ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 342

สรุปบท บทที่ 342 ถึงวันตายของเจ้าแล้ว: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 342 ถึงวันตายของเจ้าแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 342 ถึงวันตายของเจ้าแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ไป๋ฉีและเหมิงเอ้าต่างลอบมองหน้ากัน ก่อนจะครุ่นคิดว่าหูของพวกเขาดับไปหรือไม่

มิอยากหย่าหรือ?

ตระกูลฉินมักจะดูถูกดูแคลนนายท่านอยู่เสมอ ทั้งยังปฏิบัติตัวต่อนายท่านอย่างไร้มารยาทอีกด้วย ในบางครั้งพวกเขายังชอบสร้างปัญหาบางอย่างให้นายท่านยุ่งยากลำบากอีก ยามที่นายท่านอยู่ในจวนตระกูลฉินนั้น เขาหาได้เคยมีชีวิตที่ดีไม่

โดยปกติปฏิบัติตัวร้ายกาจต่อนายท่านก็มากพอแล้ว แม้จักมิยอมให้อาหารก็นับว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ถึงอย่างไรนายท่านก็เป็นเจ้าของเหลาอาหาร ย่อมมิคิดสนใจข้าวของเครื่องใช้ภายในตระกูลฉินอยู่แล้ว

ทว่า ในคืนวันส่งท้ายปีเก่านั้น ฉินเฟิงกลับใช้ดาบจิงหงฟันเสียจนกระดูกหัก ทำให้นายท่านต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดมากมาย หากมิใช่เพราะนายท่านโชคดี เขาคงตกตายไปนานแล้ว

จวนตระกูลฉินที่โหดร้ายเช่นนี้ วัน ๆ มักจะเอาแต่กล่าวว่านายท่านเป็นคนตกอับ เกาะสตรีกิน ในยามนี้กับกลับคำมิอยากหย่ากันแล้วหรือ?

เหมิงเอ้าพลางเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า "ไป๋ฉี หูของพวกเรามีปัญหางั้นหรือ เหตุใดพวกเราหาได้เข้าใจในสิ่งที่ฮูหยินฉินเอ่ยออกมาไม่"

“ใช่” ไป๋ฉีพยักหน้าลงด้วยความไร้เดียงสา

ใบหน้าของแม่ฉินพลันแสดงออกมาด้วยความน่าเกลียดมาก พร้อมทั้งความเย่อหยิ่งจองหองของนางที่ลดลง

นางดึงแขนเสื้อของแม่เซียวเอาไว้ "ฮูหยินเซียว ฉินชูโหรวมีลูกแล้วในยามนี้ เด็กในท้องก็เป็นสายเลือดของตระกูลเซียวด้วยเข่นกัน หากว่าเซียวเฉวียนเห็นแก่ก้อนเนื้อเชื้อไขนี้ ฝ่าบาทย่อมมิอาจบังคับเขาได้”

ก่อนหน้านั้นผู้คนในตระกูลฉินต่างพากันเข้าใจว่า เซียวเฉวียนเอาแต่เกาะติดกับตระกูลฉิน พวกเขาจึงได้แต่ภาวนาให้เซียวเฉวียนออกไปจากตระกูลเสียที สายตาวิงวอนแกมข้อร้องของแม่ฉินนั้น ทำให้แม่เซียวรู้สึกขบขันยิ่งนัก "บุตรชายของข้า ล้วนแต่มีความคิดเป็นของตนเองมาโดยตลอด หากองค์ใหญ่ต้องการจะพูดคุยเรื่องใดละก็ ให้ไปถามความเห็นกับบุตรชายของหม่อมฉันด้วยตนเองจักดีกว่าเพคะ!”

ความหมายของแม่เซียวนั้น บ่งบอกออกมาได้อย่างชัดเจน ว่านางรังเกียจแม่ฉิน มิอยากจะพูดคุยกับแม่ฉินเลยแม้แต่นิดเดียว หากท่านอยากขอร้องอันใดละก็ ก็ไปขอร้องกับบุตรชายของนางเอง

พูดจบ แม่เซียวพลันสะบัดข้อมือของแม่ฉินทิ้งไปในทันที ก่อนจักเดินนำไป๋ฉีและเหมิงเอ้าออกมาจากตระกูลฉินในทันใด

มือของแม่ฉินที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้น นางพลันกำหมัดในกำมือเอาไว้แน่น ก็แค่บัณฑิตยากจนคนหนึ่งที่จำเป็นต้องตบแต่งเข้ามาในตระกูล กลับกล้ามารังแกคนของตระกูลฉินเช่นนี้ได้เลยหรือ

ให้ขอร้องเซียวเฉวียนงั้นหรือ?

