“ไปลงนรกเสียเถอะคุณชายสามฉิน”
ฉินหนานยังเยาว์วัย เขามีคำพูดคำจาที่จริงใจด้วยรูปลักษณ์แบบคนโบราณ รูปลักษณ์ที่เหลาะแหละและเย่อหยิ่งในยามเซียวเฉวียนพบเขาครั้งแรกนั้นหายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
การตายของฉินปาฟางทำให้หลานชายของตระกูลฉินเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและรอบคอบมากขึ้น
ยกเว้นฉินเฟิง
ฉินหนานยิ้มอย่างหมดหนทาง แล้วออกเดินทางโดยมีตารางสูตรคูณอยู่ในมือ
เว่ยชิงแพร่ข่าวลือและสร้างปัญหาทำลายชื่อเสียงของเซียวเฉวียนโดยสิ้นเชิง เดิมทีเขาคิดว่าคราวนี้เขาสามารถใช้โอกาสนี้กำจัดตัวตนของเซียวเฉวียนในฐานะศิษย์ของเหวินฮั่นได้
ด้วยเหตุนี้เซียวเฉวียนจึงโยนตารางสูตรคูณออกมาอย่างเยือกเย็นโดยใช้สูตรที่เรียบง่ายและจับใจที่สุดมอบบทเรียนเลขแก่คนทั่วไปที่ผ่านหน้าประตูห้องหนังสือชิงหยวน
ตารางสูตรคูณหรือที่เรียกว่าเพลงเก้าเก้าในประเทศจีนเป็นกฎการคำนวณพื้นฐานสำหรับการคูณ การหาร และการคำนวณอื่นๆ ในการคำนวณของจีนโบราณซึ่งมีการใช้ในประเทศจีนมานานกว่าสองพันปี
ในประเทศจีนเพลงเก้าเก้าปรากฏตัวในช่วงยุคแห่งความแตกแยกอย่างยุคชุนชิว[1] นี่คือสิ่งที่บรรพบุรุษชาวจีนเคยทิ้งร้าง
สิ่งธรรมดานี้กลับแตกต่างออกไปเมื่ออยู่ในต้าเว่ย นี่เป็นระเบิดที่น่าตกใจครั้งใหม่!!
คนส่วนใหญ่ไร้การศึกษา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากในการสอยสั่งบทกวีในช่วงแรก
เช่นเดียวกับเด็กๆ ในโรงเรียนอนุบาลที่ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยตัวเลขแล้วจึงเรียนรู้การคำนวณ
ตารางสูตรคูณของเซียวเฉวียนนั้นทุกคนสามารถเข้าใจและอ่านได้ จึงยิ่งน่าจับตามองขึ้นไปอีก
ด้วยเพลงเก้าเก้านี้การคำนวณรายวันสำหรับผู้คนจึงสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องนับนิ้วหน้าแผงผักเพื่อคำนวณอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น คนส่วนใหญ่ไม่แน่ใจนักจึงจบลงด้วยการนับนิ้วซ้ำอีกครั้ง
คนทั่วไปเป็นเพียงคนนอกและจะติดตามใครก็ตามที่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี
ไม่สิ เมื่อวานพวกเขาบอกว่าเซียวเฉวียนเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก เขาเป็นคนที่มีจิตใจโหดร้ายราวสุนัข แต่วันนี้เขากลับเป็นขุนนางน้ำดีที่สั่งสอนพวกเขาด้วยความเมตตา
ชื่อเสียงของเซียวเฉวียนเริ่มดีขึ้นในทันใด
เพลงเก้าเก้าไม่ต่างจากผูกงอิง[2] ทันทีที่ลมพัดเข้ามาในห้องหนังสือชิงหยวน ในไม่ช้าก็แพร่กระจายไปทั่วต้าเว่ย
ไม่มีขุนนางคนใดเคยเปิดเผยสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ต่อสาธารณชน
นี่เป็นครั้งแรกในต้าเว่ย!
ไม่มีใครรู้ว่าทันทีที่เพลงเก้าเก้าเริ่มแพร่กระจาย เทือกเขาคุนหลุนที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย
คนธรรมดาไม่สามารถสังเกตเห็นได้ แต่ผู้อารักขาที่เกิดเป็นทาสคุนหลุนทั่วทั้งต้าเว่ยรู้สึกได้ในเวลาเดียวกันว่ามีพลังอันอ่อนโยนในร่างกายของพวกเขา ราวกับมีบางอย่างกำลังจะตื่นขึ้น
เซียวเฉวียนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เว่ยชิงที่อยู่ในสวนหรงหยวนซึ่งมีความกังวลอยู่แล้วก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้น
เซียวเฉวียนแต่งบทกวีที่น่าตกใจ เขายังไม่ได้ทักท้วงเลย
ยังมีที่ดีกว่า
ยามนี้เขาคิดค้นเพลงเก้าเก้าสำหรับการคำนวณขึ้นมาได้เชียวหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนจะเข้าใจได้ง่ายขนาดนี้เลยหรือ?
