สรุปตอน บทที่ 337 ให้เป็นเซียวเฉวียน – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 337 ให้เป็นเซียวเฉวียน ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
พระราชวัง
พระที่นั่งเป่าหรง
กิจวัตรประจำวันของฮ่องเต้คือการพักผ่อนช่วงเล็กๆ ขบคิดเรื่องกิจการบ้านเมือง รวมถึงรับการเข้าเฝ้าของขุนนางที่ปฏิบัติการงานต่างๆ
เบื้องล่าง อัครเสนาบดีกำลังคุกเข่า ต่งจัวคุกเข่าอยู่ด้านข้างด้วยเช่นกัน
สีหน้าของฮ่องเต้พูดได้ว่าอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
นอกจากไม่กี่คนนี้ในพระที่นั่ง มีเพียงพ่อฉินอยู่ด้านข้าง ดังนั้น พระที่นั่งขนาดใหญ่จึงเงียบงันอย่างน่ากลัว
อัครเสนาบดีจูก้มตัวลงพื้น “กระหม่อมทำงานไม่เต็มที่! ขัดต่อคำสั่งของฝ่าบาท! ทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง! ต่งจัวไม่ระวังทำให้ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส กระหม่อมเป็นผู้ดูแลต่งจัว กระหม่อมไม่อาจหลุดพ้นจากความผิดได้! ขอฝ่าบาทมอบความตายให้กระหม่อมด้วยเถิด!”
อัครเสนาบดีจูพูดเสียงดังฟังชัด แต่วันนี้เป็นวันที่องค์หญิงต้าถงเลือกคู่ ในพระราชวังไม่อาจนองเลือดได้
แม้ฮ่องเต้จะโกรธมากกว่านี้ อัครเสนาบดีจูเองก็รู้ว่าไม่มีทางถูกมอบโทษความตายให้ ไม่สู้พูดให้สุด แสดงออกว่าตนเองมีความจริงใจไม่ดีกว่าหรือ
ความคิดของเฒ่าจิ้งจอกนี้ ฮ่องเต้รู้อย่างทะลุปรุโปร่ง ความโกรธพวยพุ่งขึ้นมาจากก้นหัวใจ “อัครเสนาบดี! เป็นเจ้าที่ทำไม่เต็มที่! เจ้าต้องรับโทษแต่โดยดี! ข้าให้อำนาจทั้งหมดกับเจ้าจัดประลองยุทธเลือกคู่! เจ้ากลับทำแบบนี้!”
“เจ้ากลับเปลี่ยนกฎ! รู้อยู่ชัดเจนว่าเซี่ยวเฟิงจะออกมา เจ้าไม่เพียงไม่บอกข้า! เจ้ายังกล้าใช้สัตว์ทหารเป็นแต้มต่อในการประลอง!”
“ปึง!” ฮ่องเต้พูดจบ ตบลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ตบจนอัครเสนาบดีจูขวัญดีหนีฝ่อ
“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว! ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว!” อัครเสนาบดีคุกเข่าอยู่บนพื้น โขกหัวไม่หยุด
การโขกหัวนี้ดูเหมือนมีความจริงใจอยู่มาก แต่กลับไร้ซึ่งความเคารพ
อัครเสนาบดีจูมีเว่ยเจียนกั๋วเป็นที่พึ่ง เดิมทีเขาก็ไม่กลัวคำติเตียนของฮ่องเต้
ฮ่องเต้พูดเสียงเย็นว่า “ตอนนี้คณะฑูตซินเจียงมาถึงเมืองหลวงแล้ว บรรดาพี่น้องขององค์หญิงต้าถงเดินทางมาเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรสขององค์หญิง เจ้ากลับทำให้งานประลองยุทธเลือกคู่พังแล้ว!”
ฮ่องเต้นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ก๊อก” เสียงหนึ่ง เคาะโต๊ะ กลิ่นอายแห่งจักรพรรดิแสดงออกมา “ดังนั้น เจ้าบอกข้ามา ประลองยุทธเลือกคู่ครั้งนี้ พระราชบุตรเขยจะเป็นใคร?”
