ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 339

สรุปบท บทที่ 339 เปิดฉากยิง: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 339 เปิดฉากยิง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 339 เปิดฉากยิง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ใบหน้าของอัครเสนาบดีจูพลันเต็มไปด้วยท่าทีประจบสอพลอมากมาย แตกต่างจากตอนที่อยู่ในงานประลองยุทธเลือกคู่ยิ่งนัก

เมื่อครู่ยังพยายามกัดฟันข่มตนเองมิให้เข้าไปขย้ำเซียวเฉวียนให้ตายได้อยู่เลย

ในยามนี้ ใบหน้าของท่านอัครมหาเสนาบดีกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มประดับประดามากมาย อดมิได้ที่จะเข้าไปประคองมือเซียวเฉวียนให้เดินเร็วขึ้น หากยิ่งเซียวเฉวียนเดินไวมากเท่าใดก็ยิ่งดี เนื่องจากเวลามีไม่มากแล้ว งานเลี้ยงวันมงคลสมรสขององค์หญิงใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ อีกสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ นี่ยังมิถึงสามสิบปีเลย เซียวเฉวียนพลันยิ้มเยาะออกมา ในขณะที่เขารอดูเรื่องราวสนุก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า แต่เขาก็หาได้ลืมเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งไม่ "อัครเสนาบดีจู วันนี้ผู้ที่มาเข้าร่วมงานประลองยุทธเลือกคู่มีมากมายนัก ทว่า มีผู้คนมากมายที่ตกใจและโดนเซี่ยวเฟิงจัดการไปเช่นกัน ท่านควรจะหาหมอมาคอยรักษาพวกเขาหน่อยเถิด”

หากมิใช่เพราะตาเฒ่าแซ่จูผู้นี้ คนเหล่านั้นคงไม่โง่พอที่จะกล้าเผชิญหน้ากับเซี่ยวเฟิงหรอก

“ได้ ได้ ได้! ข้าจักไปตามหมอมารักษาพวกเขาในทันที!”

เดิมทีเซียวเฉวียนคิดว่าอัครเสนาบดีจูจะมีท่าทีลังเลใจไปเล็กน้อย มิคิดเลยว่าเขาจะตอบตกลงคำขออย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ ทั้งยังพยักหน้าเอ่ยปากกล่าวคำชมเชยขึ้นมาอีกว่า "ใต้เท้าเซียวมีจิตใจดีมีเมตตายิ่งนัก ยังนึกเป็นห่วงเป็นใยคนพวกนั้นอีกด้วย "

คนพวกนั้น

คำ ๆ นี้ กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามมากมาย ทั้งยังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้มีอำนาจในยุคโบราณ

เซียวเฉวียนรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก เขาฉวยโอกาสจากท่าทีของชายชราที่อยู่ตรงหน้า เพื่อกล่าวตักเตือนออกมาอย่างไม่ไว้หน้าว่า "ท่านอัครเสนาบดีเป็นถึงขุนนางในราชสำนักเช่นนี้ ทั้งยังเป็นที่รักและเคารพต่อราษฎรอีก หากว่าอัครเสนาบดีจูเอ่ยคำพูดคำจาออกมาเช่นนี้ละก็ ราษฎรที่ได้ฟังคำพูดของท่านคงจะรู้สึกเกรงกลัวและไม่พอใจมากเป็นแน่”

“ท่านอัครเสนาบดีที่อยู่เหนือกว่าราษฎรในใต้หล้านับหมื่นคน ทว่า ตนเองกลับมีนิสัยจิตใจคับแคบเช่นนี้ ท่านจะช่วยแบ่งเบาภาระและความกังวลของฝ่าบาทที่มีต่อราษฎรมากมายไปได้อย่างไร?”

ใบหน้าของอัครเสนาบดีจูพลันกระตุกไปในทันที เขาที่ใช้ชีวิตมาเกือบทั้งชีวิตเช่นนี้ ตนเองกลับต้องมาถูกขุนนางขั้นห้าตัวเล็ก ๆ ที่อายุอานามยังมิครบยี่สิบปีสั่งสอนตนเองเช่นนั้นหรือ!

เซียวเฉวียนที่เอ่ยขอหมอหลวง ทั้งยังเอ่ยวาจาสั่งสอนอัครเสนาบดีเช่นนี้นั้น ทำเอาเหล่ากงกงที่ยืนอยู่ข้างกายได้ยินเพลางรู้สึกอกสั่นขวัญผวาไปในทันที

เจ้ารู้หรือไม่ว่า เหล่าอัครเสนาบดีที่มีชื่อเสียงมากมายเช่นนี้ พวกเขามักมีอารมณ์โกรธโมโหที่รุนแรงยิ่งนัก!

ถึงแม้ว่าคนนอกพอจะรู้มาบ้างว่าเหล่าอัครเสนาบดีมีอำนาจ ทว่า เหล่ากงกงที่ทำงานในราชสำนักมานมนาน ย่อมรู้จักลักษณะนิสัยของขุนนางในราชวังเป็นอย่างดี

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าข้ารับใช้คนใดทำอะไรผิดพลาด เหมือนว่าเขาจักเขียนคำผิดลงในเอกสารตำราบางอย่าง เมื่อถูกอัครมหาเสนาบดีมาพบเข้านั้น เขาก็โกรธโมโหยิ่งนัก ก่อนจะทำการสั่งปลดข้ารับใช้ผู้นั้นไปในทันที พร้อมทั้งสั่งห้ามมิให้ผู้ใดในตระกูลของข้ารับใช้ผู้นั้นเข้ารับการสอบจอหงวนอีกด้วย

ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า หนทางในการที่ผู้น้อยจักสามารถสอบเข้ามาเป็นขุนนางในราชสำนักต้องลำบากยากเย็นยิ่งนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ตำแหน่งเล็ก ๆ กระทำผิดเพียงเท่านี้ ไม่เพียงแต่ต้องมาถูกตัดขาดอนาคตของตนเองทิ้งไป แม้แต่อนาคตของตระกูลของตนเองก็ยังต้องมาจบลงด้วยเช่นกัน

ข้าราชการผู้น้อยหาได้เกลียดอัครเสนายดีไม่ เพียงแต่เขารู้สึกละอายใจในความผิดพลาดและอนาคตข้างหน้าของตนเองยิ่งนัก จึงกลับไปกระโดดฆ่าตัวตายในบ่อน้ำในทันที

แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกยิ่งนัก หากแต่อัครเสนาบดีกลับมีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉยเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด พลางสั่งให้คนไปนำศพออกมา โดยที่ตนเองหาได้มีท่าทีรู้สึกผิดอยู่ในใจไม่

ในยามนั้น ฝ่าบาทเองก็ยังทรงพระเยาว์ยิ่งนัก หลังจากที่ได้ยินเหตุการณ์นี้ฝ่าบาทเพียงแค่เอ่ยรับฟังเบา ๆ เท่านั้น ถึงแม้เรื่องราวจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม หากแต่ท่านอัครเสนาบดีเอง ก็หาได้รับโทษใด ๆ ไม่

เมื่อสิบปีที่แล้ว คดีนี้นับว่าเป็นคดีที่โด่งดังยิ่งนัก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกคนต่างก็รู้ว่าท่านอัครเสนายดีเข้มงวดเป็นอย่างมาก ทั้งยังลงมือโหดเหี้ยมและมีนิสัยอารมรณ์ที่โมโหร้ายมากด้วย

เมื่อใดที่ต้องมาทำงานภายใต้คำสั่งของท่านอัครเสนาบดีนั้น เหล่ากงกงจึงได้แต่ต้องกระทำตนอย่างระมัดระวังในตนเอง แม้แต่จะผายลมออกมาก็ยังมิกล้า

เหล่ากงกงหาได้เคยเห็นอัครเสนาบดีจูพยายามช่วยเหลือผู้อื่นเช่นนี้ไม่

การที่อัครเสนาบดีจูพยายามที่ช่วยเหลือผู้อื่นนั้น ช่างน่าเหลือเชื่อพอ ๆ กับพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ดอกเหมยที่ออกดอกในยามวสันตฤดูหรือหิมะที่ตกในยามหน้าร้อนไปในทันที!

พวกเขาแอบปาดเหงื่อแทนเซียวเฉวียนเล็กน้อย การที่ท่านอัครเสนาดีจูถูกใต้เท้าเซียวลูบคมเช่นนี้ เกรงว่าหลังจากนี้อีกไม่นาน อัครเสนาบดีจูจักต้องกลับมาคิดบัญชีกับเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน

หากว่าผู้อื่นขอให้อัครเสนาบดีจูมาเอ่ยคำขอร้องกับตนเองนั้น หาได้มีผู้ใดกล้าให้อัครเสนาบดีจูมาเอ่ยคำขอร้องต่อตนเองจริง ๆ ไม่!

ทว่า ใต้เท้าเซียวกล้า! มิเพียงแต่ให้อัครเสนาบดีจูเอ่ยขอร้องต่อตนเองจริง ๆ นั้น ทั้งยังร้องขอเรื่องอื่นอีกมากมายอีกด้วย!

ใบหน้าของอัครเสนาบดีจูยังคงแย้มยิ้มออกมา โดยหาได้มีท่าทีโกรธเคืองใด ๆ ไม่

การที่เขามิแสดงออกมาว่าโมโหเช่นนี้ นับว่าน่ากลัวยิ่งนัก บรรดาเหล่ากงกงที่รู้จักนิสัยของอัครเสนาบดีจูเป็นอย่างดีนั้น ทุกคนล้วนแต่รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า อัครเสนาบดีจูอยากที่จะสังหารเซียวเฉวียนมาเพียงใดในยามนี้!

บรรดาเหล่ากงกงที่ยืนถือกาน้ำชาและขนมนมเนยนั้น หาได้เอ่ยอันใดออกมาไม่ ยามที่เขามารับใช้ท่านอัครเสนาบดีจูและเซียวเฉวียนในวันนี้นั้น มิใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าผู้ใดก็หาใช่บุคคลที่พวกเขาจักสามารถเข้าไปล่วงเกินได้ไม่ ดังนั้นพวกเขาจักกระทำสิ่งใดจึงจำเป็นต้องระมัดระวังตัวให้มากเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของอัครเสนาบดีจูนั้น เขาเดินนำเซียวเฉวียนจากสนามฝึกเดินทางมายังเรือนรับรองของที่ว่าราชการในทันที

อัครเสนาบดีจูที่หาได้รู้ว่ามีเรื่องใหญ่รั้งรออยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ใบหน้าของเขาที่เดิมทีที่คอยประจบสอพลอเซียวเฉวียนนั้น กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นความเย็นชาและหยิ่งผยอง พลางหันไปกล่าวกับข้ารับใช้ว่า "ข้ากำลังยุ่งอยู่! เขาที่เป็นคุณชายตระกูลขุนนางจักต้องมีเรื่องอันใดกัน?ให้เขากลับไปรอข้าที่จวนเสีย!”

หากท่านอัครเสนาบดีจูล่วงรู้ว่าทรัพย์สินในจวนตระกูลของตนเองถูกนำออกไปพนันจนหมดสิ้นเช่นนี้ ถ้าหากข้ารับใช้ผู้นั้นกล่าวเพิ่มเติมขึ้นมาอีกสักประโยคละก็ ท่านอัครเสนาบดีจูก็คงไม่เอ่ยคำพูดเช่นนั้นออกมาเป็นแน่

เหล่าข้ารับใช้ที่รู้สึกหวาดกลัวต่ออัครเสนาบดีจูนั้น เขาจึงได้แต่ก้มหน้าลงพลางกล่าวว่า "ขอรับ ข้าน้อยจะกลับไปรายงานคุณชายน้อยขอรับ"

ข้ารับใช้จึงค่อย ๆ ถอยกายกลับไปด้วยร่างกายที่สั่นเทา อัครเสนาบดีจูเองก็เอ่ยตะคอกออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะสั่งให้ข้ารับใช้คนอื่น ๆ ถอยออกไปจากห้องรับรองเช่นกัน

ในยามนี้ ภายในห้องรับรองจึงเหลือเพียงเซียวเฉวียนและอัครเสนาบดีจูอยู่กันสองคนเท่านั้น

เซียวเฉวียนที่กำลังรั้งรอให้อัครเสนาบดีจูเปิดปากพูดออกมา แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ท่านอัครเสนาบดีจูเพียงแค่รินน้ำชาให้กับตนเองและให้กับเขา ก่อนจะเอ่ยวกไปวนหาได้พูดเข้าประเด็นไม่

งานเลี้ยงมงคลสมรสจักเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วยามแล้ว ภายในครึ่งชั่วยามนี้ เกรงว่าอัครเสนาบดีจูคงมิอาจโน้มน้าวใจของเซียวเฉวียนได้สำเร็จเป็นแน่

“ใต้เท้า ในยามนี้รอบ ๆ ตัวมิมีผู้ใดหลงเหลืออยู่แล้ว ท่านมิจำเป็นต้องแสร้งทำต่อไปอีก”

เซียวเฉวียนพลางเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะฉีกหน้ากากจอมปลอมและเสแสร้งของชายชราออกมาโดยตรงในทันที "ท่านทำเช่นนี้มิเหนื่อยหรือ"

นัยน์ตาของอัครเสนาบดีจูพลันลุกเป็นไฟในทันที ทว่า เขาก็ยังคงฝืนยิ้มออกมาว่า "ใต้เท้าเซียว ท่านที่เป็นถึงราชบุตรเขยเช่นนี้ ในภายภาคหน้าท่านก็จักเป็นแขกเรือเครือญาติขององค์จักรพรรดิ ข้าไม่เหนื่อย ข้าไม่เหนื่อยเลย การที่ข้าสามารถรินน้ำชาให้ท่านได้นั้น นับว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว”

“นอกจากนี้ ทั้งข้าและใต้เท้าเซียวหาได้เคยมีบุญคุณความแค้นต่อกันไม่ การที่ใต้เท้าเซียวเอ่ยออกมาเช่นนี้ท่านมีอคติกับข้ามากเกินไป”

ไม่มีบุญคุณความแค้น?

“ในฐานะสุนัขรับใช้ของเว่ยเจียนกั๋ว ท่านกับข้าล้วนแต่มีบุญคุณความแค้นต่อกันมากมายนัก” เซียวเฉวียนอดมิได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมกับเปิดฉากยิงตรงไปที่อัครเสนาบดีจูในทันที

อัครเสนาบดีจูพลันหน้านิ่วคิ้วขมวดไปในทันใด ก่อนสีหน้าของเขาจะมืดครึ้มลงในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย