อ่านสรุป บทที่ 301 ดาบนับร้อยส่งเสียง จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 301 ดาบนับร้อยส่งเสียง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ไป๋ฉีไล่ตามไปเบื้องหน้า เซียวเฉวียนวิ่งตามอยู่ข้างหลัง
ผีหลอก!
มันอยู่อย่างสงบมาตลอด มีการตื่นตัวอย่างที่พู่กันควรมี ว่านอนสอนง่าย
ตอนนี้กลับเหมือนสุนัขวิ่งเพ่นพ่าน วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในจวนฉิน!
โชคดีที่เป็นเวลากลางคืน ไม่อย่างนั้นคงถูกโดนเด็กรับใช้เหล่านั้นพบเข้าแน่
หลังจากที่รากเหง้าการฝึกตนของเซียวเฉวียนพัฒนาขึ้น มือไม้ของไป๋ฉีก็ว่องไวมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแตะพู่กันไม่ได้!
ไป๋ฉีและเซียวเฉวียนวิ่งจนเหนื่อยหอบ อาจารย์ส่งอาวุธสงครามอะไรให้เขากันเนี่ย! สมาธิสั้นยิ่งนัก!
ท่านปู่น้อย!ใต้เท้าหลี่มู่เรียกหาท่าน”
เซียวเฉวียนกำลังวิ่งอยู่ข้างหน้า เด็กรับใช้จึงตะโกนเรียกเขา
“ให้เขาไปนั่งรอในลานกว้าง ตอนนี้ข้าไม่ว่าง!” ใบหน้าของเซียวเฉวียนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อหันกลับมาตอบ จากนั้นก็วิ่งไล่ตามพู่กันต่อ
พู่กันวิ่งรอบจวนฉิน เซียวเฉวียนไล่ตามจนเหนื่อย สุดท้ายก็ทิ้งตัวลงพื้น ให้ตายเถอะ ไม่ตามแล้ว!
ดูสิว่ามันจะวิ่งไปได้นานแค่ไหน!
ใบหน้าของไป๋ฉีก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเหมืนกัน เขามือไวก็จริง แต่พู่กันวิ่งเร็วกว่า
พอเขาช้า พู่กันก็ช้าตาม
ไม่ว่าพู่กันด้ามนี้จะวิ่งไปที่ไหน ก็มักจะล้อเลียนเซียวเฉวียนและไป๋ฉีอยู่เสมอ!
“ไอ้จองหอง!มานี่”
เวลานี้หลี่มู่ได้ตะโกนออกไปด้วยความโกรธ กระทั่งเห็นพู่กันจินหลุนเฉียนคุนสั่นเทิ้มไปทั้งด้าม เหมือนกลัวหลี่มู่อย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายโรยตัวลงบนมือของหลี่มู่
“นี่มัน.....”
เซียวเฉวียนตะลึงงัน “ทำไมมันถึงเชื่อฟังเจ้า?”
หลี่มู่ยื่นพู่กันมา “ปีศาจกวีให้มันเชื่อฟังข้า”
พู่กันเชื่อฟังได้ด้วยหรือ?
“แล้วทำไมอาจารย์ถึงไม่ให้มันเชื่อฟังข้าล่ะ?” เซียวเฉวียนโกรธจนตัวสั่น ตาแก่นี้กำลังล้อเล่นกับเขา!
หลี่มู่กระแอมเบา ๆ ก่อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “เรียกมัน มันก็ไม่ยอม”
“ว่าไงนะ?” เซียวเฉวียนมองเหยียดแวบหนึ่ง พู่กันด้ามหนึ่งก็ดูถูกเช่นกัน
เซียวเฉวียนเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ในฐานะที่ข้าเป็นนักแต่งกวีที่น่าทึ่ง มันจะไม่เชื่อฟังได้อย่างไร?”
“ใต้เท้าเซียว” หลี่มู่ยิ้ม “มันยอมข้า เพราะข้าคือเจ้าของกระบี่ไท่อา”
กระบี่ไท่อาและกระบี่ฉุนจุนของตระกูลเซียวเป็นกระบี่ที่มาจากคุนหลุน
พู่กันจินหลุนเฉียนคุนก็มาจากคุนหลุน
ดังนั้นมันจึงเชื่อฟังหลี่มู่
จะว่าไปแล้วพู่กันจินหลุนเฉียนคุนก็ดูจะไม่ชอบดาบจิงหุนในมือของไป๋ฉีสักเท่าไหร่ ต่อหน้ากระบี่ไท่อา ดาบจิงหุนก็เป็นเด็กรุ่นหลัง
ดังนั้นพู่กันจินหลุนเฉียนคุนจึงดูถูกเซียวเฉวียน
“เหอะ! เซียวเฉวียนโกรธจนพูดไม่ออก!
จริง ๆ เลย!
เรื่องที่เขาโดนดูถูกตั้งแต่มาถึงต้าเว่ยช่างเถอะ!
บัดนี้แม้แต่พู่กันด้ามเล็ก ๆ ก็ยังดูถูกเขา!
“ใต้เท้าเซียวอย่าเพิ่งโกรธขอรับ พู่กันเป็นสิ่งของ แต่แค่มีชีวิตก็เท่านั้น ต่อให้มันเก่งแค่ไหน ก็ยังต้องพึ่งเจ้านายอยู่ดี”
หลี่มู่ยื่นพู่กันมา เซียวเฉวียนรับไว้ จากนั้นก็มองพู่กันด้ามนี้พร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัด “ข้าจะทำให้เจ้ายอมข้าในสักวัน!”
“ขอบคุณใต้เท้าหลี่ ไม่อย่างนั้นวันนี้ข้าก็ไม่รู้จะจับมันได้อย่างไร”
หนีได้หนึ่งครั้ง ก็ต้องหนีเป็นครั้งที่สอง เซียวเฉวียนตะโกนหนึ่งเสียง “ไป๋ฉี ไปบอกท่านแม่ข้าที่จวนเซียวว่าข้าต้องกรกระบี่ฉุนจุน!”
“ข้าไม่เชื่อ!ข้าจะควบคุมมันไม่ได้!”
“ขอรับ!” ไป๋ฉีน้อมรับคำสั่ง
“ใต้เท้าหลี่ แวะมาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ มีธุระอะไรหรือ?”
เซียวเฉวียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ปีศาจกวีเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
นัยน์ตาของหลี่มู่เคร่งขรึมลง
“ว่าไงนะ?” เซียวเฉวียนตะลึงงัน “อาจารย์ไปเจียงหนานแล้วไม่ใช่หรือ?”
หลี่มู่ส่ายหน้า ไม่สิ ปีศาจกวีไม่น่าจะอยู่เจียงหนานนะ
ไม่มีใครสังเกตว่าปีศาจกวีตายแล้ว แต่หลี่มู่กลับสังเกตเห็น
“เวิ้ง.....”
“เวิ้ง.....”
“เคล้ง.....”
มีเสียงร้องเบา ๆ ดังออกมาจากเรือนกระบี่ ก่อนหน้านั้นยังส่งเสียงเบา วันนี้กลับดังจนปลุกผู้จัดการร้านสะดุ้งตื่น
ศาลาคุนหวู่มีกระบี่ดีมากที่สุด วัสดุการทำกระบี่เหล่านี้ล้วนมาจากภูเขาคุนหลุน
เสียงเวิ้ง ๆ นั้นทำให้ผู้จัดการร้านอกสั่นขวัญแขวน
เขาจุดเทียนแดง เสียงของกระบี่เป็นเรื่องปกติ กระบี่เหล่านี้เป็นของดี พอมีเสียงลมหวืดเข้ามา พวกมันก็ส่งเสียงร้องเล็ก ๆ ออกมา ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็จะฟังไม่ออก
แต่วันนี้เสียงเวิ้งนั้นค่อนข้างดังเป็นพิเศษ
ดังถึงขั้นปลุกให้คนสะดึ้งตื่นได้
“ไปเรียกคุณชายเร็วเข้า!เร็ว!”
ผู้จัดการร้านตัวสั่นงันงก ไม่กล้าเข้าไป
เดิมทีกระบี่จะมีกลิ่นอายจิตสังหารค่อนข้างรุนแรง ซึ่งกลิ่นอายจิตสังหารในวันนี้ทวีความรุนแรงขึ้น
นั่นคืออี้กุย
นัยน์ตาเขาเปล่งประกาย “ข้าก็ได้ยิน”
ผู้จัดการร้านและเด็กรับใช้มีสีหน้าซีดเผือด อี้กุยมองไปยังกระบี่ในเรือยกระบี่ “พวกเข้าออกไปเถอะ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด!”
“ขอรับ!”
เถ้าแก่และคนอื่นพากันถอยออกไป
อี้กุยยังคงมองกระบี่เหล่านี้ ท่านปู่เคยกล่าว ‘ดาบนับร้อยส่งเสียง ย่อมมีการสูญเสีย’
ยามนั้นแม่ทัพใหญ่ฉินและเหวินฮั่นไม่อยู่ กระบี่เหล่านี้กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
หรือว่า....
เป็นเพราะปีศาจกวี
อี้กุยเคร่งเครียด เป็นไปได้ยังไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...