ความรู้ประเภทนี้ได้รับการพัฒนาโดยสหายชาวจีนของเขาด้วยหรือไม่?
เว่ยชิงเข้าใจผิดไปจริงๆ มันไม่ได้พัฒนาขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่ถูกใช้โดยคนจีนโบราณมาเป็นเวลาหลายพันปี
ควรทำอย่างไร...
ชีวิตของเซียวเฉวียนในยามนี้ไม่สามารถพรากไปได้ สองวันก่อนเขาเข้าวังเพื่อถามเรื่องของเถ๋าจี๋ องค์ฮ่องเต้สั่งเขาห้ามสร้างปัญหาให้เซียวเฉวียนอีก ไม่เช่นนั้นเขาจะทำผิดต่อฉินปาฟาง
ฉินปาฟางให้ความสำคัญกับหลานชายคนนี้มาก ไม่สามารถปล่อยให้บรรพบุรุษของขุนนางผู้ซื่อสัตย์เสียใจได้
ฮ่องเต้ทรงเตือนเว่ยชิงว่าในฐานะราชวงศ์ เขาไม่ควรสู้กับขุนนางผู้ภักดีเนื่องจากความขัดแย้งทางวาจา จนทำแม้กระทั่งนำตราประทับเหวินอิ้นออกมา
เรื่องที่เว่ยชิงนำตราประทับเหวินอิ้นออกมานั้น ไม่จำเป็นต้องพูด จะต้องเป็นจงกุ้ยแห่งกองกำลังหยู่หลินกราบทูลเป็นแน่
นี่เป็นเรื่องร้ายแรง โชคดีที่ฮ่องเต้ทรงนึกถึงภราดรภาพและไม่ได้ลงโทษใดๆ เขาถูกลงโทษเพียงให้หันหน้าเข้าหากำแพงในสวนแล้วคิดถึงความผิดพลาดของตนอยู่หลังประตูที่ปิดสนิท
เว่ยชิงไม่ได้ทูลฮ่องเต้ว่าเซียวเฉวียนกล่าวว่าต้องการรัฐไป๋ลู่ของเขา ท้ายที่สุดใครจะเชื่อเรื่องตลกเช่นนี้?
ยามนี้ฮ่องเต้กำลังจับตาเว่ยชิง เขาจึงไม่สามารถสังหารเซียวเฉวียนได้ แต่ละวันได้แต่เบื่อหน่ายอยู่ในสวนหรงหยวนโดยไม่มีอะไรให้ทำ ดังนั้นเขาจึงต้องการทำลายชื่อเสียงเซียวเฉวียน
ด้วยวิธีนี้เซียวเฉวียนจะไม่สามารถอยู่ในห้องหนังสือชิงหยวนได้อีก
ด้วยวิธีนี้ปีศาจกวีจะต้องโกรธ และไม่นับเซียวเฉวียนเป็นลูกศิษย์ของเขาอีกต่อไป
หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากปีศาจกวี เซียวเฉวียนจะยังกล้าแตะต้องจอมยุทธ์และแย่งชิงองค์หญิงของเขาไปได้อีกหรือ?
เว่ยชิงยังไม่รู้ว่าจะสังหารเซียวเฉวียนได้อย่างไร เซียวเฉวียนโยนชิ้นส่วนของเพลงเก้าเก้าลงมา สิ่งนี้ทำให้ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ไม่สามารถกินได้ทั้งยังนอนไม่หลับด้วยความวิตกกังวล
ในเวลานี้มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง ท่านอัครเสนาบดีได้ส่งบัตรเชิญมาด้วยต้องการพบท่าน”
ไม่จำเป็นต้องพูดว่าท่านอัครเสนาบดีต้องการดึงเขากลับเข้าที่อีกครั้ง
เว่ยชิงแตกต่างจากท่านพ่อซือชือของเขา ซือชือกับเว่ยเจียนกั๋ว ในขณะที่เว่ยชิงนับเป็นสหายกัน ขณะที่เว่ยชิงกับฮ่องเต้มีสัมพันธ์ที่ดี
ซือชือเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ขณะที่เว่ยชิงได้สืบทอดรัฐไป๋ลู่ซึ่งหมายความว่าการเชื่อมโยงระหว่างเว่ยเจียนกั๋วและรัฐไป๋ลู่ถูกตัดขาด ยามนี้เขาย่อมต้องการนำมันกลับมา
ท่านอัครเสนาบดีขอเข้าพบทุกวัน แต่เว่ยชิงไม่เคยให้พบเลย
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลเถ๋า เว่ยชิงก็เริ่มรังเกียจฝ่ายเว่ยเจียนกั๋วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับท่านอัครเสนาบดี
อย่างไรก็ตามฮ่องเต้ไม่มีทางเลือกเว่ยเจียนกั๋ว และท่านอัครเสนาบดีมีอำนาจมากเกินไป มีเพียงเถ๋าจี๋ที่สามารถใช้เป็นแพะรับบาปได้
เว่ยชิงสูญเสียผู้สนับสนุนคนหนึ่งไป และไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับความพ่ายแพ้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...