พิธีเปิดในวันนี้ ไม่มีเหล่าชนชั้นสูงที่มีอำนาจอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
พิธีเปิดครั้งแรก บุคคลสำคัญในเมืองหลวงล้วนเบียดเสียดกันเนืองแน่น ล้วนเป็นขุนนางข้าราชการชนชั้นสูง ประชาชนคนธรรมดาได้แต่ยืนมองจากที่ไกล ๆ เท่านั้น
ปีศาจกวีจัดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มันเป็นการบอกเหล่าชนชั้นสูงที่มีอำนาจว่าสถานศึกษาชิงหยวนไม่ใช่สถานที่สำหรับคนอย่างพวกเจ้าอีกต่อไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ตัวข้าปีศาจกวีคิดอยากจะรับใครเข้ามาก็จะรับ
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อกาลก่อนแล้วละก็ การจัดกิจกรรมเช่นนี้ในสถานศึกษาชิงหยวนแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย
ประการหนึ่งคืออุปนิสัยของเหวินฮั่นอบอุ่นอ่อนโยน ไม่ชมชอบทะเลาะเบาะแว้งกับคนในราชสำนัก
ประการที่สองคืออำนาจบาตรใหญ่ของเหล่าชนชั้นสูงนั้นมีมากเกินไป เหวินฮั่นม้าตัวเดียว [1] ไม่ใช่คู่ต่อสู้
ทว่าปีศาจกวีนั้นไม่เหมือนกัน ปีศาจกวีสั่งการกับศิษย์ทุกคน กล่าวว่าปัญญาชนแนวหน้าในใต้เหล้าล้วนไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ด้วยเช่นกัน
ประการที่สามคือการดำเนินการของปีศาจกวีนั้นไม่มีความพะว้าพะวังมากจนเกินไป กระทั่งมีผลเสียอะไรในภายหลัง ตาเฒ่าปีศาจกวีเองเดิมทีก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
การจัดกิจกรรมในตอนนี้คือการที่ปีศาจกวีกำลังประกาศสงครามโดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัย กำลังบอกกับเหล่าชนชั้นสูงที่มีอำนาจว่าข้าจะเป็นศัตรูกับเจ้า
ขอเพียงแค่เซียวเฉวียนรับตราประทับมือไป เรื่องราวทั้งหมดของสถานศึกษาชิงหยวนหลังจากนี้นั้น ล้วนเป็นเซียวเฉวียนที่ต้องแบกรับเอาไว้
ปีศาจกวีประกาศสงคราม สองมือเตรียมจะวิ่งแจ้นแล้ว เรื่องราวที่เหลือทั้งหมดส่งมอบไว้ให้กับเซียวเฉวียน เขาไม่ต้องยุ่งอะไรเลย
เรื่องใหญ่โตเรื่องหนึ่งเช่นนี้ ปีศาจกวีทำตามอำเภอใจไปหน่อย พู่กันจินหลุนเฉียนคุนที่เซียวเฉวียนเก็บเอาไว้ได้ ก็เป็นแค่เพียงเพราะพู่กันนั้นคืออาวุธชิ้นหนึ่งก็เท่านั้น!
ตราประทับมือกลับกลายเป็นสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับดวงชะตาอนาคตของเหล่าปัญญาชนทั้งหมดของต้าเว่ยไปเสียนี่!
เมื่อสถานศึกษาชิงหยวนเปิด สถานศึกษาทั้งหมดในประเทศย่อมต้องเปิดตามกันอย่างแน่นอน!
ทุกการเคลื่อนไหวของสถานศึกษาชิงหยวนย่อมส่งผลกระทบต่อต้าเว่ยอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ส่งผลกระทบต่อผู้ที่จะเข้ามาเรียนในสถานศึกษาทั้งหมด!
ตอนนี้ประโยคลอย ๆ หนึ่งประโยคของปีศาจกวี มันราวกับว่าตราประทับเป็นหัวไชเท้าไม่คุ้มเงินหัวหนึ่งเลยก็ไม่ปาน ส่งมอบให้กับเซียวเฉวียนราวกับว่าเป็นการส่งจากมือซ้ายไปมือขวาเสียอย่างไรอย่างนั้น
แม้ตราประทับมือนี้จะเป็นตราประทับชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น ทว่ากลับหนักพันชั่ง!
เซียวเฉวียนแม้จะอาศัยการนับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมห้าพันปีก็ตาม ทว่าในต้าเว่ยเขาก็เป็นเพียงแค่ขุนนางระดับห้าคนหนึ่งเท่านั้น จะสามารถกุมสถานศึกษาชิงหยวนได้อย่างไร?
การจะกุมสถานศึกษาชิงหยวนคงจะต้องเป็นผู้ที่เป็นชนชั้นสูงที่ทรงอำนาจบาตรใหญ่และรักใคร่ทะนุถนอมคนถึงจะเป็นได้นะ!
"เซียวเฉวียน ยังไม่รับไปอีกหรือ?"
ปีศาจกวีอยู่ชูตราประทับมืออยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้คน
เซียวเฉวียนนิ่งเงียบ เขาเป็นคนที่รับคำไหนคำนั้นคนหนึ่ง ตรานี้จะไม่รับก็ไม่รับ แต่หากรับมาแล้วเขาย่อมต้องรับผิดชอบอย่างถึงที่สุดอยู่แล้ว
"เซียวเฉวียน!"
"เซียวเฉวียน!"
"เซียวเฉวียน!"
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ในกลุ่มคนก็มีคนตะโกนร้องเรียกชื่อของเซียวเฉวียนขึ้นมา
มีคนนำขบวนหนึ่งคนแล้ว ผู้ที่เรียกขานชื่อของเขาก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น
เซียวเฉวียนที่ถูกยอมรับจึงตกใจเล็กน้อย
"นายท่าน ก่อนที่ท่านจะมา ปีศาจกวีได้บอกถ่ายทอดคุณงามความดีของท่านให้แก่พวกเขาไปรอบหนึ่งแล้วขอรับ"
ไป๋ฉี่เดินเข้ามาหา กล่าวเสียงต่ำที่ข้างใบหูเซียวเฉวียน
ก่อนหน้าที่เซียวเฉวียนจะมา ปีศาจกวีได้ทำการโพนทะนาความดีความชอบว่าเซียวเฉวียนเป็นอัจฉริยะอย่างไร ๆ ต่อหน้าทุกคน เมื่อทำเช่นนี้ไปแล้ว เหล่าชาวบ้านก็นึกว่าเซียวเฉวียนมีชื่อเสียงจากการสอบจอหงวนจริง ๆ ไม่ใช่การคัดลอกอย่างที่ผู้อื่นพูดกัน
หลังจากนั้นปีศาจกวีก็เป่าหูอีกหนว่าแม่ทัพฉินให้ความสำคัญต่อเซียวเฉวียนอย่างไร เช่นนี้ชาวบ้านก็จะรู้สึกว่านายท่านแห่งจวนฉินไม่ได้เป็นไอ้ขยะไร้ค่าเหมือนในปากคน กระทั่งแม่ทัพฉินเองก็ล้วนชมชอบ พวกเขาจะมีเหตุอันใดที่จะไม่ชอบกันเล่า?
ที่สำคัญที่สุดเลยคือปีศาจกวีนำเงินและสิ่งของจากบ่อนพนันกับหอปี๋เซิ่งทั้งหมด ใช้ในนามของเซียวเฉวียนด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนำเข้ามาในพิธีเปิดของวันนี้
พิธีเปิดยิ่งใหญ่ที่ราชสำนักจัด ทั้งหมดล้วนเป็นขุนนางข้าราชการระดับสูงที่ปากผายลมก็เท่านั้น ฟังเหล่าประชาชนชาวบ้านเสียที่ไหนกัน
วันนี้กลับเป็นสิ่งของที่มีอยู่จริง ๆ เหล่าชาวบ้านย่อมพึงพอใจกันเป็นอย่างมากอยู่แล้ว!
เรื่องที่ได้ใจของผู้คนไปได้มาก ๆ ๆ ๆ ที่สุดนั้น คือเรื่องที่ปีศาจกวียกคุณูปการในการล้อมจับยอมยุทธ์ ทุกอย่างที่กล่าวมาล้วนมอบความดีความชอบให้แก่เซียวเฉวียนทั้งหมด
หยอดคำหวานเติมไปเรื่อย ๆ บวกกับเพิ่มความสมจริงเข้าไป เหล่าชาวบ้านย่อมที่จะเชื่อสนิทใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในฐานะที่เซียวเฉวียนเป็นลูกครอบครัวยากจนผู้หนึ่ง สามารถเดินมาจนถึงวันนี้ได้ เช่นนั้นก็เป็นตัวอย่างที่ดีแก่พวกเขาแล้ว!
เป็นผู้นำของพวกเขา!
เซียวเฉวียนเป็นประมุขแห่งสถานศึกษาชิงหยวน ไม่เสียแรงที่เป็น! ช่างเป็นวาสนาของลูกครอบครัวกระยาจกจริง ๆ!
ยิ่งเป็นความหวังในอนาคตของพวกเขามากขึ้นไปกันใหญ่!
โอ้!
การที่จู่ ๆ ก็ถูกผู้คนมากมายปกป้องเช่นนี้ มันกลับรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยหนึ่งเช่นนี้น่ะหรือ?
เซียวเฉวียนอดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แยกเหนือใต้ออกตกไม่ออกเล็กน้อย พอคนสมัยโบราณมีไมตรีขึ้นมา ก็มีไมตรีกันเป็นอย่างมากเลยสินะ!
เซียวเฉวียนมาที่นี่นานมากขนาดนี้แล้ว ทั้งยังเป็นหนแรกที่ถูกกลุ่มคนยกเป็นตัวอย่าง ตาเฒ่าปีศาจกวีมีฝีมือจริง ๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...