เซียวเฉวียนช้อนสายตามาดูหนึ่งหน ไม่รู้จักคนผู้นี้
คนผู้นี้สวมใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ ใบหน้าหมดจดงดงาม ภายในหนึ่งประโยคช่วงเวลาสั้น ๆ ดวงตาก็แอบสำรวจเซียวเฉวียนจากบนลงล่างจากล่างขึ้นบนไปสองรอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมืองหลวง ณ ตอนนี้ ผู้ที่เห็นเซียวเฉวียนขวางหูขวางตานั้นมีเกลื่อนเป็นไปหมด เซียวเฉวียนย่อมไม่สนใจคนเช่นนี้อยู่แล้ว เพราะในวันหนึ่งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็นมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องทำอย่างไรล่ะ!
ยิ่งไปกว่านั้นแล้วคนผู้นี้มองดูแล้วคำพูดคำจาถากถาง ไร้มารยาท ประโยคไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบสักประโยคก็ไม่มีเช่นกัน ราวกับว่ากำลังจงใจเย้ยหยันเซียวเฉวียนอยู่เลยก็ไม่ปาน
ดวงตาของเซียวเฉวียนไม่ว่อกแว่ก เดินมุ่งหน้าตรงไปต่อ เมื่อคนผู้นั้นเห็นเช่นนี้แล้ว ดังนั้นจึงรายงานชื่อเสียงเรียงนามของตนเองด้วยความหยิ่งผยองทันที "ข้าคือพ่อบ้านแห่งจวนอัครเสนาบดี ไม่ทราบใต้เท้าเซียวเห็นคุณชายของข้าบ้างหรือเปล่า?"
ที่แท้ก็เป็นคนที่มาจากตระกูลของไอ้งี่เง่าจูโชงนั่น
พ่อบ้านเอ่ยถามขึ้นมาเช่นนี้ย่อมที่จะต้องเป็นการแสร้งเอ่ยถามขึ้นมาอยู่แล้ว การเคลื่อนไหวของหอปี๋เซิ่งใหญ่โตเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ล้วนทราบอยู่แล้วว่าจูโชงอยู่ที่นั่น
"คุณชายของท่านร่ำสุรากับท่านอ๋องอยู่ที่หอปี๋เซิ่ง ท่านไปหาเขาที่นั่นเถิด"
เซียวเฉวียนส่งเสียงหึเย็นชาหนึ่งเสียง สะบัดชายเสื้อหนึ่งหน เดินจากไปแล้ว
เห็นเซียวเฉวียนใคร่จะไม่ไยดี ท่าทีไม่มีความรู้สึกเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว พ่อบ้านกระทืบเท้าด้วยความโกรธ "ใต้เท้าเซียว! ท่านอัครเสนาบดีมีกลอนประโยคหนึ่งมอบให้แก่ท่าน!"
ร่างทั้งร่างของเซียวเฉวียนพลันชะงักนิ่งทันที เขากลับอยากที่จะฟังดูเสียหน่อย ว่าอัครเสนาบดีชั่วช้าไร้ยางอายผู้นี้จะมอบบทกลอนอะไรแก่เขา!
"เจ้าปัญญาชนแลชื่อเสียเล็กจ้อยในพงศาวดาร ขยะไร้ค่าเทียบแม่น้ำยั่งยืนมิได้!"
ความหมายของกลอนบทนี้คือพวกเจ้าปัญญาชนกลุ่มนี้ เป็นเพียงแค่เศษเล็กเศษน้อยในแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองชื่อเสียงจึงต้องมอดม้วยดับไป ส่วนพวกเขากลุ่มคนเหล่านี้กลับสามารถเป็นได้ถึงแม่น้ำไม่มีวันม้วยมลาย คงอยู่ยิ่งยืนนาน
อัครเสนาบดีก็คืออัครเสนาบดี ปรมาจารย์วรรณคดีก็คือปรมาจารย์วรรณคดี ด่าคนขึ้นมาแล้วก็ช่างมีมารยาทดีแท้
กลอนของอัครเสนาบดีบทนี้ แปลเป็นภาษาในยุคปัจจุบันก็คือ ถ้ายังตอแหลอีก แกโดนตีตายแน่
เซียวเฉวียนไม่สบอารมณ์ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าจูโชงทำไปเพื่อเกาะขาเว่ยชิง ดังนั้นจึงทำเรื่องไร้ยางอาย ตอนนี้อัครเสนาบดียังจะมาข่มขู่เขาอีก
เป็นอัครเสนาบดีแล้วอย่างไร?
มีอาจารย์อยู่ ขนาดฮ่องเต้ยังต้องเกรงใจ!
เซียวเฉวียนแอ่นเอวตั้งตรง "มาแล้วไม่ทักทายไร้มารยาท ข้าเองก็ขอส่งกลอนบทนี้แก่ท่านอัครเสนาบดีหนึ่งบทด้วยเช่นเดียวกัน"
"อะไรนะ?" หัวคิ้วของพ่อบ้านขมวดกันแน่นทันที ท่านอัครเสนาบดีกำลังตักเตือนเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนยังจะกล้าต่อปากต่อคำอีกหรือ?
เซียวเฉวียนด่าคนอย่างมีมารยาทสู้คนโบราณไม่ได้
เซียวเฉวียนสูดลมหายใจลึก ๆ แรง ๆ หนึ่งหน ค่อย ๆ กล่าวทีละคำทีละประโยคอย่างเชื่องช้าว่า "ปัญญาเจ้า เกรงว่าจะมีปัญหาแล้ว!"
ปัญญาอ่อน!
ประโยคด่าคนในยุคปัจจุบันประโยคนี้ พอวางเอาไว้ในบทกลอนสมัยโบราณแล้วช่างเหมาะเหม็งดีเหมือนกัน!
"ท่าน!"
สุดท้ายพ่อบ้านก็บันดาลโทสะจนกระทืบเท้าจนได้ เซียวเฉวียนหัวร่อยกใหญ่ สะบัดชายเสื้อจากไปแล้ว!
ทว่าสุดท้ายเซียวเฉวียนก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดวันนี้จึงมีผู้คนมากมายมาให้คำแนะนำกับเขามากเช่นนี้ เจ้านี่มันจริง ๆ เลยเชียวฉินซูโหรว ตั้งครรภ์แล้วยังไม่ปล่อยให้อยู่อย่างสุขสงบ แต่กลับสวมหมวกเขียว [1] ให้เขาเสียใบใหญ่เช่นนี้!
ก่อนหน้านี้ตอนที่เซียวเฉวียนยังไม่เคยนอนกับนางมาก่อน นางกลับมีใจอาลัยต่อจูโชงไม่ขาดสาย
ตอนนี้ในท้องของนางมีเด็กอยู่แล้ว แต่กลับทำเรื่องไม่กล้าสู้หน้าคนพรรค์นี้เสียได้
!
ช่างเป็นสุนัขที่แก้การกินมูลไม่ได้เสียจริง! [2]
ซิ่งแดงออกนอกกำแพง? [3]
นางคบกับใครใหม่แล้วหรือ?
หากเป็นในตอนก่อนหน้านี้นั้น เซียวเฉวียนย่อมกลับไปถามหาความผิดที่จวนฉินอย่างบุ่มบ่ามแล้วเป็นแน่!
ทว่าวันนี้เป็นพิธีเปิดสถานศึกษาชิงหยวนเป็นครั้งแรกอีกครั้ง เรื่องนี้จึงสลักสำคัญกว่าฉินซูโหรวกว่ามาก
เซียวเฉวียนทราบดีว่าเหวินคุนและเหวินฮั่นเป็นประมุขที่แท้จริงของสถานศึกษาชิงหยวน ฮ่องเต้ให้เซียวเฉวียนสืบทอดสถานศึกษาชิงหยวนต่อ เช่นนั้นย่อมเป็นความประสงค์ของเหวินคุนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ทว่าเหตุใดจึงต้องให้เขารับช่วงต่อ?
ปีศาจกวีอุปนิสัยร้ายกาจรุนแรง ประเดี๋ยวโกรธประเดี๋ยวหาย แต่ก็ไม่เคยยุ่งเรื่องราวในราชสำนักมาก่อน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสถานศึกษาชิงหยวน
ตอนนี้ให้พู่กันจินหลุนเฉียนคุนแก่เซียวเฉวียนมาสักด้ามก่อน เพราะยังต้องกวาดล้างยุทธ์ภพ หลังจากนั้นก็ค่อยให้เขารับช่วงต่อสถานศึกษาชิงหยวน
กระบวนการดำเนินการทั้งหมดนี้คล้ายกับการร่างพินัยกรรมของคนสมัยปัจจุบัน
ก่อนที่จะตายก็ส่งมอบทรัพย์สินให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ
เซียวเฉวียนขมวดคิ้วแน่น คงไม่ใช่หรอกกระมัง
เขากราบอาจารย์ยังไม่ทันจะสองเดือนดี ปีศาจกวีก็จะ...
แม้เขาจะไม่ชอบความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของตาเฒ่าผู้นี้ก็ตาม ทว่าเขาเองก็เป็นศิษย์อาจารย์ภายใต้การสั่งสอนของอาจารย์เหวินฮั่นอยู่แล้ว ทั้งยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้อีก ปากบอกเอาแต่กล่าวว่ารังเกียจ ทว่าภายในหัวใจกลับเคารพนับถือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...