เมื่อสักครู่นี้ เถ๋าจี๋คุกเข่าลงร้องขอความเมตตา เอาแต่ร่ำไห้คร่ำครวญราวกับเซียวเฉวียนเป็นผู้ช่วยให้รอดของตน
หากหันมามองท่าทีในยามนี้ ช่างไม่ต่างจากปากสุนัขย่อมคายงาช้างออกมาไม่ได้[1]!
“โอ้ ไม่คิดว่าเจ้าจะมีสองหน้า!” เซียวเฉวียนหัวเราะเยาะ บรรดาชายหนุ่มจากตระกูลมั่งคั่งเหล่านี้มีความคิดกล้าได้กล้าเสียไม่เหมือนใครจริงๆ
“ไม่ใช่หรือ?” เถ๋าจี๋ที่กำลังคุกเข่าคำรามด้วยความโกรธแล้วรีบลุกขึ้นยืนทันที “ไม่ใช่เจ้าที่ใส่ความข้าหรือ? เจ้าตั้งรกรากอยู่ในจวนฉิน แต่ไม่ได้รับการต้อนรับจากจวนฉิน! เจ้าอาศัยชื่อเสียงของจวนฉินเพื่อให้ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ!”
“มีใครบ้างในเมืองหลวงที่ไม่หัวเราะเยาะเจ้า” เถ๋าจี๋ชี้เซียวเฉวียน “เจ้าไม่พอใจกับจวนฉินมานานแล้ว! ดังนั้นเจ้าจึงสังหารฉินปาฟางเพื่อระบายความโกรธ! เมื่อเหวินเจี้ยวหยู้ค้นพบ เจ้าสังหารคนอีกครั้งและทำให้เขาเงียบ!”
“ส่วนจวนซ่ง...จวนซ่งถูกสังหารหมู่ ใครบ้างไม่รู้ว่าในงานมงคลของการทดสอบระดับชนบทของเจ้า ซ่งจือทำให้เจ้าอับอายต่อสาธารณะและตั้งคำถามถึงการคัดลอกของเจ้า? เจ้าเป็นคนใจแคบที่มีความเคียดแค้นเสมอ! เจ้าหาเหตุสังหารซ่งเชียนเวิ่นลูกชายของเขาก่อน แต่ยังรู้สึกไม่พอใจ ในเวลาต่อมาเจ้าจึงสังหารทั้งตระกูลซ่ง!”
ปัญญาชนก็ยังเป็นปัญญาชน อ่านหนังสือมามากเกินไป เรื่องราวที่เขาแต่งขึ้นราบรื่นอย่างยิ่ง จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็ดูสมเหตุสมผล
“เถ๋าเหวินลิ่วและจูเหิงเป็นสหายกัน ข้าเป็นอาของเหวินลิ่ว จูเหิงเสียชีวิตเช่นไรไม่อาจทราบ ข้ายังสงสัยว่าเจ้าเป็นคนทำ!”
“ครั้งล่าสุดที่เจ้าตัดหูเถ๋าเหวินลิ่วออก ข้ายังคิดว่าเจ้าต้องการหูเพียงข้างเดียว” เถ๋าจี๋ชี้เซียวเฉวียนแล้วส่ายหัวซ้ำๆ “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุดของเจ้าจะมาถึงตรงจุดนี้!”
ในยามนี้ ในสายตาเถ๋าจี๋ เซียวเฉวียนเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัว ใจแคบและน่ารังเกียจที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!
เซียวเฉวียนคิดทวงคืนทั้งหมดที่ตนเสียไป!
เขาจะต้องล้างแค้นให้ตัวเองให้ได้!
“สังหารตระกูลซ่งยังไม่พอ แต่เจ้ายังอยากปลิดชีวิตตระกูลเถ๋าของข้าด้วย?” เถ๋าจี๋ตะโกน “ชั่วร้าย! เจ้าชั่วร้ายเกินไป!”
คำพูดของเถ๋าจี๋ฟังดูสมเหตุสมผล
คนที่เฝ้าดูข้างสนามไม่ใช่คนที่สามารถแยกแยะระหว่างสิ่งถูกผิดได้ เมื่อพวกเขาได้ยินเถ๋าจี๋พูดเช่นนี้ ความกลัวเย็นยะเยือกก็พุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
นายท่านจวนฉินเป็นคนเลวทรามจริงหรือ?
ผู้คนชี้มา “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
“จวนฉินช่างน่าสังเวชจริงๆ ที่มีนายท่านผู้นี้อยู่ภายใน ไม่ทันรู้ตัวก็ตกอยู่ในแผนการแล้ว!”
“ใจแคบยิ่งนัก มีพิษยิ่งกว่างูพิษตามภูเขา! แม้งูพิษจะกัดมันก็ต้องการเพียงชีวิตเดียว แต่นายท่านผู้นี้กลับสังหารทั้งตระกูล!”
“นั่นไม่ใช่ทั้งหมด! ตระกูลซ่งทั้งตระกูล ยังมีตระกูลเถ๋าทั้งตระกูลอีก!”
“จุ๊จุ๊จุ๊ มีลูกศิษย์เช่นนี้ปรากฏตัวในห้องหนังสือชิงหยวนใครจะกล้าไปร่ำเรียนที่ห้องหนังสือชิงหยวนอีก!”
“ข้ายังคงคิดจะส่งลูกไปที่นั่น ลืมมันไปเสียเถอะ ข้าได้ยินมาว่าปีศาจกวีวางแผนที่จะยกห้องหนังสือให้เซียวเฉวียน ลูกของเราถูกสอนโดยคนเลวทรามเช่นนี้ นี่ใช้ไม่ได้!”
“มีเหตุผล มีเหตุผล”
เถ๋าจี๋เป็นคนทรงพลังและมีการศึกษา เขาพูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถโน้มน้าวกลุ่มคนที่เฝ้าดูอยู่ได้
ภายในครึ่งวัน ความเลวทรามของเซียวเฉวียนอาจกลายเป็นหัวข้ออันดับหนึ่งในเมืองหลวง
การโดนน้ำสกปรกสาดใส่มันไม่สำคัญสำหรับเซียวเฉวียน ท้ายที่สุดแล้วเถ๋าจี๋ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย อยากพูดอะไรก็พูดมา!
แต่เมื่อมันอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการศึกษาที่สำคัญของห้องหนังสือชิงหยวน ไม่ได้!
นี่คือความปรารถนาชั่วชีวิตของเหวินฮั่น!
“หุบปาก! เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร!”
เซียวเฉวียนดุ แต่เถ๋าจี๋กลับมีความกระตือรือร้นมากขึ้นเรื่อยๆ “ทำไม? เจ้าร้อนตัวหรือ? อ่า เจ้ากล้าทำแต่ไม่กล้ารับหรือ?”
เถ๋าจี๋เป็นคนโง่ แต่เซียวเฉวียนไม่ใช่
คนทั่วไปเป็นเหมือนฝนเมื่อได้ยินเสียงลม แต่เซียวเฉวียนไม่เป็นเช่นนั้น
เซียวเฉวียนไม่ตอบเถ๋าจี๋ แต่กลับคำนับ “ใต้เท้าจง แม้จะอยู่ในหน้าที่ราชการก็ตาม แต่ขอท่านโปรดชี้แจงให้ชัดเจน ไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อห้องหนังสือชิงหยวน เกรงว่าจะมีคนคิดว่าเป็นข้าที่สร้างปัญหา ข้าขอถามท่าน หลักฐานทางกายภาพที่ผ่านการรับรองซึ่งตัดสินลงโทษเถ๋าจี๋นั้นใครเป็นคนตัดสิน? เป็นเสนาบดียุติธรรมหรือเรือนหวง?”
เหตุใดเซียวเฉวียนจึงแสร้งทำเป็นผู้บริสุทธิ์! ดวงตาเถ๋าจี๋เป็นประกาย เขามองจงกุ้ย ใช่ ใครเป็นคนตัดสิน?
เขาต้องการดูว่าเซียวเฉวียนซึ่งเป็นขุนนางระดับห้ามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน!
จงกุ้ยพยักหน้า ยอมรับคำขอของเซียวเฉวียน
เขาเผชิญหน้ากับเถ๋าจี๋แล้วพูดอย่างเย็นชา “เถ๋าจี๋ผู้ที่ตัดสินโทษเจ้าในวันนี้เป็นเรือนหวง ไม่เกี่ยวอะไรกับใต้เท้าเซียว! เจ้าเพียงแค่สารภาพและปฏิบัติตามกฎหมาย!”
ได้ยินไหม มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา! เซียวเฉวียนคำรามอย่างเย็นชา พับแขนเสื้อขึ้นแล้วกำลังจะจากไป!
คาดไม่ถึงว่าเถ๋าจี๋จะหยุดเขา ดวงตาเขามืดมน “เจ้ากินรวบทั้งสองด้านหรือ? เจ้าทำงานให้ทั้งฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดี? ดังนั้นท่านอัครเสนาบดีจึงดำเนินการเพื่อยุติเรื่องนี้ให้กับเจ้า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...