ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 338

สรุปบท บทที่ 338 สุดยอดลูกเขย: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 338 สุดยอดลูกเขย – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 338 สุดยอดลูกเขย ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

องค์ชายสองพระองค์ที่มาพร้อมกับคณะทูตซินเจียงนั้น คือพระเชษฐาขององค์หญิงต้าถง

องค์หญิงต้าถงคือองค์หญิงลำดับที่ห้าของซินเจียง พระนางได้รับสมญานามว่าองค์หญิงอันกุย ทั้งยังถูกส่งมาที่ต้าเว่ยเพื่อเป็นตัวแทนการสานสัมพันธไมตรีระหว่างสองแคว้น

ในยามนั้น องค์จักรพรรดิเพียงเล็งเห็นว่าพระนางมีความรู้มากมาย ทั้งยังอ่านออกเขียนตัวอักษรได้ จึงได้แต่งตั้งพระนางขึ้นเป็นอาจารย์สอนองค์ชายเหล่านั้น พร้อมทั้งมอบสกุลถงให้กับนาง พลางพระราชทานแต่งตั้งนามขึ้นเป็นองค์หญิงต้าถง

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ องค์หญิงต้าถงหาได้เดินทางมาที่นี่เพื่อต้องการจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไม่ พระนางเพียงแค่ต้องการมาเที่ยวเล่นเยี่ยมเยียนต้าเว่ยเท่านั้น

หากว่าต้องการเป็นพระสวามีขององค์หญิงละก็ ยังต้องเดินทางกลับไปยังซินเจียงพร้อมกับองค์หญิงอีก

หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือ เดินกทางกลับไปเป็นบุตรเขยแต่งเข้าซินเจียงนั่นเอง

เดิมทีเซียวเฉวียนก็เป็นบุตรเขยอยู่แล้ว ทั้งยังเป็นบุตรเขยที่ต้องทนทุกข์ทรมานมามากมายนัก ในยามที่ชื่อเสียงเรียงนามของเขาเริ่มมีมากขึ้นเช่นนี้ เขาจักยอมไปที่ซินเจียงเพื่อเป็นพระราชบุตรเขยแดนไกลได้อย่างไร?

ฝ่าบาทเข้าอกเข้าใจเซียวเฉวียนยิ่งนัก

ก่อนงานประลองยุทธเลือกคู่นั้น ฝ่าบาทหาได้ชี้แจงออกมาอย่างชัดเจนไม่ เกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไปยังซินเจียง

นั่นเป็นเพราะว่า หากประกาศออกไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วนั้น ย่อมมีหลายๆ คนที่มิเต็มใจที่จะเข้าร่วมงานประลองอย่างแน่นอน หากมิมีคนยอมเข้าร่วมงานประลองยุทธเลือกคู่แล้วไซร้ ย่อมทำให้รู้สึกอับอายมากเป็นแน่

แม้ว่าทางซินเจียงจักมีความมั่งคั่ง หากแต่ประเพณีผู้คนและสภาพอากาศก็กลับแตกต่างจากต้าเว่ยยิ่งนัก จักมีผู้ใดยินยอมแต่งออกไปเป็นลูกเขยที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองไปเล่า?

เดิมทีฝ่าบาทมีคนในใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งคนผู้นั้นก็ยินยอมที่จะเดินทางไปยังซินเจียงด้วยเช่นกัน

ผู้ใดจักไปคิดกันเล่า ว่าอัครเสนาบดีจูจักไปก่อกวนเซียวเฉวียนให้ไปกับเขาเช่นนั้น?

หากว่าอัครเสนาบดีจูส่งกองทัพออกไปจับเป็นเซี่ยวเฟิงก่อนหน้านั้นละก็ แผนการและกฎการประลองย่อมเป็นไปตามที่ฝ่าบาทคาดหวังเอาไว้

ในยามนี้ องค์ชายแห่งซินเจียงกลับชมชอบและมองเซียวเฉวียนเป็นน้องเขยของพวกเขาไปแล้ว ทว่า เซียวเฉวียนหาได้ยินยอมเป็นพระราชบุตรเขยของซินเจียงไม่!

ถึงแม้ว่าตัวเขาจะชมชอบองค์หญิงต้าถงก็ตาม ทว่า เขาจะมิยอมเดินทางไปยังซินเจียงด้วยอย่างแน่นอน

อีกทั้ง ความแค้นของฉินปาฟางและเหวินฮั่น เขายังมิได้ช่วยชำระความแค้นนี้เลย!

ปีศาจกวี เขาก็ยังหาตัวไม่พบเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีทั้งมารดาและน้องสาวของเขาที่อยู่ที่นี่ เขาจักเดินทางไกลไปซินเจียงได้อย่างไรกัน?

นิสัยของเซียวเฉวียนนั้น ฝ่าบาทเข้าใจความรู้สึกของเซียวเฉวียนเป็นอย่างดี หากสิ่งใดที่เซียวเฉวียนมิเต็มใจจักทำนั้น บังคับข่มขู่ให้ตายเช่นไรเขาก็ไม่มีวันยอมทำ

ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือมีแต่ต้องขอร้องอ้อนวอนเท่านั้น

ด้วยภารกิจที่ยากลำบากเช่นนี้ มีเพียงเหล่าอัครเสนาบดีเท่านั้นที่จะทำได้

ใบหน้าของพ่อฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นดูน่าเกลียดมากนัก เนื่องจากฝ่าบาทได้จัดเตรียมการหย่าร้างระหว่างฉินซูโหรวและเซียวเฉวียนไว้แล้ว

พร้อมทั้งพระราชทานแต่งตั้งฐานะของฉินซูโหรวขึ้นมา เพื่อเห็นแก่หน้าตาของตระกูลฉิน

หากพ่อฉินรู้ก่อนหน้านั้นว่า เซียวเฉวียนมีพู่กันจินหลุนเฉียนคุนและภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนเอาไว้ในครอบครองละก็ เขาคงเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเซียวเฉวียนไปนานแล้ว

หากว่าเซียวเฉวียนแต่งกับองค์หญิงขึ้นมาจริง ๆ ตระกูลฉินคงมิมีเขาเป็นลูกเขยของตระกูลอีกต่อไป

ก่อนหน้านั้น เซียวเฉวียนมักจะชอบส่งเสียงโหวกแหวกโวยวายอยู่ในจวนตระกูลฉินแทบจะทุกวัน พ่อฉินหาได้รู้สึกเป็นกังวลไม่ ทว่าในยามนี้ เขากลับรู้สึกใจหายและมิอยากจากบุตรเขยคนนี้ยิ่งนัก

เขากลัวเหลือเกินว่าเซียวเฉวียนจักยอมแต่งออกไปไปจริง ๆ

มิเช่นนั้น ในภายภาคหน้าตระกูลฉินจักไปหาบุตรเขยที่แข็งแกร่งและทรงพลังเช่นเซียวเฉวียนได้จากที่ใดอีก?

อย่างไรก็ตาม เพื่อมิตรภาพไมตรีระหว่างซินเจียงและต้าเว่ยนั้น ในเมื่อฝ่าบาทได้ตัดสินใจพระทัยในการแต่งตั้งให้เซียวเฉวียนแต่งออกไปเป็นพระราชบุตรเขยของซินเจียงแล้วนั้น ตระกูลฉินในยามนี้จึงทำได้เพียงแค่ยอมแพ้เท่านั้น

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแว่นแคว้น หน้าตาของตระกูลฉินนั้นย่อมเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

ทว่า ฝ่าบาทนึกหวาดกลัวในนิสัยแน่วแน่มิยอมคนของเซียวเฉวียนยิ่งนัก พระองค์จึงมีรับสั่งให้อัครเสนาบดีจูไปขอร้องแทน เรื่องนี้จักสำเร็จหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเซียวเฉวียนแล้ว

เซียวเฉวียนย่อมยอมออกจากตระกูลฉินเป็นแน่

ภายในใจของพ่อฉินรู้สึกเศร้าสร้อยยิ่งนัก ถึงอย่างไรตระกูลฉินมิเคยปฏิบัติตัวดี ๆ ต่อเซียวเฉวียนเลยสักครั้ง เซียวเฉวียนคงจะมินึกถึงตระกูลฉินมากหรอกกระมัง

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้น...”

มิคิดพิจารณาผู้อื่นไปเป็นพระราชบุตรเขยหน่อยหรือ? อัครเสนาบดีจูมิอยากไป ทว่า เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของฝ่าบาทแล้วนั้น เขาก็มิกล้าเอ่ยอันใดออกมา

“กระ...จะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

อัครเสนาบดีจูจึงได้แต่รีบตบเท้าเดินออกไปในทันที! ให้ตายเถอะ ข้าเข้าวังเพื่อจะมาทูลขอบทลงโทษแท้ ๆ กลับไม่อาจเอาผิดต่อเซียวเฉวียนได้ ทั้งยังถูกยึดกองกำลังของข้าไปอีก มิหนำซ้ำ ยังต้องออกไปขอร้องอ้อนวอนต่อเจ้าลูกเต่าเซียวเฉวียนอีกด้วย !

อัครเสนาบดีจูได้แต่ส่ายหัวไปมา เขามิอาจมิทำตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิได้

พ่อฉินที่ยืนมองดูอัครเสนาบดีจูจนลับสายตาไปนั้น เขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจออกมาแทน

“ท่านแม่ทัพฉินเซิง มิอาจละทิ้งเซียวเฉวียนไปได้งั้นรึ?”