ฝันไปเสียเถอะ! เซียวเฉวียนหาได้คู่ควรไม่!

"ชิ......"

แม่ฉินที่กำลังโมโหขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่บวมปูดและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้น "พวกเจ้ามานี่! เซียวเฉวียนอยู่ที่ใดในยามนี้!"

“ฮูหยินขอรับ ดูเหมือนว่านายท่านจักยังอยู่ที่สนามฝึกขอรับ”

“ดี! ไปเอาดาบของข้ามา”

ถึงแม้จักต้องสังหารเซียวเฉวียนให้ตาย ทว่า แม่ฉินก็จะไม่ยอมให้บุตรเขยน่ารังเกียจผู้นี้ มากลั่นแกล้งบุตรสาวของนางไปได้!

นางยอมให้บุตรีของตนเองเป็นม่ายสาว ดีกว่าถูกผู้คนเอาไปนินทาลับหลังว่าโดนเซียวเฉวียนเขี่ยทิ้ง!

แม่ฉินพลันหยิบดาบขึ้นมา ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากจวนตระกูลฉินในทันที หาได้มีผู้ใดหยุดรั้งนางไว้ได้ไม่

ทุกตระกูลฉินในยามนี้หาได้มีผ็ใดคอยปกครอง เหล่าข้ารับใช้จึงได้แต่วิ่งไปวนไปรอบ ๆ อย่างใจจดใจจ่อ เสมือนกับว่า เพียงแค่นายหญิงของพวกเขาวิ่งออกไปเช่นนี้ก็จักสามารถปลิดชีพเซียวเฉวียนให้ตกตายลงไปได้

ตระกูลฉินที่กำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ทางเลือกสุดท้ายของพวกเขานั้น พ่อบ้านในจวนตระกูลฉินจึงได้รับเดินทางเข้าวังไปในทันที

หอจืออี้

องค์หญิงต้าถงที่กำลังรั้งรอที่จะแต่งงานนั้น

หลังจากนี้อีกครึ่งชั่วยาม นางก็จักกลายเป็นเจ้าสาวแสนสวยที่สุดในต้าเว่ยแล้ว

“องค์หญิง พระองค์งดงามมากเลยเพคะ” นางกำนัลพลันเอ่ยชื่นชมออกมาอย่างจริงใจ โดยปกติแล้ว แม้ว่าองค์หญิงจักมิได้ประทินโฉมพระนางก็ดูจะงดงามกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว ทว่า วันนี้พระนางกลับต้องมาแต่งหน้าประทินโฉมด้วยความประณีตเช่นนี้ นั่นจึงทำให้พระนางดูงดงามมากขึ้นไปอีก

“ปากหวาน” องค์หญิงต้าถงพลางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม

“หม่อมฉันมิเคยเห็นองค์หญิงมีความสุขมากขนาดนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ”

“อื้ม ข้าได้ยินมาว่าพี่สามกับพี่ห้าอยู่ในวังแล้ว” ใบหน้าขององค์หญิงพลันเต็มไปด้วยความสุขมากมาย นางมิได้พบเจอญาติ ๆ ของตนเองมานานแล้ว วันนี้นางจักไม่มีความสุขได้หรือ? “มิรู้ว่าพี่สามอ้วนขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ มิรู้ว่าพี่ห้ายังจะชอบเล่นซนอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า”

“อีกไม่นาน องค์หญิงก็จักได้พบพวกเขาแล้วไม่ใช่หรือเพคะ?”

นางกำนัลพลางแย้มยิ้มกล่าวออกมา องค์หญิงทรงเดินทางมาพำนักอย่าในต้าเว่ยมานานกว่าสองสามปีแล้ว พระนางย่อมมีความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตนมาก ๆ แน่ ในยามนี้ เมื่อตนเองจักได้พบญาติพี่น้องของตนเองทั้งที พระนางย่อมรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา

ในขณะเดียวกัน ประตูที่กำลังปิดอยู่พลันส่งเสียงดังขึ้นมา

“ใคร?” นางกำนัลพลางเอ่ยถามออกมาด้วยความระมัดระวัง หากแต่ด้านนอกประตูหาได้มีผู้ใดตอบกลับมาไม่

“บางทีอาจเป็นคนจากในวัง” แววตาขององค์หญิงพลันเปล่งประกายออกมาในทันที คงจะกำหนดพระราชบุตรเขยได้แล้วสินะ เป็นเซียวเฉวียนใช่หรือไม่?

