หา เซียวเฉวียนช่างมีพรสวรรค์เสียจริง
ศิษย์พี่? ศิษย์พี่คนใดกัน เขาไม่มีศิษย์พี่เช่นนี้!
ภายในใจของเว่ยชิงรู้สึกต่อต้านและดูถูกดูแคลนเซียวเฉวียนออกมาโดยไม่รู้ตัว คนเช่นเซียวเฉวียนน่ะหรือ มีคุณสมบัติอันใดมาเป็นศิษย์พี่ของเขา?
ทว่า หลังจากที่เขาได้รับคำยกยอปอปั้นมากมายจากผู้คนมาเมื่อครู่นั้น เขาเองก็นึกเห็นด้วยกับการsyวเราะเยาะเย้ยที่คนเหล่านั้นกระทำต่อเซียวเฉวียนเช่นกัน ในยามนี้เว่ยชิงจักยอมพ่ายแพ้ไปได้อย่างไร?
เขาที่มีฐานะเป็นถึงท่านอ๋อง จักต้องมามีศิษย์พี่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
เขาจักมาถูกเซียวเฉวียนเรียกตัวไปมาตามสั่งได้อย่างไร?
เว่ยชิงที่เป็นหนึ่งคนที่มีอำนาจและยศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตเช่นนี้ หากเขามิพอใจย่อมมิอาจกล่าวออกมาได้โดยตรง เขาจึงทำได้เพียงแต่ขมวดคิ้วเป็นปมเท่านั้น เหล่าลูกหลานของตระกูลขุนนางย่อมเข้าใจได้ว่าเขาหมายถึงเช่นไร
ฉะนั้นแล้ว ยังมิทันที่เว่ยชิงจะเปิดปากออกมานั้น เหล่าบุตรหลายตระกูลขุนนางจึงเริ่มเอ่ยปากด่าทอออกมาอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
“ศิษย์พี่อะไรกัน?”
“ใช่แล้ว! ศิษย์พี่อันใดกัน? ก็แค่บุตรเขยที่แต่งเข้าตระกูลมิใช่หรือ ยังจักมากล้าแอบอ้างว่าเป็นศิษย์พี่ของท่านอ๋องอีกหรือ?”
“ท่านปีศาจกวีมิได้ทิ้งเขาไปนานแล้วหรือ? ในตอนที่เซียวเฉวียนยังเป็นอัมพาตอยู่นั้น ท่านปีศาจกวีหาได้มีท่าทีใส่ใจเซียวเฉวียนสักนิดไม่?”
เหล่าคุณชายตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายต่างพากันเอ่ยวาจาร้องรับกันมิได้หยุดได้หย่อน ทว่า ทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นคำพูดที่อยู่ภายในใจของเว่ยชิงทั้งหมดทั้งสิ้น
ข้ารับใช้ตระกูลฉินผู้นั้นพลันมีใบหนาแดงก่ำไปในทันที เขาเองก็เป็นเพียงเด็กส่งข่าวของนายท่านเท่านั้น เขาจักไปรู้ได้อย่างไรกันว่านายท่านคิดเห็นเช่นไร?
เหล่าลูกหลานของตระกูลขุนนางจึงพากันหัวเราะเยาะ ก่อนจะเอ่ยพูดเหน็บแนมออกมาว่า "กลับไปรายงานในท่านของเจ้าเสียว่า อย่าได้มาปรากฏกายต่อหน้าท่านอ๋องอีก"
“ใช่ ๆ แม้แต่ท่านปีศาจกวียังมิต้องการเขา เขายังคิดที่จะมาแสดงตัวตนว่าเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับท่านอ๋องอีกรึ!”
“ในยามนี้ ท่านอ๋องเป็นศิษย์คนโปรดของท่านปีศาจกวีไปแล้ว บอกให้นายท่านของพวกเจ้าไสหัวไปจากที่นี่เสีย!”
ฉินเฟิงพลันมีใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก เขาจึงหันมาตวาดใส่ข้ารับใช้ผู้นั้นว่า "ยังมิไสหัวออกไปจากที่นี่อีก! ไอ้เจ้าตัวมารยาททราม อย่าได้ริทำให้ตระกูลฉินต้องขายหน้าไปมากกว่านี้!"
ถึงแม้ว่าทุกคนจะเอ่ยด่าทอต่อข้ารับใช้ผู้น้อยคนนั้น หากแท้จริงแล้วทุกคนต่างรู้กันดีว่าต้องการด่าทอให้ไปกระทบถึงเซียวเฉวียนนั่นเอง
เหล่าบรรดาลูกหลานของครอบครัวตระกูลชนชั้นสูง จึงพากันเอาปากปิดปากและบังจมูกของตนเองเอาไว้ ตระกูลฉินโชคไม่ดียิ่งนัก ที่มีบัณฑิตสมาชิกยากจนเช่นเซียวเฉวียนอยู่ในตระกูลเช่นนี้ จักเชิดหน้าชูตาเช่นใครเขาก็มิได้ จึงได้แต่ต้องตกเป็นขี้ปากพวกเขานั่นเอง
คำพูดวาจาเยาะเย้ยที่ดูเหมือนมิได้เกิดขึ้นนั้น ทำเอาฉินเป่ยที่ถูกทุกคนจ้องมองแล้วรู้สึกไม่สบายใจออกมาแทน "ท่านพี่ใหญ่ พวกเราควรฉันควรจะทำอย่างไรดี?"
“ควรทำอย่างไรหรือ? ก็ไม่ต้องสนมันไง! คนชั่วเช่นเซียวเฉวียน พวกเราจักต้องฟังคำเขาด้วยหรือ?” ฉินเฟิงพลางตะคอกออกมาอย่างเย็นชา เหล่าลูกหลานของตระกูลขุนนางจึงพากันปรบมือให้
“คุณชายใหญ่ตระกูลฉินพูดได้ดี! รู้ความยิ่งนัก!”
มีบางคนที่นึกเห็นด้วยกับฉินเฟิง ทว่า ก็มีบางคนที่คัดค้านเช่นกัน
"กล่าวเช่นนี้ มิใช่เป็นการสังหารญาติมิตรเพื่อความยุติธรรมของตนเองหรือ!"
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าตระกูลฉินหาได้ชื่นชอบบุตรเขยผู้นี้ไม่ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเรื่องจริง ทว่า การที่ฉินเฟิงพยายามจะตัด ความสัมพันธ์ออกเช่นนี้ นับว่าใจร้ายเกินไปมาก” ถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนจะก่อปัญหาออกมาเช่นนี้ การไม่ตีเขาให้ตายก็นับว่าดีแล้ว จักเอ่ยคำว่าใจร้ายออกมาได้อย่างไรกัน?
"มีเพียงตระกูลฉินเท่านั้นที่สามารถทนต่อคนเช่นเซียวเฉวียนได้ หากว่าเซียวเฉวียนแต่งเข้าตระกูลของข้าละก็ การกระทำที่เป็นการไร้มารยาทเช่นนี้ คงได้ถูกบิดาข้าทุบตีจนตายเป็นแน่!"
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
เดิมทีฉินเฟิงคิดว่า การที่เขาเข้าร่วมการด่าทอเซียวเฉวียนจักสามารถทำให้ตนเองเข้าใกล้คนเหล่านี้ได้มากขึ้น ทว่า มันกลับทำให้เขาถูกหัวเราะเยาะเย้ยมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ทำเอาทั่วร่างของเขาสั่นเทาไปด้วยความโกรธเกรี้ยวในทันที
เว่ยชิงเหลือบมองเฉินเฟิงเพียงเลHกน้อย ก่อนจะแสร้งกล่าวออกมาราวกับเป็นคนดีมีเมตตาว่า "เอาล่ะ ตราบใดที่คุณขายใหญ่ตระกูลฉินเป็นคนมีเหตุผลเช่นนี้ เปิ่นหวางเองก็จักไม่ใส่.0ศิษย์พี่ที่ไม่ได้เรื่องคนนี้เช่นกัน ท่านอาจารย์เคยกล่าวกับข้าเอาไว้ว่า เขาหาได้สนใจเซียวเฉวียนคนผู้นี้ไม่!”
แน่นอนว่าท่านปีศาจกวีหาได้เอ่ยคำพ^ดเช่นนี้ออกมาไม่ หากแต่เป็นเว่ยชิงที่เอ่ยออกมาเช่นนั้นด้วยตนเอง
เหล่าบรรดาคุณชายในตระกูลขุนนางต่างพากันหัวเราะเสียงดังออกมาในทันที "ใช่ ๆ อย่าไปสนใจเลย! วันนี้พวกเราจักกินดื่มร่ำสุรา เพื่อเฉลิมฉลองให้แก่ท่านอ๋องที่ได้เป็นหนึ่งในศิษย์ของอาจารย์ที่มีชื่อเสียง!"
"ดี!"
"ฮ่าฮ่า ! พวกเรามาดื่มกันเถอะ"
เว่ยชิงเดินนำผู้คนไปยังด้านในหอเทียนหมิงในทันที เถ้าแก่เหลาอาหารที่กลัวว่าเว่ยชิงจักหนีไปนั้น เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเขาถึงได้วางใจลง
หากว่าท่านอ๋องไปที่หอปีไปหอปี๋เซิ่งแล้วไซร้ เช่นนั้นวันนี้เขาจะยังหาเงินได้อย่างไรเล่า?
“ท่านอ๋อง คุณชายทั้งหลายขอรับ เชิญทางนี้เลยขอรับ!” เถ้าแก่เหลาอาหารจึงแย้มยิ้มตาหยีออกมาในทันที
ในยามที่เว่ยชิงกำลังจะเดินก้าวข้ามธรณีประตูไปนั้น ข้ารับใช้ตระกูลฉินจึงได้กัดฟันกล่าวออกมาราวกับกำลังเสี่ยงชีวิตของตนออกมาว่า "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ... ทว่าเหวินคุนเจี้ยวหยู้กำลังรอท่านอยู่ในหอปี๋เซิ่งเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...