“พระราชบุตรเขย... พระราชบุตรเขยเป็น...” อัครเสนาบดีจูนิ่งตะลึง คณะฑูตซินเจียงมาถึงต้าเว่ยเมื่อใด?
เขาที่เป็นอัครเสนาบดี เหตุใดจึงไม่รู้?
คณะฑูตซินเจียงล้วนมาแล้ว ยังไงพระราชบุตรเขยก็ต้องมี พิธีอภิเษกสมรสจำเป็นต้องจัดขึ้น!
“อัครเสนาบดี เจ้ากำลังลังเลอะไร? ตามกฎของเจ้า ไม่ใช่เซียวเฉวียนชนะแล้วหรือ?”
ฮ่องเต้มองเขาอย่างเยือกเย็น “ไม่ใช่ว่าเจ้าตั้งใจให้เขาอยู่จนถึงในรอบหลัง?”
อัครเสนาบดีจูแทบอยากจะร้องไห้แล้ว ที่เขาให้เซียวเฉวียนอยู่ในรอบหลัง ไม่ใช่ให้เขาเป็นพระราชบุตรเขย แต่เป็นต้องการให้ฮ่องเต้คิดว่าเขายุยงต่งจัวให้ทำร้ายเว่ยชิงต่างหาก!
“เซี่ยวเฟิงมีชื่อเสียงทั่วทั้งต้าเว่ย
และมีชื่อเสียงทั่วทั้งซินเจียง” ฮ่องเต้มองอัครเสนาบดีจูอย่างรังเกียจและโกรธเกรี้ยว “เซียวเฉวียนที่กลายเป็นนายของเซี่ยวเฟิงแล้ว ทำให้เหล่าบรรดาพระเชษฐาขององค์หญิงต้าถงพอใจมาก พวกเขารู้สึกว่าถ้าเซียวเฉวียนมาเป็นพระราชบุตรเขยนั้นไม่เลวเลย!”
ตอนที่พูดคำนี้ออกมา ฮ่องเต้ดวงตามืดมน สีหน้าของพ่อฉินยิ่งไม่ดีเป็นอย่างมาก
เดิมทีฮ่องเต้คิดว่า เซียวเฉวียนเพียงเปลี่ยนชั่วคราว นั่นก็ไม่เป็นไร ฮ่องเต้จะต้องให้เขาและเว่ยชิงเผชิญหน้ากันแน่นอน เพียงเซียวเฉวียนขัดขวางเว่ยชิงสำเร็จก็พอ
ส่วนเรื่องพระราชบุตรเขย ฮ่องเต้มีตัวเลือกอื่นอยู่แล้ว
เซียวเฉวียนแต่งกับหลานสาวของตนเองแล้ว ฮ่องเต้จะให้เขาแต่งงานอีกได้อย่างไร? ฮ่องเต้ก็ต้องไว้หน้าตระกูลฉินด้วยสิ!
ดังนั้น ที่เซียวเฉวียนปฏิเสธองค์หญิงต้าถงอยู่ตลอด ฮ่องเต้พอใจมาก อย่างที่คิด คนที่เข้าใจเขาที่สุด ก็คือเซียวเฉวียน
ในงานประลองยุทธเลือกคู่ เซียวเฉวียนเพียงแค่ต้องกำจัดเว่ยชิง ให้ออกจากการประลองก็เพียงพอ
คนที่ฮ่องเต้วางไว้ ก็จะได้เป็นพระราชบุตรเขย
ผลสุดท้าย?
อัครเสนาบดีจูกระทำอย่างกำเริบเสิบสาน เอาตนเองเป็นที่ตั้ง เปลี่ยนกฏการประลอง เว่ยชิงพ่ายไปแล้วก็ช่างปะไร คณะฑูตซินเจียงยังถูกใจเซียวเฉวียนด้วย!
เฮอะ!
ฮ่องเต้ดูแลกิจการบ้านเมืองมาหลายปี ก็ยังไม่เคยเจอเรื่องกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้!
คณะฑูตซินเจียง รู้สึกว่าเซียวเฉวียนไม่เลวเลย!
ต้องการให้น้องสาวตนเองแต่งงานกับเซียวเฉวียนให้ได้!
เซียวเฉวียนแต่งงานแล้วก็ไม่เป็นไร!
อัครเสนาบดีจูตะลึง ในสิบสามฝ่ายราชการของอัครเสนาบดี ฝ่ายราชการกองกำลังทหารเป็นฝ่ายราชการหลักด้านการทหาร ควบคุมดูแลหน่วยยุทธศาสตร์ติดตามการเคลื่อนไหวของศัตรู รับผิดชอบการแต่งตั้งทหาร อุปกรณ์สำรอง อาวุธ การป้องกันต่างๆ
โดนลงโทษเช่นนี้ ก็ไร้ซึ่งอำนาจทางการทหารแล้ว
ฮ่องเต้ใช้เรื่องนี้มาทำให้เขาลำบากนี่!
ทำไมยังไม่ทันลงโทษเซียวเฉวียน ก็มาลงโทษเขาก่อนแล้ว?
อัครเสนาบดีจูก้มหน้า “ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว กระหม่อม...”
ไม่รอให้อัครเสนาบดีจูเล่นลิ้น ฮ่องเต้ส่งเสียงเย็นเสียงหนึ่ง “ทำไม? เมื่อกี้เจ้ายังรู้ตัวว่าทำผิดหนัก ทั้งยังขอให้ข้ามอบโทษตายให้เจ้า ตอนนี้ไร้ซึ่งอำนาจฝ่ายราชการกองกำลังทหาร เจ้ากลับไม่พอใจ?”
“แม้แต่ความตายเจ้าก็ยังไม่กลัว กลับกลัวอำนาจฝ่ายราชการกองกำลังทหารจะหายไป?”
“เจ้าต้องรู้ว่าเจ้าทำตัวมีอำนาจเปลี่ยนกฎ ปิดบังเรื่องเซี่ยวเฟิงไม่แจ้งข้า มีโทษฐานไม่เคารพบุตรแห่งสวรรค์ ต้องโทษประหารเก้าชั่วโครต!”
แต่ละคำแต่ละประโยคของฮ่องเต้ ทำให้ใจหวาดผวา
ถูกตัดฝ่ายราชการกองกำลังทหารไปแล้ว เว่ยเจียนกั๋วจะต้องฆ่าเขาตายแน่! ตอนนี้ฝ่าบาทยังตรัสว่าประหารเก้าชั่วโครต อัครเสนาบดีจูหวาดหวั่นแล้ว
อัครเสนาบดีจูถูกฮ่องเต้โกรธเกลียดจนไม่อาจมีคำพูดใดพูดได้ เขามองต่งจัวอย่างเกลียดชัง ล้วนเป็นไอ้สวะนี่กับเซียวเฉวียนที่ทำเขา!
สิบสามฝ่ายราชการ ฝ่ายราชการกองกำลังทหารเป็นฝ่ายสำคัญของฝ่ายราชการที่สำคัญอีกที แต่ในเมื่อฮ่องเต้พูดว่าประหารเก้าชั่วโครตเช่นนี้แล้ว อัครเสนาบดีจูก็ทำได้เพียงเป็นเช่นนี้ไปก่อน
อย่าพูดว่าแค่ยึดอำนาจฝ่ายราชการกองกำลังทหารคืนเพียงอย่างเดียวเลย ฮ่องเต้เองต้องการยึดคืน
ฝ่ายราชการกองกำลังทหารกลับมาอยู่ในมือตนเอง ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวของฮ่องเต้ ก็มีความดีอกดีใจอยู่เล็กน้อย
“แต่ว่า ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าสร้างความดีทดแทน เลี่ยงโทษประหารเก้าชั่วโครตของเจ้าได้”
ฮ่องเต้พูดประโยคนี้ อัครเสนาบดีจูก็กระตือรือร้น มีใจฝักใฝ่เป็นอย่างยิ่ง “กระหม่อมยินดีทำความดีทดแทนโทษ! ขอให้ฝ่าบาททรงชี้แนะ!”
“เจ้าไปขอร้องเซียวเฉวียน ให้มาเป็นพระราชบุตรเขยของซินเจียง”
เพียงฮ่องเต้พูดออกมา อัครเสนาบดีจูก็นิ่งอึ้ง ฮะ?
ขอ... ขอร้องเซียวเฉวียน?
ให้มาเป็นพระราชบุตรเขย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...