ภารกิจของต่งจัวคือค่อยๆ แอบฝึกฝนกล่อมเกลาเซี่ยวเฟิง จากนั้นก็ส่งมันให้ถึงมือท่านอ๋อง
เป้าหมายต่งจัวก็สามัญเช่นนี้ สังหารเซียวเฉวียน จัดการเซี่ยวเฟิง แล้วให้เว่ยชิงเป็นราชบุตรเขย
เป้าหมายของต่งจัวกับเว่ยชิงนั้นเหมือนกันเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้คำประโยคเดียวของเซียวเฉวียน ทำเอาแผนยุแยงเล็กน้อยของอัครเสนาบดีนั้นลงมือไม่ได้แล้ว
ลงมือไม่ได้นั้นพอว่า ศัตรูของต่งจัวนั้นเปลี่ยนจากเซียวเฉวียนเป็นเว่ยชิงแล้วหรือ?
ได้ยินมาแต่แรกว่า ท่านเขยของจวนฉินชื่นชอบก่อเรื่องสร้างปัญหา ฝีปากคมกริบ
ในวันนี้ต่งจัวนับว่าได้พบเห็นแล้วแท้จริง
ต่งจัวจะรุกถอยก็ลำบาก หากเปลี่ยนเป็นผู้อารักขารายอื่น ต่งจัวก็แค่เสแสร้งแพ้ให้กับเว่ยชิงเท่านั้นก็เป็นพอ
แต่จใจที่ว่าเซียวเฉวียนกลับติดแน่นอยู่ในหัวใจของต่งจัวเสียอยู่หมัด ต่งจัวยิ่งเป็นพวกที่ดื้อดึงแน่วแน่อยู่ด้วย ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือใช่ หากว่าต้องประลองกัน เช่นนั้นเขาก็ต้องประลองให้จงได้
ต่งจัวในฐานะที่เป็นชาวบู๊ของแท้ แถมยังทำอาชีพเป็นผู้อารักขา ในด้านการต่อสู้นั้นแต่ไหนแต่ไรมาเขาย่อมทุ่มกำลังสุดสามารถ ไม่ตายไม่มีเลิกรา
แล้วยิ่งนายท่านของเขามิใช่ผู้อื่นแถมยังไม่ใช่คนต่ำต้อยคนใด แต่ว่าเป็นอัครเสนาบดีที่อยู่ใต้คนเดียวอยู่เหนือคนนับหมื่น
ต่งจัวไม่อาจจะแพ้ได้ เพราะหากแพ้แล้ว อัครเสนาบดีคงจะเสียหน้าจนหมดสิ้นเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม หากว่าอัครเสนาบดีอยู่ตรงนี้ด้วย เขาย่อมเห็นอันตรายของเซียวเฉวียนได้ภายในพริบตาเป็นแน่แท้
และอัครเสนาบดีย่อมจะต้องลนลานเดือดร้อนใจ หรือถึงกระทั่งอาจจะร้องไห้กระซิกเอ่ยกับต่งจัวว่า พี่ชาย ข้าแพ้ก็ได้ เจ้าให้ท่านอ๋องชนะไปเถอะ
ตอนนี้จุดที่ต่งจัวลำบากใจที่สุดนั้นก็คือ เขาต้องทำความปรารถนาของนายท่านให้บรรลุ ทั้งยังให้เว่ยชิงได้เป็นราชบุตรเขย แล้วยังต้องกันไม่ให้เว่ยชิงสังหารตัวเองได้ด้วย
เว่ยชิงเป็นบัณฑิตรายหนึ่ง ส่วนต่งจัวเป็นชาวบู๊แท้ๆ สองคนนั้นไม่อาจนับได้ว่าระดับเท่าเทียม ความยากตรงจุดนี้ เป็นสิ่งที่ต่งจัวยากจะควบคุม
นี่คือสาเหตุที่ต่งจัวนั้นอยากจะร้องไห้
แต่ไหนแต่ไรมาในด้านการต่อสู้แล้วต่งจัวไม่ตายไม่เลิกรา
แต่ว่า เขาไม่อาจจะสังหารเว่ยชิงได้
อีกทั้งในการเป็นราชบุตรเขยให้ได้นั้น เว่ยชิงคงคิดหาหนทางสุดกำลังเพื่อสังหารต่งจัวอยู่แล้ว
ทว่าต่งจัวไม่อยากตาย
ต่งจัวไม่เคยอ่านหนังสือ เมื่อพบกับบททดสอบยากเข็ญที่เจ้าบัณฑิตน่ารังเกียจอย่างเซียวเฉวียนมอบให้นี้ เขาก็ไร้หนทางจะแก้มัน
วิธีการเดียวที่ต่งจัวคิดออกก็คือ ต้องปฏิเสธเว่ยชิง “ท่านอ๋อง นี่ไม่เป็นไปตามกฎ คู่ต่อสู้ของท่านคือผู้เข้าร่วมประลองรายอื่นๆ ขอรับ”
“จิ๊! นี่เจ้ากำลังดูถูกท่านอ๋องหรือ?” เซียวเฉวียนพลันสอดปากขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ต่งจัวเลิกคิ้ว ผลที่ได้นั้น เว่ยชิงเอ่ยอย่างเย็นชา “เป็นอะไร เจ้ารู้สึกว่าอ๋องเช่นข้ามิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหรือ?”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ต่งจัวเป็นคนหยาบกร้านรายหนึ่ง พอเอ่ยวาจาขึ้นมาครั้งหนึ่งก็มักแข็งกร้าวยิ่ง คนเขาก็เป็นแบบนี้ ทว่าหูของเว่ยชิงที่สูงส่งพอได้ฟังแล้ว ต่งจัวนี่มันช่างไม่มี
มารยาท! ไม่มีความเคารพผู้สูงศักดิ์!
เซียวเฉวียนเกือบจะหัวเราะจนตายแล้ว ศักดิ์ศรีของบัณฑิตยุคโบราณนี้ทนถูกหยามสักหน่อยไม่ได้จริงๆ คนอื่นพูดจาไม่ถูกหู ก็รู้สึกว่าผู้อื่นเหยียดหยามตัวเองแล้ว
บัณฑิตของต้าเว่ย ช่างสูงส่งบริสุทธิ์เกินนัก
เซียวเฉวียนทนเก็บอาการต่อไม่ไหว เขาจงใจกลบรัศมีตัวเองเป็นพิเศษ “ไปหยิบผลแตงมาให้ข้า”
จ้าวซิ่นความโมโหเต็มกระเพาะ เขาสั่งให้คนส่งผลแตงมา จากนั้นก็วางลงบนโต๊ะเสียงดัง “พลั่ก”! เซียวเฉวียนยั่วโมโหคนเช่นนี้ เขาละอยากจะหาโอกาสอันวุ่นวายสังหารเจ้าลูกเขยโอหังที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำรายนี้นัก แต่ปรากฏว่าคำพูดประโยคเดียวของเซียวเฉวียน ทำเอาท่านอ๋องต้องเปลี่ยนเป้าหมายทิ่มแทงงั้นหรือ?
จานที่ใส่ผลแตงอยู่นั้นไม่อาจทนการเขวี้ยงของหัก ผลแตงกระจายออกมา
เซียวเฉวียนเองก็ไม่ถือสา เขาไม่ได้อยากจะกินผลแตง สิ่งที่สำคัญก็คือเขาแค่อยากใช้งานเจ้าลูกตะพาบอย่างจ้าวซิ่นรายนี้
เขาหรี่ตาครั้งหนึ่งจับจ้องไปยังจ้าวซิ่นที่เขียนคำว่าไม่ยินยอมสยบไว้ทั้งตัวผู้นี้ “คุณชายจ้าวเหตุใดจึงโมโหเช่นนี้หรือ?”
จ้าวซิ่นแค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง เซียวเฉวียนยังแสร้งทำไม่รู้สึกรู้สา “ผู้ที่มีทรัพยากรย่อมสามารถตัดสินกฎของการละเล่นได้ อย่างเช่นอัครเสนาบดีหรือตัวข้า ในวันนี้สถานการณ์เช่นนี้มักเกิดเป็นประจำอยู่แล้ว”
กล่าวจบ เซียวเฉวียนก็ลูบหัวของเซี่ยวเฟิง ท่าทางได้ใจปานนี้ทำเอาจ้าวซิ่นเกือบจะโมโหคลั่ง
รอให้ท่านอ๋องเอาชนะต่งจัวได้ก่อน เซียวเฉวียนจะต้องตายเป็นอันแน่! ให้มันได้ใจครั้งสุดท้ายไปเถอะ!
เห็นได้ชัดว่า ในสายตาของลูกหลานตระกูลดัง ต่งจัวจะต้องแพ้แน่
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ต่งจัวย่อมจะต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
หนึ่งนั้น อัครเสนาบดีต้องการให้เว่ยชิงเป็นราชบุตรเขย
สองนั้น ต่งจัวในฐานะผู้อารักขารายหนึ่ง เป็นคนต่ำต้อยรายหนึ่ง จะต้องเป็นฝ่ายขอแพ้แก่เว่ยชิงแน่นอน
ไม่มีใครเลยสักคนที่จะยืนมองเรื่องนี้จากมุมมองความเป็นมนุษย์รายหนึ่งของต่งจัวเลย ยกเว้นเซียวเฉวียน
หากว่าพวกเขาเข้าใจต่งจัวเหมือนเซียวเฉวียนละก็ พวกเขาจะต้องไม่มองการละเล่นนี้ด้วยหัวใจทะนงตัวสูงศักดิ์แน่
หากว่าพวกเขาไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเองเช่นนี้ แล้วเหลือสายตาเอาไว้เสียบ้าง อย่างน้อยส่งใครสักคนหนึ่งไปบอกอัครเสนาบดี บางทีเว่ยชิงอาจจะยังเหลือทางรอดอยู่
แต่น่าเสียดาย พวกเขาล้วนเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าสุดท้ายแล้วความสูงศักดิ์จะเอาชนะความต่ำต้อยได้
อัครเสนาบดีจูในฐานะเจ้านาย แน่นอนว่าต้องเข้าใจต่งจัวเป็นที่สุด แต่เขาดันไม่รู้จักเซียวเฉวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...