนื่องจากต้องขับเคลื่อนความแข็งแกร่งของผู้อารักขาของตนเองนั้น ในยามนี้เขาสามารถมีร่างกายที่แข็งแกร่งพอๆ กับคนอื่น ๆ เสียที!
“ยังรู้สึกเจ็บก้นอยู่นิดหน่อย ข้าคงต้องไปหาท่านหมอดูแล้ว” เซียวเฉวียนสะบัดเท้าของเองไปมาเล็กน้อยสับ เขาที่ไม่ได้ใช้เท้ามานานหลายวันเช่นนี้ ความรู้สึกที่ได้เหยียบย่ำพื้นดินด้วยความมั่นคงอีกครั้ง มันช่างรู้สึกดียิ่งนัก!
หลังจากที่ก้นของเขาถูกพวกเด็กเปรตจัดการไปนั้น เขาก็ยังรู้สึกถึงอาการเจ็บปวดที่ปะทุขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ
“เมื่อครู่ คุณชายฉินช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ให้ผู้น้อยแซ่เซียวไปหาท่านหมองั้นหรือ?” เซียวเฉวียนกล่าวขึ้นมาด้วยความเย็นชา พลางจ้องมองไปที่ฉินเฟิงที่มีท่าทีตัวสั่นเทา เหตุใดเซียวเฉวียนถึงมิเหมือนเมื่อก่อนแล้วเล่า?
ทั่วทั้งร่างกายหาได้เหมือนเคยไม่!
อีกทั้ง ยังดูแข็งแกร่งขึ้นมายิ่งนัก!
เสมือนกลับ มีพลังงานที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้ ล้อมรอบเขาเอาไว้อยู่!
ในขณะที่ เซียวเฉวียนซึ่งมีทั้งรากเหง้าการฝึกตนและจิตใจแห่งการฝึกตนนั้น กลับมีท่วงท่าที่สง่างามองอาจมากกว่า วีรบุรุษเสือคำรามดังเช่นฉินเฟิงที่อาศัยอยู่ในค่ายทหารมานานหลายปีเสียอีก!
“ไป๋ฉี่”
เซียวเฉวียนเรียกขานเพียงเบา ๆ
ไป๋ฉี่ที่อยู่ในศาลาคุนหวู่ที่ห่างไกลนั้น เขาพลันได้ยินเสียงของเจ้านายของตนเอง ดังก้องเข้ามาในหูอย่างชัดเจนในทันที!
เจ้านายกำลังเรียกหาเขา!
ไป๋ฉี่พลางลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น ทั้งยังรู้สึกได้ว่า ร่างกายของตนเองเบาหวิวมากกว่าเดิมเสียอีก!
ไม่เพียงแต่ไป๋ฉี่เท่านั้น ทางด้านของเหมิงเอ้าที่อยู่ภายในจวนสกุลเซียวนั้น ร่างกายพลันสั่นไปทั่วตัวในทันที!
พร้อมกับมีพลังปราณโพยพุ่งออกมาจากจุดตันเถียนของเขา พลางโจมตีเข้าไปในจิตวิญญาณของเขาในทันที ทำเอาทั่วร่างกายเบาลงไปในทันใด!
“พี่เหมิงเป็นอะไรไปหรือ?”
เจ้าเก้าที่มิได้มีพันธสัญญากับเซียวเฉวียนนั้น เขาย่อมมิอาจรู้สึกหรือสัมผัสการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไปได้
เหมิงเอ้ารู้สึกมิอยากจะเชื่อไปในทันทีเต็มไปด้วยพลัง เดิมทีร่างกายที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าในไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น พลันอันตรธานหายไปหมดในทันที นั่นทำให้กลุ่มคนที่เหลือถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูก! พี่เหมิงเมางั้นหรือ? หรือเป็นเพราะเขามิได้อยู่ข้างกายเจ้านายมานาน อาการป่วยถึงได้กำเริบ?
เหมิงอ้าวลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น เขามิรู้ว่าตนเองควรจะอธิบายความรู้สึกดีใจเช่นนี้ออกมาอย่างไรดี จึงได้แต่ต้องตะโกนก่นด่าออกมาว่า "พระเจ้าช่วย! พระเจ้า! ขาของเขา! นายท่านหายแล้ว! นายท่านหายแล้ว!"
ทั้งเจ้าหนึ่งและเจ้าเก้ารวมไปถึงคนอื่น ๆ ต่างก็ส่งเสียงร้องรับออกมาด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจแทน "จริงเหรอ? จริงเหรอ?"
ทางฝั่งของไป๋ฉี่นั้น เพียงแค่เขาเคลื่อนตัว ชั่วพริบตาก็พลันมาถึงในทันที!
ไป๋ฉี่เองก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก การเคลื่อนไหวตัวขอเขาว่องไวกว่าแต่ก่อนเสียอีก!
“นายท่าน ข้ามาแล้ว”
"เฮ้ย!"
จู่ ๆ เมื่อไป๋ฉี่มาปรากฏตัวเช่นนี้ ก็ทำเซียวเฉวียนตกใจแทบแย่!
ก่อนหน้านั้น แม้ว่าเขาจะตะโกนเรียกไป๋ฉี่เสียจนคอแหบคอแห้งเขาก็หาได้มาปรากฏตัวไม่ ในยามนี้ เพียงแค่เขาเอ่ยพึมพำออกมา ไป๋ฉี่ก็สามารถได้ยินแล้วหรือ?
ยามที่เขาเอ่ยเรียกหาไป๋ฉี่ในครานี้ หน้าอกของเซียวเฉวียนหาได้รู้สึกเจ็บปวดต่อไปไม่ ไม่มีแม้แต่ระลอกคลื่นของความเจ็บปวดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุด เซียวเฉวียนก็เป็นเหมือนคนธรรมดาแล้ว!
จู่ ๆ เซียวเฉวียนพลันรู้สึกสงสารเซียวติ้งในอดีตยิ่งนัก นั่นเป็นเพราะเซียวติ้งรู้มาแต่แรกแล้ว ว่าตนเองมิได้มีรากเหง้าการฝึกตนเฉกเช่นผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงขยันหมั่นเพียรให้กับการอ่านตำรา แม้ว่าขาจะสอบไม่ผ่านเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน ทว่า นั่นก็ทำให้เขาย่อท้อต่อความยากลำบากไม่
ทุกคนเอาแต่ล้อเลียนเยาะเย้ยต่อเซียวติ้ง
มีเพียงแต่เซียวติ้งที่รู้เท่านั้นว่า ผู้ที่มิได้มีรากเหง้าการฝึกตนเช่นเขานั้น มีแต่จักต้องเพิ่มความพยายามมากขึ้นเท่านั้น
ทว่า ถึงแม้จักต้องพยายามอย่างหนักหนาสาหัสแล้วก็ตาม เขาเองก็ยังมิอาจเทียบเคียงกับคนปกติได้ไม่
หากแต่ในบางมุมนั้น แม้ว่าเซียวติ้งจักมีความอ่อนแอ หากแต่เขากลับมีจิตใจที่แน่วแน่และเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก
จุดนี้เองที่ทำให้เขาเหมือนกับเซียวเฉวียนเช่นกัน
“ไป๋ฉี่ ช่วยฝังศพสามีภรรยาคู่นี้เสีย”
หารที่เซียวเฉวียนเรียกไป๋ฉี่มานั้น หาได้เพื่อสิ่งอื่นใดไม่ นอกเสียจากช่วยฝังศพคู่สามีภรรยาที่น่าสงสารผู้นี้
เซียวเฉวียนเชื่อมาโดยตลอดว่า เขาหาได้เป็นหนี้ผู้ใดไม่ นับตั้งแต่ที่เขามาถึงต้าเว่ยนั้น เขาล้วนแต่มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาทั้งหมด
มีเพียง คู่สามีภรรยาที่เพิ่งพบหน้ากันคู่นี้เท่านั้น ที่เซียวเฉวียนติดค้างต่อพวกเขา
มิได้แค่ติดค้างเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถไถ่โทษหรือรับผิดชอบสิ่งใดให้กับพวกเขาได้อีกด้วย
โดยเฉพาะหน้าท้องที่นูนขึ้นมาหญิงสาว ถึงกับทำให้เซียวเฉวียนหลั่งน้ำตาลงมาในทันที "ค้นหาบิดามารดาของพวกเขาเสีย มอบสินชดเชยให้กับพวกเขาเท่าที่จะทำได้ พร้อมเลี้ยงดูพวกเขาจนกว่าจะสิ้นลมหายใจด้วย หากว่าคู่สามีภรรยาคู่นี้มีพี่น้องละก็ ไม่ว่าจักเป็นเบี้ยอัตรายเดือนหรือเงินทองตบแต่งหรือสินสมรสใดๆ บอกให้พวกเขามาเรียกเก็บที่จวนตระกูลเซียวได้เลย”
"ขอรับ นายท่าน "
ไป๋ฉี่เริ่มลงมือทำงานของตนในทันที ฉินเฟิงที่ยังคงยืนนิ่งค้างอยู่นั้น เมื่อครู่ท่าทีที่อวดดีหยิ่งผยองของเขา เอาแต่จ้องมองมาที่เซียวเฉวียนไม่มีหยุด
เขาโมโหเป็นอย่างมาก!
เซียวเฉวียนจ้องมองไปที่ฉินเฟิงก่อนจะเอ่ยถามว่า "บอกข้าสิ! เป็นเพราะข้าเกิดในครอบครัวที่ยากจน เจ้าเลยอิจฉาข้าที่เป็นเพียงขุนนางยศเล็ก ๆ เช่นนี้หรือ"
“เหตุใดคนเช่นข้าถึงมิอาจตบแต่งองค์หญิงได้เล่า?”
“เหตุใดข้าซึ่งเป็นคนที่เกิดในครอบครัวตระกูลยากจน จักมีทรัพย์สมบัติและอำนาจขึ้นมา แล้วจึงเป็นการข้ามหน้าข้ามตาพวกท่า”
"เพราะอะไรกัน!"
เซียวเฉวียนค่อย ๆ เดินก้าวเข้าไปทีละก้าว ใช่เพราะอะไรกัน?
"ข้าสอบตกมาตลอดสามปีติดต่อกัน! แต่ข้าก็ยังคงมุมานะบากบั่นที่จะกระตือรือร้นเรียนรู้เพิ่มเติม! ข้าที่สอบแข็งขันได้คะแนนเต็ม! ข้าเอ่ยถกเถียงประเด็นเอ่ยกลยุทธ์อย่างมีชั้นเชิง! ข้าที่เก่งกาจจนทิ้งห่างผู้คนไม่ติดฝุ่นเช่นนี้! หากข้าจักได้ตำแหน่งในราชสำนักแล้วมันทำไมกัน?"
กลิ่นอายของเซียวเฉวียนพลันแผ่กระจายออกมาในทันที ทั้งความทระนงตนความเย่อหยิ่งในตัว กดทับฉินเฟิงเสียจนอดไม่ได้ที่จะต้องก้าวถอยหลังลงไปหนึ่งก้าว นัยน์ตาของเซียวเฉวียนพลันเปล่งประกายแวววับออกมา "เจ้าที่สอบได้แค่ตำแหน่งจิ้นซื่อ มิพอใจสิ่งใดกัน?"
“ข้าใช้วิธีที่สุจริตและซื่อตรง ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างหนักหน่วง ถึงได้มีเงินทองมากมาย! ข้าทำผิดอันใดกัน?”
“ข้าที่รอดพ้นความตายมาได้อย่างหวุดหวิดหลายครั้งหลายครา เพียงเพราะสัญญากับท่านแม่ทัพฉิน ข้าจึงต้องกระโดดลงไปในวังวนมหาภัยของตระกูลฉินของพวกท่าน ข้ามีสิ่งใดที่ผิดกัน! ทั้งยังต้องมาถูกเรียกด่าทอว่าคนไร้ประโยชน์ เจ้าคนพิกลพิการทุกวันเช่นนี้!”
“ท่านกลับเอ่ยถามว่า เพราะเหตุใดข้าถึงได้มันไปทั้งหมดงั้นหรือ?”
ใบหน้าของเซียวเฉวียนพลันเย็นชาราวกับน้ำแข็ง หากแต่ดวงตาของเขากลับร้อนระอุราวกับไฟ "ท่านอ๋องเว่ยชิงแห่งรัฐไป๋ลู่ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เหตุใด ข้าเซียวเฉวียนถึงได้ในสิ่งที่พวกเจ้าทุกคนต้องการไปเสียหมด"
“ข้าจักบอกเจ้าให้ว่าทำไม”
“นั่นเป็นเพราะข้า เซียวเฉวียน กล้าคิด! กล้าที่จะปรารถนา! กล้าที่จะตาย! ข้าถึงสามารถทำได้อย่างไรล่ะ!”
คำพูดของเซียวเฉวียน ทำเอาฉินเฟิงตกตะลึงเสียจนพูดไม่ออกไปในทันที
ดวงตาของเซียวเฉวียนพลันเป็นประกายขึ้นมา "นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป! ข้าจะบอกกับพวกท่านทุกคนเองว่าทำไม!"
“ท่านและเว่ยชิงมิใช่อยากจะเป็นราชบุตรเขยของเมืองซินเจียงงั้นหรือ?”
เซียวเฉวียนจึงกล่าวออกมาด้วยความเย็นชาว่า "ข้าจักบอกพวกท่านให้ ทั้งท่านและเว่ยชิงจะไม่ได้องค์หญิงทั้งคู่"
“องค์หญิง เป็นของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“เป็นของข้า บัณฑิตผู้มาจากตระกูลที่มีฐานะต่ำต้อย!”
“เป็นของข้า บุคคลที่ไร้ประโยชน์ผู้นี้!”
“ข้าจักไม่สังหารเว่ยชิง! ข้าก็จะไม่สังหารท่านเช่นกัน! ข้าอยากให้พวกท่านทั้งหมดได้เห็นว่า โลกของพวกท่านทั้งหมดนั้นจักมาตกอยู่ในกำมือของข้าได้อย่างไร!”
“ข้าจักให้พวกท่านยอมก้มหัวศิโรราบแก่ข้าแต่โดยดี!”
เกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมานั้นอย่างบ้าคลั่ง เซียวเฉวียนเพียงแค่สะบัดมือและเดินจากไปไม่แม้จะสนใจคลื่นลมหิมะเสียด้วยซ้ำ!
ทั่วร่างของฉินเฟิงพลันรู้สึกชาวาบไปหมด เสือถูกปลุกขึ้นมาแล้ว!
เขาสามารถเห็นรากเหง้าการฝึกตนสีทองของเซียวเฉวียนได้ในทันที มีรากยาวเสียจนขึ้นไปถึงต้นคอของเขา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...