ท่านอัครเสนาบดีจูที่เหงื่อไหลท่วมตัวอยู่นั้น เห็นได้ชัดว่า เขาไม่สามารถทำตามคำขอของเซียวเฉวียนได้

มิต้องเอ่ยถึงปีศาจกวีเลย เขามิรู้ด้วยซ้ำว่าศพของปีศาจกวีอยู่ที่ใด!

เมื่อเห็นสีหน้าของอัครเสนาบดีจูที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดมากเสียจนไม่กล้ากล่าวออกมานั้น ถึงแม้ว่าท่านอัครเสนาบดีจูจะปฏิเสธที่จะยอมรับก็ตาม ทว่า เซียวเฉวียนกลับรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เมื่อดาบนับร้อยมาประกบกัน พร้อมทั้งพู่กันจินหลุนเฉียนคุนที่ระเบิดอารมณ์ออกมา จักต้องเกิดเรื่องกับท่านอาจารย์อย่างแน่นอน!

เซียวเฉวียนพลางเหม่อมองดูท่านอัครเสนาบดีจูด้วยความเย็นชา ก่อนจะเตะบุรุษผู้ทรงอำนาจผู้นี้ ทำให้ท่านอัครเสนาบดีจูล้มลงบนพื้น ก่อนที่เซียวเฉวียนจะร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า "พวกเจ้าลงมือโจมตีอาจารย์ของข้าใช่หรือไม่?"

“บังอาจ! เจ้ากล้าดียังไงมาเตะข้า!”

เดิมทีอัครเสนาบดีจูคิดว่า หากเขาก้มหน้าทำตัวนอบน้อมลง เซียวเฉวียนจักยอมลดราให้!

เขามิคิดเลยว่า เซียวเฉวียนที่เป็นเพียงขุนนางขั้นห้า จักกล้าทำเช่นนี้กับเขาซึ่งเป็นอัครเสนาบดีเสียได้!

“เจ้าช่างกล้านัก!” อัครเสนาบดีจูพลันลุกขึ้นยืนจากพื้น “แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่กล้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้! เซียวเฉวียน! ราชบุตรเขยที่ถูกเลือกในวันนี้ หากเจ้าไม่อยากเป็นอย่างไรก็ต้องได้เป็น!”

“ไม่ว่าท่านอาจารย์ของเจ้าจักมาหรือไม่! เจ้าก็ต้องทำเช่นเดียวกัน!”

“ข้าที่มีชีวิตอยู่มานมนานเช่นนี้! จักมากลัวเจ้าเด็กไม่รู้ความเช่นเจ้าหรือ! พวกเจ้าเข้ามา!”

อัครเสนาบดีจูพลันตะโกน ต่งจัวจึงนำทหารองครักษ์เดินเข้ามาในทันที!

“กรร!” เซี่ยวเฟิงพลันลุกขึ้นยืนในทันใด ก่อนจะขู่ร้องคำรามออกมา

เซียวเฉวียนที่ยังคงมีใบหน้าที่เย็นชานั้น พลางเอามือลูบหัวของเซี่ยวเฟิงด้วยท่าทีเฉยเมย "ราชบุตรเขย? หากข้าเดาไม่ผิดละก็ พวกเจ้าคงลงมือกับองค์หญิงไปแล้วกระมัง"

อัครเสนาบดีจูพลันตกตะลึงไปในทันที เซียวเฉวียนรู้ได้อย่างไร?

มันรู้ได้อย่างไร? อัครเสนาบดีจูจึงมีท่าทีสับสนยิ่งนัก ทว่า เซียวเฉวียนกลับรู้สึกขบขันเป็นอย่างมาก “เจ้าคิดว่าฝ่าบาทกับข้าเป็นคนโง่จริง ๆ หรือ?"

“ข้า เซียวเฉวียนที่ยืนทะเลาะกับเจ้าอยู่สนามฝึกมานานเช่นนี้ เป็นเพราะข้าว่างงั้นหรือ?”

เซียวเฉวียนพลางเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะจ้องมองไปด้วยความโกรธเกรี้ยว "อำนาจของอัครเสนาบดีเช่นเจ้า วันนี้ข้าจักจัดการเสีย นี่เป็นวันตายของเจ้าแล้ว!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย