“ไป๋ฉี่! เตรียมสู้!”
เซียวเฉวียนร้องเรียก ดวงตาเขาลุกเป็นไฟ แต่กลับมีก้อนเนื้อในลำคอ ลมหายใจเขาติดขัดอีกครั้ง เขาไอเล็กน้อย ไป๋ฉี่เหลือบมองเขาอย่างกังวล
“ไม่เป็นไร เจ้าแค่มีสมาธิเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้”
รากเหง้าการฝึกตนของเถ๋าจี๋นั้นแข็งแกร่ง ผู้อารักขาที่เขาควบคุมย่อมแข็งแกร่งกว่าเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน เขาต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง การสำลักเล็กๆ ของเซียวเฉวียนนั้นไม่นับเป็นอะไรเลย
“เข้ามา!”
เถ๋าจี๋ร้องเรียกหาคนสามครั้ง แต่กลับไม่มีใครมา
มีร่องรอยความลำบากใจในบรรยากาศเคร่งขรึม
เถ๋าจี๋ไอแห้งๆ แล้วเฝ้ารอ
เซียวเฉวียนเยาะเย้ยและรอคอย
ในเวลาไม่ถึงชั่วครู่ก็มีเสียงกีบม้าดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้อารักขาแม้เป็นคนธรรมดาแต่เมื่อถูกเรียกจะมาทันที ผู้อารักขาของเถ๋าจี๋มีระดับมากทำไมเขาถึงยังต้องขี่ม้า?
หูของเซียวเฉวียนกระตุก เขาตั้งใจฟัง ไม่ มันไม่ใช่แค่ม้า!
แต่เป็นฝูงม้า!
เสียงกีบเท้าม้าดังอย่างเป็นระเบียบ รวดเร็วและทรงพลัง!
ไม่ใช่ผู้อารักขา
เซียวเฉวียนหันกลับไป เขาเห็นม้าสีดำงดงามวิ่งควบมาจากสุดถนนสายยาว พวกเขาคือกองกำลังหยู่หลิน!
ทหารรักษาพระองค์แห่งฮ่องเต้!
“ย่าห์!”
“ย่าห์!”
“ย่าห์!”
เสียงกีบเท้าม้าวิ่งควบมาอย่างดุเดือด เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วถนนยาว ผู้คนต่างหวาดกลัวมากจนหลบอยู่ทั้งสองฝั่งถนน!
เถ๋าจี๋คำรามอย่างเยือกเย็น “เซียวเฉวียน! เจ้าถึงคราวตายแล้ว! ดูสิ เพราะเจ้าไม่เคารพท่านอ๋องและข้าผู้นี้ แม้แต่กองกำลังหยู่หลินก็ยังตื่นตระหนก! เจ้ายังดื้อรั้น!”
“พ่อของเจ้าสอนเจ้ามาไม่ดี!”
“กฎหมายต้าเว่ยจะสอนเจ้าเองว่าเป็นมนุษย์ควรทำตนเช่นไร!”
เถ๋าจี๋ภูมิใจในตัวเอง ดวงตาเซียวเฉวียนมืดลง “เจ้าลองพูดถึงพ่อของข้าอีกครั้งดูสิ?”
“แล้วอย่างไร? มีลูกชายอย่างเจ้า ตระกูลถึงถูกกำหนดให้สูญสิ้น! เขาเป็นคนมีชะตากรรมที่เลวร้าย!”
เถ๋าจี๋โกรธมากจนดุด่าออกมา เซียวเฉวียนก้าวไปข้างหน้าสองก้าวทันทีแล้วสะบัดมือตบเขาสามครั้ง!
“เพี๊ยะ!”
ตบครั้งนี้เป็นการขออภัยท่านพ่อ!
“เพี๊ยะ!”
ตบครั้งนี้เป็นการขออภัยเหวินเจี้ยวหยู้!
“เพี๊ยะ!”
ตบครั้งนี้! เป็นการสอนบทเรียนให้กับฉินปาฟางสำหรับคำพูดหยาบคายของเขา!
ที่ทำให้ผู้ชายตัวใหญ่ปากเสียได้ถึงขนาดนี้!
ใบหน้าเถ๋าจี๋บวมขึ้นอย่างไม่คาดคิด เซียวเฉวียนจ้องมองเขา “ลองพูดอีกครั้ง ข้ายังตบเจ้าได้อีก!”
“ข้า...ข้า...” ล้มเหลวในการเรียกผู้อารักขา เถ๋าจี๋ที่มีความกล้าหาญในตอนแรกเริ่มสับสนเล็กน้อย เขาพูดตะกุกตะกักอยู่ในปาก และไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
“ย่าห์! หยุด!”
ในเวลานี้ ผู้นำกองกำลังหยู่หลินยังเป็นจงกุ้ยแม่ทัพระดับห้า
ยามได้พบกับเซียวเฉวียนครั้งแรก เซียวเฉวียนยังเป็นผู้เข้าสอบที่ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
วันนี้เมื่อได้พบอีกครั้ง เซียวเฉวียนอยู่ในระดับห้าแล้ว
เขาเป็นขุนนางที่อยู่ในระดับเดียวกับจงกุ้ยแล้ว
ยามที่เซียวเฉวียนยังคงเป็นคนธรรมดาสามัญ จงกุ้ยและกองกำลังหยู่หลินคนอื่นๆ ล้วนเคารพเซียวเฉวียนเพราะกองทัพตระกูลเซียว และยามนี้เขาจะไม่ทำผิดพลาดใดๆ
ทันทีที่เขาลงจากหลังม้า เขาก็ทักทายกลุ่มคน “ข้าน้อยคารวะท่านอ๋อง ใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าเซียว”
มีเพียงเถ๋าจี๋เท่านั้นที่ขาดไป
เถ๋าจี๋ไม่พอใจมาก!
แม้จงกุ้ยจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฮ่องเต้โดยตรง แต่เขาก็ไม่สามารถเย่อหยิ่งได้ถึงเพียงนี้!
จงกุ้ยและพรรคพวกของเขา มีคนมาสี่สิบคนนับว่ามีจำนวนมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...