"เหตุใดรากเหง้าการฝึกตนของพี่เขยถึงได้... งอกงามถึงเพียงนั้น?" ฉินหนานถึงกับอ้าปากค้างไปในทันที เมื่อเห็นปกคอเสื้อของเซียวเฉวียนที่มิอาจปกปิดรากเหง้าการฝึกตนได้มิด
รากเหง้าการฝึกตนนั้นเป็นเสมือนต้นไม้ ทั้งยังมีการเจริญเติบโตและพัฒนาคล้าย ๆ กัน เช่นการงอกเงย การแตกใบ และการแผ่กิ่งก้าน
ฉินเฟิงที่เกิดมาพร้อมกับรากเหง้าการฝึกตนนั้น อีกทั้งรากเหง้าการฝึกตนของเขายังแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไปเสียด้วย โดยปกติแล้ว ยามที่คนปกติธรรมดาเกิดขึ้นมานั้นจักมีรากเหง้าการฝึกตนเล็กขนาดเท่าต้นถั่วเขียวเท่านั้น ทว่า รากเหง้าการฝึกตนของฉินเฟิงกลับมีขนาดเท่ากับต้นกล้าเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้ตระกูลฉินมีความสุขยิ่งนัก
ด้วยทั้งฉินเฟิงที่มีความเฉลียวฉลาด มุมานะบากบั่นพากเพียรมาตั้งแต่เด็ก รากเหง้าการฝึกตนที่มีขนาดเท่าต้นกล้านั้น หลังจากผ่านการฝึกฝนทางด้านความรู้และพรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่กำเนิดจนล่วงเลยมายี่สิบกว่าปีนี้ รากเหง้าการฝึกตนของเขาจึงได้ขยายขึ้นมาถึงลำคอแล้ว
ทว่า ในบรรดาเหล่าบัณฑิตทั้งหลายนั้น ฉินเฟิงจัดว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง หากแต่เซียวเฉวียนที่เพิ่งได้รับรากเหง้าการฝึกตนไม่นานนั้น รากเหง้าการฝึกตนของเขากลับเติบโตแซงหน้ากว่าของฉินเฟิงที่ใช้เวลาเจริญเติบโตมานานนับยี่สิบปี?
ฉินเฟิงที่ทั้งตกใจและตกตะลึงนั้น เขาได้แต่กำหมัดแน่นที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยามากมาย แม้แต่ในยามหิมะโปรยปรายลงมาเช่นนี้ ทว่า ท่วงท่าการเดินเซียวเฉวียนกลับสง่างามยิ่งนัก
โดยปกติแล้ว เซียวเฉวียนจักต้องปรี่เข้ามาทุบตีเขาสักที หากแต่วันนี้เซียวเฉวียนหาได้แตะต้องฉินเฟิงสักครั้งไม่
เซียวเฉวียนเพียงแค่กล่าวกับฉินเฟิงว่า:ในภายภาคหน้าของดี ๆ สิ่งใด ข้าจักเอาไปทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่องค์หญิง!
"น้ำหน้าเช่นเจ้าหรือ?"
ฉินเฟิงเอ่ยพึมพำกับตนเอง เจ้าคิดว่าผู้ที่อยู่ในรัฐไป๋ลู่ไร้น้ำยาหรืออย่างไร? เขาจักยอมให้เจ้าได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการไปเสียหมดหรือ? เซียวเฉวียน เจ้าอาชนะเขาไม่ได้หรอก!
แม้ว่าเจ้าจักมีรากเหง้าการฝึกตน หรือพรสวรรค์แล้วอย่างไร เจ้าก็ไม่อาจเอาชนะบุรุษจากรัฐไป๋ลู่ไปได้!
เซียวเฉวียนทระนงตนไปว่า ตนเองมีความสัมพันธ์อันดีกับองค์จักรพรรดิงั้นหรือ ทว่า เว่ยชิงจากรัฐไป๋ลู่ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่าบาทเช่นกัน!
หากย้อนกลับไปคิดดี ๆ แล้วนั้น พวกเขาเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันทั้งยังมีส่วนเสี้ยวของเชื้อพระวงศ์อีกด้วย เซียวเฉวียนจักนับเป็นสิ่งใดได้?
ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิยังให้ความสำคัญกับเว่ยชิงลูกพี่ลูกน้องของตนเองมากกว่า เว่ยชิงที่เป็นถึงบุคคลสำคัญและมีอำนาจมากผู้หนึ่งเช่นนี้ เพียงแค่อี้กุยที่เป็นคนคอยให้การสนับสนุนเซียวเฉวียน ยังไม่สามารถเทียบเคียงเท่ากับปลายเส้นผมของเว่ยชิงได้ เซียวเฉวียนจักมีสิ่งใดไปแย่งชิงองค์หญิงมาได้กัน?
“มิรู้จักเจียมเนื้อเจียมตนเอาเสียเลย!” ฉินเฟิงกล่าวตะคอกออกมาอย่างเย็นชา “กลับตระกูลฉิน! เรื่องราวในวันนี้ อย่าได้ริบอกกล่าวกับผู้ใดเป็นอันขาด”
"ขอรับ..." หลังจากที่เซียวเฉวียนเดินจากไปแล้ว ฉินหนานที่ยังคงยืนตกตะลึงอยู่กับที่นั้น ก็ไม่อาจดึงสติกลับมาได้!
มันช่าง!
สุดยอดยิ่งนัก!
รากเหง้าการฝึกตนของพี่เขยต้องการจักพลิกแผ่นฟ้าหรืออย่างไรกัน?
ความทรมานที่พี่เขยต้องทนทุกข์เช่นนี้! นับว่าคุ้มค่าแล้ว!
แต่หลังจากที่มีปัญหากับพี่ชายใหญ่ในวันนี้...เกรงว่าพี่เขยจักต้องโกรธเกลียดตระกูลฉินเป็นแน่
ฉินหนานเหม่อมองไปยังร่างที่หุบหายเข้าไปในหิมะ พร้อมกับความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย พี่เขยจักต้องเกลียดพวกเขามากแน่ ๆ เลย
หอปี๋เซิ่ง
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ภายในหอหอปี๋เซิ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก ในทุก ๆ วันจักต้องมีเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพมากินดื่ม หลังจากนั้นก็ชักดาบหนี
เมื่อเทียบกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและความเรียบง่ายครั้นในยามเปิดกิจการใหม่ ๆ นั้น หอปี๋เซิ่งในยามนี้ กลับกลายเป็นสถานที่ที่เหล่าราษฎรเพียงแค่ชำเลืองมองก็ยังขวัญหนีดีฝ่อไปเลยทีเดียว
เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพต่างก็ถือดาบถือกระบี่เข้ามา เมื่อเหล่าราษฎรอยากจะเข้ามาใช้บริการนั้น แค่เห็นพวกเขาต่างก็วิ่งหนีไปที่อื่นแล้ว
เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพหาได้มีฮูหยินมีบุตรมีหลายสืบสกุลไม่ ทั้งยังไม่รู้จักความเมตตาใด ๆ อีกด้วย มักจะอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด ในช่วงเทศกาลและวันขึ้นปีใหม่ต่าง ๆนั้น พวกเขาล้วนแต่พากันมารวมตัวในเหลาอาหารเพื่อกินดื่มไม่มีหยุด
โดยปกติแล้ว พวกเขามักจะชอบไปร้านอาหารร้านเล็ก ๆ แต่ในปีนี้ พวกเขากลับพากันยกโขยงมาที่หอปี๋เซิ่งเสียได้
สุราของหอปี๋เซิ่งนั้น ยังกลมกล่อมและมีรสชาติดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อดื่มลงคอไปแล้วรสชาติเผ็ดร้อนกลับแผ่กระจายไปทั่วลำคอ! นับว่าเป็นสุราชั้นเลิศ! พวกเขาชื่นชอบมันยิ่งนัก!
นับตั้งแต่เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพได้ยินข่าวเซียวเฉวียนกลายเป็นคนอัมพาตไปนั้น พวกเขาต่างก็พากันมากินข้าวที่หอปี๋เซิ่ง โดยมิยอมจ่ายเงินเลยสักตำลึง
ยามที่เจ้าหนึ่งจักเข้าไปติดเงินนั้น เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพพลันถ่มน้ำลายใส่ในทันที "ถุ้ย! พวกข้ามากินบะหมี่ที่เหลาอาหารของพวกเจ้า เพราะเห็นแก่หน้าตาเหลาอาหาร! เจ้ากล้ามาคิดบัญชีกับพวกข้างั้นรึ?"
พูดจบ ก็พลันชักดาบชักกระบี่ออกมาในทันที!
เพียงเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงการคิดบัญชีนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยเมื่อกินข้าวกินปลาเสร็จก็ชักดาบชักกระบี่ออกมาทำลายข้าวของไปในทันที ทำเอาหอปี๋เซิ่งที่ตกแต่งขึ้นมาอย่างงดงามนั้นต้องพังทลายลง หลังจากเกิดการลงไม้ลงมือเช่นนี้หลาย ๆ วันนั้น ทำให้แม่เซียวกับเซียวจิงรู้สึกทุกข์ใจยิ่งนัก
หากแต่พวกนางหาได้มีพละกำลังอันใดไม่ ถึงอย่างไรพวกนางเองก็เป็นเพียงแค่อิสตรี จักไปเป็นคู่มือต่อกรกับเหล่าโจรอันธพาลพวกนี้ได้อย่างไร? พวกนางโกรธโมโหเสียจนอดไม่ได้ที่จะมอบเหลาอาหารให้อาสือจัดการแทน ก่อนที่พวกนางจักกลับจวนตระกูลเซียวไป
ส่วนอาสือและเหมิงเอ้ารวมไปถึงคนอื่น ๆ เองกลับรู้สึกโมโหยิ่งนัก ทว่า ไม่เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพก้าวร้าวและค่อยยั่วโมโหพวกเขามากเพียงใด พวกเขาก็เป็นราษฎรคนธรรมดาที่หาได้มีตำแหน่งใด ๆ ไม่ ในฐานะที่เหมิงเอ้าและเจ้าหนึ่งพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้อารักขา หากมิได้รับคำสั่งจากเจ้านายของพวกเขาแล้ว พวกเขาย่อมไม่สามารถลงไม้ลงมือกับเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพได้
มิฉะนั้น ดาบจิงหุนของเหมิงเอ้าคงได้จัดการพวกเหล่าอันธพาลที่กินเสร็จแล้วคิดจะชักดาบหนีไปจนหมดแล้ว!
ในสถานการณ์ที่น่าคับขันเช่นนี้ อาสือที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นเถ้าแก่ของเหลาอาหารนั้น เดิมทีเขาวางแผนที่จะปิดเหลาอาหารเป็นการชั่วคราว ทว่า เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพเห็นว่าที่กินข้าวกินปลาของตนเองถูกปิดลงนั้น เขาก็ได้ทำการทุบทำลายที่ล็อกประตูของหอปี๋เซิ่ง พลางเดินเข้ามาขู่บังคับให้หอปี๋เซิ่งเปิดให้บริการพวกเขาเสีย
เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพยังกล่าวขึ้นมาอีกว่า หากให้บริการพวกเขาไม่ดีแล้วละก็ พวกเขาจะเผาหอปี๋เซิ่งทิ้งเสีย
ดังนั้น อาสือและเหล่าผู้อารักขาที่กำลังโมโหจนเดือดดาลนั้น จึงได้แต่ต้องจำใจเปิดเหลาอาหารต่อไป!
ในวันปีใหม่นั้น หอปี๋เซิ่งมีความครื้นเครงยิ่งนัก
เมื่อได้ยินมาว่าหอปี๋เซิ่งมิมีการเก็บค่าอาหารใด ๆนั้น เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพจากที่อื่นจึงพากันมารวมตัวกันที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...