จวนตระกูลฉิน
ฉินซูโหรวที่นั่งอยู่รถม้าของทางพระราชวังนั้น
“ท่านแม่ ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยเจ้าค่ะ จู่ ๆ ฝ่าบาทก็ประทานยศจวิ้นจู่ให้กับข้าเช่นนี้ คงมิได้มีเรื่องอื่นใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ฉินซูโหรวพลันบิดผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือของตนเอง พร้อมกับใจที่เต้นตุ้ม ๆ ต่อมๆ
ในพระราชโองการขององค์จักรพรรดินั้น มีเพียงการเรียกตัวฉินซูโหรวเข้าวังเพียงผู้เดียวเท่านั้น แม่ฉินมิอาจตามเข้าไปด้านในด้วยได้ อีกทั้งใบหน้าของนางที่บวมเป่งอยู่นั้น หากเข้าไปในวังด้วยรังแต่จะทำให้ตระกูลขายหน้าเปล่า ๆ
“มิต้องกังวลไป หากจะมีเรื่องอันก็คงมิแคล้วเป็นเรื่องดี เจ้าวางใจเถอะ”
แม่ฉินจักไปรู้ได้อย่างไรว่าการที่บุตรสาวของตนเองเข้าวังไปนั้น เป็นเพราะเรื่องของการหย่าร้าง ภายในใจของนางจึงเต็มไปด้วยความสุขยิ่งนัก
“เจ้าค่ะ ข้าจักเข้าวังไปขอบพระทัยต่อฝ่าบาท ท่านแม่ ท่านอย่าไปยุ่งกับพวกนางอีกนะเจ้าคะ”
เมื่อฉินซูโหรวเหม่อมองไปทางด้านหลังนั้น ก็พบกับแม่ลูกตระกูลเซียวและไป๋ฉี่เหมิงเอ้าที่ยังคงอยู่ในตระกูลฉิน
เมื่อมีตระกูลเซียวมาจัดการเรื่องราวต่าง ๆ นั้น นับว่ากระทำการอย่างสมเหตุสมผลยิ่งนัก แม้แต่แม่ฉินพวกนางก็ทุบตีโดยไม่ยั้งมือไม่ ยามที่ฉินซูโหรวต้องการจะเข้าไปในพระราชวัง พวกเขาก็มิได้เข้ามาขัดขวาง
“เจ้าวางใจเถิด ในยามนี้เจ้าเป็นถึงจวิ้นจู่แล้ว ตระกูลฉินมีแต่จะยิ่งร่ำรวยมั่งคั่งขึ้น พวกเขามิกล้าทำอันใดหรอก!”
แม่ฉินพลันส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา ฉินซูโหรวจึงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย "ท่านแม่ห้ามเข้าไปตอบโต้พวกเขา..."
“เอาล่ะ! เจ้ารีบเข้าไปในวังเร็วเข้า!”
"อื้ม"
ฉินซูโหรวจึงพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินเข้าไปในรถม้าด้วยท่าทีประหม่า
บนถนนสายยาว ที่เต็มไปด้วยแสงไฟส่องสว่างไสวมากมาย พร้อมทั้งบรรยากาศที่ดูครึกครื้นเช่นนี้ ภายในใจของฉินซูโหรวกลับรู้สึกเสมือนกับเปลวไฟที่อยู่ในตะเกียงก็ไม่ปาน เป็นเปลวไฟที่พลิ้วไหวไปมา หาได้มีความรู้สึกสุขสงบไม่
แม่ฉินที่คอยเฝ้ามองดูบุตรสาวของตนจนหายลับไปจากสายตานั้น พลันหันกายกลับมาเตรียมที่จะเดินเข้าไปในจวนตระกูลฉิน ก่อนจะหันไปกล่าววาจาใส่อารมณ์กับคนของตระกูลเซียวที่อยู่โดยรอบว่า "พวกเจ้ายังไม่ไปอีกหรือ? มัวแต่เอ้อระเหยลอยชายในตระกูลฉินเช่นนี้ หรืออยากจะเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลฉินเล่า? "
เหมิงเอ้าพลางกล่าวออกมาอย่างเย็นชา "ภารกิจของนายท่านยังไม่เสร็จสิ้น"
เหมิงเอ้าจึงเข้าไปทุบตีแม่ฉิน จนกระทั่งนางร้องขอความเมตตาออกมา
มารดามันเถอะ? ดวงตาของแม่ฉินพลันเบิกตากว้างออกมาด้วยความไม่เชื่อ ก่อนที่ฝ่ามือของเหมิงเอ้าจะลดลงมาทุบตีนางอีกครั้ง!
ภายในจวนตระกูลฉินนั้น จึงเกิดเสียงร้องไห้และดุด่าของแม่ฉินดังขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นเวลาเดียวกันกับที่เซียวเฉียวส่งกระแสจิตพูดคุยกับไป๋ฉี พลางหันไปกระซิบกระซาบที่ข้างหูแม่ฉินว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ ราชบุตรเขยเป็นนายท่านขอรับ"
แม่เซียวพลันตกตะลึงไปในทันที ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม "เหมิงเอ้า หยุดมือ!"
ในตอนที่แม่ฉินล้มลงบนพื้นนั้น แม่เซียวที่ก้มลงมามองจากข้างบนนั้น พลันเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเย็นชาว่า "องค์หญิงใหญ่ ที่หม่อมฉันสั่งให้เหมิงเอ้าหยุดมือลงในตอนนี้ นั่นเป็นเพราะหม่อมฉันอยากให้เรื่องมันจบแต่เพียงเท่านี้ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งท่านและข้าหาได้มีส่วนใดเกี่ยวข้องอันใดกันอีกเจ้าค่ะ”
แม่ฉินตกตะลึงไปในทันที หมายความว่าอันใดกัน?
“ตระกูลเซียวของพวกเจ้ากล้าที่จะหย่ากับบุตรสาวของข้างั้นรึ?” แม่ฉินเอามือกุมใบหน้าของตนเองเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ "บุตรสาวของข้าเป็นถึงสตรีเชื้อพระวงศ์! ทั้งยังกำลังตั้งครรภ์บุตรที่มีสายเลือดของเซียวเฉวียนอีก! พวกเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาทำเช่นนี้! "
พวกคนตระกูลเซียวเช่นเจ้าที่เป็นคนชั้นสูงมาโดยตลอด ในยามนี้กำลังเอ่ยเรื่องที่ขัดต่อฟ้าดินออกมาได้อย่างไร! พวกเจ้าไม่กลัวว่าฝ่าบาทจะลงโทษพวกเจ้าหรืออย่างไรกัน! "
แม่ฉินที่มีท่าทีกระวนกระวายใจนั้น อดไม่ได้อยากจะฉีกเลือดเนื้อของคนตระกูลเซียวออกมาจนหมด!
แม่เซียวหาได้มีท่าทีแยแสสิ่งใดไม่ “องค์หญิงเจ้าค่ะ เหตุใดท่านถึงได้เอ่ยเรื่องขบขันเช่นนั้นออกมาเล่า การประลองยุทธเลือกคู่ในวันนี้ เซียวเฉวียนชนะการประลองจนจบงาน บุตรชายของข้าคือราชบุตรเขยของซินเจียงเพคะ"
เสมือนกับอกแม่ฉินระเบิดออกมาในทันใด!
หลังจากที่ได้สติกลับมานั้น แม่ฉินพลันหัวเราะออกมาเสียงดังฉากใหญ่ "ราชบุตรเขย? ฮ่าฮ่าฮ่า เอ่ยเรื่องล้อเล่นอันใดกัน! บุรุษชายที่แต่งงานแล้ว คนอื่นจักมามองเห็นบุตรชายของเจ้าได้อย่างไร?"
“อีกไม่นานก็มิใช่แล้ว” แม่เซียวเอ่ยออกมาด้วยท่าทีโมโห ทว่า นางก็มิได้มีท่าทีร้อนใจ นางหาได้แสดงอารมณ์เฉกเช่นแม่ฉินไม่ “การที่จวิ้นจู้เดินทางเข้าวังไปในตอนนี้ก็เพื่อทำเรื่องหย่าร้าง”
“นี่คือประสงค์ของฝ่าบาท”
แม่เซียวพลันหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปขึ้นมา
อะไร?
หย่าร้าง?
เมื่อเอ่ยถึงการหย่าร้างนั้น มิว่าผู้ใดก็คงรู้กันว่า ในยามนี้เซียวเฉวียนได้ดิบได้ดีปีนขึ้นไปบนยอดไม้สูงแล้ว ถึงได้ทำการสลัดฉินซูโหรวทิ้งไปเช่นนี้!
ดวงตาของแม่ฉินพลันเบิกโพลงไปด้วยความตกตะลึงในทันที "ผู้ใดเอ่ยออกมาเช่นนั้นกัน! ข้าไม่เชื่อ! เซียวเฉวียนทำร้ายเว่ยชิงจนถึงตายเช่นนั้น เขาจักกลายมาเป็นราชบุตรเขยได้อย่างไร?"
เหล่าข้ารับใช้ภายในจวนตระกูลฉินเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
นายท่านผู้นี้ต้องการพลิกฟ้าเป็นปรปักษ์ต่อสวรรค์หรืออย่างไร?
นายท่านสามารถขึ้นไปตบแต่งกับองค์หญิงซินเจียงได้เลยหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...