องค์ชายสองพระองค์ที่มาพร้อมกับคณะทูตซินเจียงนั้น คือพระเชษฐาขององค์หญิงต้าถง
องค์หญิงต้าถงคือองค์หญิงลำดับที่ห้าของซินเจียง พระนางได้รับสมญานามว่าองค์หญิงอันกุย ทั้งยังถูกส่งมาที่ต้าเว่ยเพื่อเป็นตัวแทนการสานสัมพันธไมตรีระหว่างสองแคว้น
ในยามนั้น องค์จักรพรรดิเพียงเล็งเห็นว่าพระนางมีความรู้มากมาย ทั้งยังอ่านออกเขียนตัวอักษรได้ จึงได้แต่งตั้งพระนางขึ้นเป็นอาจารย์สอนองค์ชายเหล่านั้น พร้อมทั้งมอบสกุลถงให้กับนาง พลางพระราชทานแต่งตั้งนามขึ้นเป็นองค์หญิงต้าถง
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ องค์หญิงต้าถงหาได้เดินทางมาที่นี่เพื่อต้องการจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไม่ พระนางเพียงแค่ต้องการมาเที่ยวเล่นเยี่ยมเยียนต้าเว่ยเท่านั้น
หากว่าต้องการเป็นพระสวามีขององค์หญิงละก็ ยังต้องเดินทางกลับไปยังซินเจียงพร้อมกับองค์หญิงอีก
หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือ เดินกทางกลับไปเป็นบุตรเขยแต่งเข้าซินเจียงนั่นเอง
เดิมทีเซียวเฉวียนก็เป็นบุตรเขยอยู่แล้ว ทั้งยังเป็นบุตรเขยที่ต้องทนทุกข์ทรมานมามากมายนัก ในยามที่ชื่อเสียงเรียงนามของเขาเริ่มมีมากขึ้นเช่นนี้ เขาจักยอมไปที่ซินเจียงเพื่อเป็นพระราชบุตรเขยแดนไกลได้อย่างไร?
ฝ่าบาทเข้าอกเข้าใจเซียวเฉวียนยิ่งนัก
ก่อนงานประลองยุทธเลือกคู่นั้น ฝ่าบาทหาได้ชี้แจงออกมาอย่างชัดเจนไม่ เกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไปยังซินเจียง
นั่นเป็นเพราะว่า หากประกาศออกไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วนั้น ย่อมมีหลายๆ คนที่มิเต็มใจที่จะเข้าร่วมงานประลองอย่างแน่นอน หากมิมีคนยอมเข้าร่วมงานประลองยุทธเลือกคู่แล้วไซร้ ย่อมทำให้รู้สึกอับอายมากเป็นแน่
แม้ว่าทางซินเจียงจักมีความมั่งคั่ง หากแต่ประเพณีผู้คนและสภาพอากาศก็กลับแตกต่างจากต้าเว่ยยิ่งนัก จักมีผู้ใดยินยอมแต่งออกไปเป็นลูกเขยที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองไปเล่า?
เดิมทีฝ่าบาทมีคนในใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งคนผู้นั้นก็ยินยอมที่จะเดินทางไปยังซินเจียงด้วยเช่นกัน
ผู้ใดจักไปคิดกันเล่า ว่าอัครเสนาบดีจูจักไปก่อกวนเซียวเฉวียนให้ไปกับเขาเช่นนั้น?
หากว่าอัครเสนาบดีจูส่งกองทัพออกไปจับเป็นเซี่ยวเฟิงก่อนหน้านั้นละก็ แผนการและกฎการประลองย่อมเป็นไปตามที่ฝ่าบาทคาดหวังเอาไว้
ในยามนี้ องค์ชายแห่งซินเจียงกลับชมชอบและมองเซียวเฉวียนเป็นน้องเขยของพวกเขาไปแล้ว ทว่า เซียวเฉวียนหาได้ยินยอมเป็นพระราชบุตรเขยของซินเจียงไม่!
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะชมชอบองค์หญิงต้าถงก็ตาม ทว่า เขาจะมิยอมเดินทางไปยังซินเจียงด้วยอย่างแน่นอน
อีกทั้ง ความแค้นของฉินปาฟางและเหวินฮั่น เขายังมิได้ช่วยชำระความแค้นนี้เลย!
ปีศาจกวี เขาก็ยังหาตัวไม่พบเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีทั้งมารดาและน้องสาวของเขาที่อยู่ที่นี่ เขาจักเดินทางไกลไปซินเจียงได้อย่างไรกัน?
นิสัยของเซียวเฉวียนนั้น ฝ่าบาทเข้าใจความรู้สึกของเซียวเฉวียนเป็นอย่างดี หากสิ่งใดที่เซียวเฉวียนมิเต็มใจจักทำนั้น บังคับข่มขู่ให้ตายเช่นไรเขาก็ไม่มีวันยอมทำ
ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือมีแต่ต้องขอร้องอ้อนวอนเท่านั้น
ด้วยภารกิจที่ยากลำบากเช่นนี้ มีเพียงเหล่าอัครเสนาบดีเท่านั้นที่จะทำได้
ใบหน้าของพ่อฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นดูน่าเกลียดมากนัก เนื่องจากฝ่าบาทได้จัดเตรียมการหย่าร้างระหว่างฉินซูโหรวและเซียวเฉวียนไว้แล้ว
พร้อมทั้งพระราชทานแต่งตั้งฐานะของฉินซูโหรวขึ้นมา เพื่อเห็นแก่หน้าตาของตระกูลฉิน
หากพ่อฉินรู้ก่อนหน้านั้นว่า เซียวเฉวียนมีพู่กันจินหลุนเฉียนคุนและภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนเอาไว้ในครอบครองละก็ เขาคงเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเซียวเฉวียนไปนานแล้ว
หากว่าเซียวเฉวียนแต่งกับองค์หญิงขึ้นมาจริง ๆ ตระกูลฉินคงมิมีเขาเป็นลูกเขยของตระกูลอีกต่อไป
ก่อนหน้านั้น เซียวเฉวียนมักจะชอบส่งเสียงโหวกแหวกโวยวายอยู่ในจวนตระกูลฉินแทบจะทุกวัน พ่อฉินหาได้รู้สึกเป็นกังวลไม่ ทว่าในยามนี้ เขากลับรู้สึกใจหายและมิอยากจากบุตรเขยคนนี้ยิ่งนัก
เขากลัวเหลือเกินว่าเซียวเฉวียนจักยอมแต่งออกไปไปจริง ๆ
มิเช่นนั้น ในภายภาคหน้าตระกูลฉินจักไปหาบุตรเขยที่แข็งแกร่งและทรงพลังเช่นเซียวเฉวียนได้จากที่ใดอีก?
อย่างไรก็ตาม เพื่อมิตรภาพไมตรีระหว่างซินเจียงและต้าเว่ยนั้น ในเมื่อฝ่าบาทได้ตัดสินใจพระทัยในการแต่งตั้งให้เซียวเฉวียนแต่งออกไปเป็นพระราชบุตรเขยของซินเจียงแล้วนั้น ตระกูลฉินในยามนี้จึงทำได้เพียงแค่ยอมแพ้เท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแว่นแคว้น หน้าตาของตระกูลฉินนั้นย่อมเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ทว่า ฝ่าบาทนึกหวาดกลัวในนิสัยแน่วแน่มิยอมคนของเซียวเฉวียนยิ่งนัก พระองค์จึงมีรับสั่งให้อัครเสนาบดีจูไปขอร้องแทน เรื่องนี้จักสำเร็จหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเซียวเฉวียนแล้ว
เซียวเฉวียนย่อมยอมออกจากตระกูลฉินเป็นแน่
ภายในใจของพ่อฉินรู้สึกเศร้าสร้อยยิ่งนัก ถึงอย่างไรตระกูลฉินมิเคยปฏิบัติตัวดี ๆ ต่อเซียวเฉวียนเลยสักครั้ง เซียวเฉวียนคงจะมินึกถึงตระกูลฉินมากหรอกกระมัง
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้น...”
มิคิดพิจารณาผู้อื่นไปเป็นพระราชบุตรเขยหน่อยหรือ? อัครเสนาบดีจูมิอยากไป ทว่า เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของฝ่าบาทแล้วนั้น เขาก็มิกล้าเอ่ยอันใดออกมา
“กระ...จะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
อัครเสนาบดีจูจึงได้แต่รีบตบเท้าเดินออกไปในทันที! ให้ตายเถอะ ข้าเข้าวังเพื่อจะมาทูลขอบทลงโทษแท้ ๆ กลับไม่อาจเอาผิดต่อเซียวเฉวียนได้ ทั้งยังถูกยึดกองกำลังของข้าไปอีก มิหนำซ้ำ ยังต้องออกไปขอร้องอ้อนวอนต่อเจ้าลูกเต่าเซียวเฉวียนอีกด้วย !
อัครเสนาบดีจูได้แต่ส่ายหัวไปมา เขามิอาจมิทำตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิได้
พ่อฉินที่ยืนมองดูอัครเสนาบดีจูจนลับสายตาไปนั้น เขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจออกมาแทน
“ท่านแม่ทัพฉินเซิง มิอาจละทิ้งเซียวเฉวียนไปได้งั้นรึ?”
ฝ่าบาทเอ่ยถามออกมาอย่างสบายอารมณ์ พ่อฉินจึงได้แต่ก้มหน้ากราบทูลกลับไปว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมล้วนแต่ปฏิบัติตามความต้องการของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...