ฝ่าบาทเอ่ยถามออกมาอย่างสบายอารมณ์ พ่อฉินจึงได้แต่ก้มหน้ากราบทูลกลับไปว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมล้วนแต่ปฏิบัติตามความต้องการของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ"

อารมณ์เสียยิ่งนัก!

เซียวเฉวียนหาได้สนใจเซี่ยวเฟิงอีกไม่ ก่อนจะหันมาเอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า" ใต้เท้าเข้าวังไปรายงานโทษของข้าแล้วหรือ?"

"..." ใบหน้าของอัครเสนาบดีจูกระตุกไปในทันที พร้อมกับรอยยิ้มที่แข็งทื่อ ไม่นานนักเขากลับหัวเราะออกมาอีกครั้ง "ใต้เท้าเซียว ท่านเข้าไปนั่งในที่ว่าราชการกับข้าสักครู่เถิด เข้าไปกินขนมจิบน้ำชากัน ท่านยุ่งวุ่นวายมาทั้งวันแล้ว คงจะเหนื่อยไม่น้อยกระมัง เข้าไปพักผ่อนกันเสียหน่อยเถิด”

ข้าไป?

ให้ข้าไป!

“ใต้เท้า ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือ?” เซียวเฉวียนพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ท่าทางเช่นนี้น่ากลัวยิ่งนัก “ท่านเชิญชวนข้าไปกินดื่มเช่นนี้ คงต้องการวางยาพิษสังหารข้ากระมัง?”

หากมิใช่ว่าเขาจักต้องมาขอร้องอ้อนวอนต่อเซียวเฉวียนละก็ การที่ขุนนางขั้นห้าตัวเล็ก ๆ เช่นเซียวเฉวียนมาพูดคุยกับเขาเช่นนี้ อัครเสนาบดีจูคงจะสั่งให้ใครสักกคนลากเขาออกไปตัดหัวเขาไปนานแล้ว!

แต่ในยามนี้อัครเสนาบดีจูจักต้องมาทำหน้าที่ชดใช้ความผิดของตนเอง ชีวิตของคนทั้งเก้าชั่วโคตรในตระกูลของเขาตกอยู่ในกำมือของเซียวเฉวียนไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่อดทนเท่านั้น

อดทน

อดทน...

อัครเสนาบดีจูพลันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาด้วยความใจดีว่า "ใต้เท้าเซียวช่างมีอารมณ์ขบขันยิ่งนัก ท่านที่เป็นราชบุตรเขย ข้าจักวางยาท่านได้อย่างไรเล่า?"

เซียวเฉวียนถึงกับหัวเราะออกมาฉากใหญ่ "ราชบุตรเขย? ใต้เท้า ท่านกำลังล้อข้าเล่นอยู่กระมัง? ท่านมิได้กล่าววว่าจักเข้าวังไปเพื่อทูลขอบทลงโทษของข้าหรือ? มิใช่กล่าวว่า หากข้าจักเป็นราชขบุตรเขย คงเป็นได้แค่ฝันมิใช่หรืออย่างไร?”

เซียวเฉวียนพลันส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหัวเราะออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ในยามนี้ท่านกำลังทำอันใดอยู่กัน? ให้ข้ามากินดื่มของดีๆ เช่นนี้ คงมิใช่ว่ามีเรื่องต้องการจะมาขอร้องข้าหรอกกระมัง?"

เซียวเฉวียนคาดเดาได้ถูกต้องทุกอย่าง ทำเอาอัครเสนาบดีจูได้แต่ยิ้มเจือน ๆ ออกมา "ใต้เท้าเซียวกล่าวได้ถูกต้อง ข้ามีเรื่องต้องการจะขอร้อง"

“อ๋อ เช่นนั้นข้าอยากจะได้ยินยิ่งนัก ว่าท่านอัครเสนาบดีต้องการจะขอร้องข้าเช่นไร”

สีหน้าของอัครเสนาบดีจูพลางเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปในทันที "ใต้เท้าเซียว ได้โปรด"

เซียวเฉวียนแย้มยิ้มออกมาเสียจน ไม่สามารถปกปิดความสุขของตนเองได้มิด ดูเหมือนว่าเขาจักได้เป็นราชบุตรเขยจริง ๆ สินะ

ถือว่าฝ่าบาทเป็นคนดีเลยทีเดียว ที่มิคิดรื้อสะพานทิ้งไปเช่นนี้

เซียวเฉวียนจึงเอามือไปตบก้นอ้วน ๆ ของเซี่ยวเฟิง "ลุกขึ้น! ไปดื่มชากัน!"

การที่เซียวเฉวียนปฏิบัติต่อเซี่ยวเฟิงที่เป็นสัตว์ทหารเช่นนี้ อัครเสนาบดีจูรู้สึกมิพอใจยิ่งนัก หากแต่เขาทำได้เพียงหัวเราะก่อนจะกล่าวออกมาว่า "ช้าก่อน ใต้เท้าเซียว "

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย