เหล่าคุณชายตื่นตกใจ ไม่รู้ว่าตนเองควรทำเช่นไรต่อไป
จูโชงคือหลานชายหัวแก้วหัวแหวนแห่งจวนอัครเสนาบดี เป็นคนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
ไม่มีใครเคยพูดกับจูโชงรุนแรงเช่นนี้มาก่อน นับประสาอะไรกับการที่ถูกเซียวเฉวียนยกคอเสื้อขึ้นมาเช่นนี้
จูเหิงที่ล่วงลับไปแล้วคือลูกพี่ลูกน้องของจูโชง จูเหิงเองก็เป็นที่รักของคนตระกูลจู แต่หลังจากที่จูเหิงจากไป ทำให้ตระกูลจูสูญเสียผู้สืบทอดของตระกูลไปหนึ่งคน ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับจูโชงมากยิ่งขึ้น
จูโชงมีความสุขกับการได้รับความรักจากคนในจวนอัครเสนาบดี ผู้ของเขา อัครเสนาบดีจูตอบสนองความต้องการของเขามากขึ้น ให้ในทุกสิ่งที่เขาต้องการ
แต่อย่างไรก็ตาม จูโชงไม่ได้ฉลาดเหมือนกับจูเหิง จูเหิงสามารถสอบได้ลำดับที่สองในการสอบคัดเลือกขุนนาง แต่จูโชงกลับล้มเหลวมาโดยตลอดในระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา และได้รับคะแนนน้อยกว่าเซียวเฉวียนครึ่งต่อครึ่ง
ในการสอบคัดเลือกขุนนางครั้งก่อน จูโชงและจูเหิงทำข้อสอบด้วยกัน แต่จูโชงกลับสอบไม่ผ่าน ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายจูโชงก็เลือกที่จะไม่สอบอีกต่อไป ออกไปเที่ยวเตร่กับคุณชายของตระกูลขุนนาง ดังนั้นตระกูลของเขาจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับจูเหิง
สุดท้ายจูเหิงกลับต้องมาตาย ทำให้ทั้งตระกูลของเขาต้องหันกลับมาฝากความหวังไว้กับจูโชง
จูโชงมีชื่อเสียงในเรื่องของลูกผู้ที่ดีมีเงิน แต่เขาไม่ใช่คนฉลาด
หากเขารู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจูเหิงตายไปด้วยเนื้อมือของนายท่านผู้ไร้ค่า เขาคงไม่กล้าที่จะโอหังถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม จูเหิงทำให้ฉินซูโหรวต้องอับอาย และวางแผนชั่วร้ายต่อภรรยาของจูโชง นี่เป็นเรื่องอื้อฉาวในตระกูลของพวกเขา ดังนั้นการจากไปของจูเหิงจึงเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและผ่านไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น
แม้แต่จูโชงเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของจูเหิง คนโง่เขลาอย่างเขาจะไปรู้อะไร เขาจ้องเขม็งมาที่เซียวเฉวียน “เจ้าคนบาปแห่งจวนฉิน! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
“ข้าถามเจ้าว่าฉินหนานอยู่ที่ไหน?”
“เหอะ! ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?” จูโชงเงยหน้าขึ้น “บางทีเขาอาจจะถูกผู้อารักขาของข้าสังหารไปแล้วก็ได้!”
“งั้นหรือ?”
“ใช่! ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า! หากไม่ใช่เพราะมีพี่เขยอย่างเจ้า ฉินหนานจะกล้าพูดกับข้าเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”
จูโชงพูดปาว ๆ ออกมา ลมหายใจของเขาเน่าเหม็น ทำให้เซียวเฉวียนแทบจะอาเจียนออกมา
“จูโชง เจ้าทำร้ายโย่วควน และทุบตีคุณชายตระกูลฉิน ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าหนึ่งครั้ง! พูดออกมาเสียโดยดี สำนึกผิดกับสิ่งที่เจ้าทำลงไป!”
เซียวเฉวียนเป็นผู้สูงศักดิ์ แน่นอนว่าเขาวางตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องพูดถึงน้ำเสียงที่เย็นชาและไม่แยแสของเขาในตอนนี้ ซึ่งทำให้จูโชงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
จูโชงจ้องมาที่เขา เซียวเฉวียนเป็นแค่ปัญญาชน เหตุใดถึงได้มีจิตสังหารที่รุนแรงถึงเพียงนี้?
เมื่อได้สติกลับคืนมา จูโชงหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวว่า “สำนึกผิด? ข้าไม่เคยสำนึกผิดมาก่อน! และข้าก็ไม่มีทางสำนึกผิดเป็นอันขาด!”
เซียวเฉวียนปล่อยคอเสื้อของเขา “เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อเจ้าอยากเจอท่านอ๋องถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ไปพบกับเขาเสียเถิด!”
จูโชงถูกคว้าด้วยมือของเซียวเฉวียนอย่างแรงจนหายใจไม่ออก เขากระแอมออกมาสองครั้งหลังจากถูกปล่อย “เซียวเฉวียน! เจ้ากล้าคว้าคอของข้าอย่างนั้นหรือ! ข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญ ขอแค่ข้าบอกท่านปู่กับสิ่งที่เจ้าทำกับข้าในวันนี้ เจ้าก็จะไม่มีที่ยืนในราชสำนักอีกต่อไป!”
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะยังกล้าบังคับให้ข้าสำนึกผิดอยู่อีกหรือไม่!” “เหอะ!”
“เจ้าคนเลวทราม ต่ำช้า!”
คำพูดของจูโชงรุนแรงขึ้นทุกที คุณชายคนอื่น ๆ ต่างยืดอกขึ้นมา ใช่! เซียวเฉวียนคิดว่าตัวเองเป็นใคร เขาก็แค่คนที่พึ่งพาฉินปาฟางจนสามารถก้าวขึ้นมาในตำแหน่งจอหงวนได้ จากนั้นก็แต่งงานและได้เลื่อนตำแหน่ง เขาไม่ได้มีความสามารถเลยแม้แต่น้อย เหตุใดถึงกล้ามายั่วยุพวกเขาถึงเพียงนี้
จูโชงจัดเสื้อผ้าของตนเอง หากต้องการเข้าพบท่านอ๋อง เขาจำเป็นต้องแต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อย
ขณะที่เขาเดินเข้าไปในหอปี๋เซิ่ง เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ฝากเอาไว้ก่อน! เมื่อข้าพาท่านอ๋องออกมา! ข้าจะขอให้เขาถลกหนังหัวของเจ้า!”
“ข้าไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาก่อน! ลูกเขยต่ำต้อยอย่างเจ้า คิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือไง! ไอ้ขยะ!”
จูโชงจ้องเขม็งมาที่เซียวเฉวียนด้วยความโกรธ หันกลับไปแล้วยิ้มออกมา “ท่านอ๋อง! ข้ามาแล้ว! ท่านกำลังทำอะไรอยู่ด้านใน เหตุใดท่านถึงไม่ยอมออกมา เช่นนั้นข้าจะเป็นคนเข้าไปเชิญท่านออกมาเอง”
เหล่าคุณชายตระกูลขุนนางมองมาที่เซียวเฉวียนด้วยสายตาอันเยือกเย็น พวกเขาอยากรู้ว่าเมื่อท่านอ๋องออกมาแล้ว เขาจะจัดการกับเซียวเฉวียนอย่างไร!
“อ๊ากกก!”
เหล่าคุณชายตระกูลขุนนางยังไม่ทันได้กะพริบตา ทันใดนั้นจูโชงก็ส่งเสียงร้องออกมาราวกับว่าถูกผีหลอก จากนั้นก็รีบถอยออกมาจากหอปี๋เซิ่ง!
ทันทีที่ออกมาด้านนอก เขาก็หันมามองเซียวเฉวียน ใบหน้าของเขาเหมือนกับผู้ที่ได้พบเห็นยมบาล ตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว “อ๊ากกก!”
คุณชายคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทางของจูโชง พวกเขารีบตะโกนถามออกมาว่า “ทำไม เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ! มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ!”
ร่างกายของจูโชงสั่นเทา พูดอะไรไม่ออกสักคำ ท่านอ๋องที่เขาพูดถึงคือคนที่เขาเคารพนับถือ ตอนนี้กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น!
จมูกกลายเป็นสีแดง ดวงตาบวมปูด!
เลือดไหลออกมาจากจมูก!
ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย!
ฉินเฟิงยังไม่ตาย!
ในตอนที่จูโชงเข้าไปด้านใน ฉินเฟิงยังส่งเสียงครวญครางออกมาอยู่เลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...