ไป๋ฉีและเหมิงเอ้าต่างลอบมองหน้ากัน ก่อนจะครุ่นคิดว่าหูของพวกเขาดับไปหรือไม่
มิอยากหย่าหรือ?
ตระกูลฉินมักจะดูถูกดูแคลนนายท่านอยู่เสมอ ทั้งยังปฏิบัติตัวต่อนายท่านอย่างไร้มารยาทอีกด้วย ในบางครั้งพวกเขายังชอบสร้างปัญหาบางอย่างให้นายท่านยุ่งยากลำบากอีก ยามที่นายท่านอยู่ในจวนตระกูลฉินนั้น เขาหาได้เคยมีชีวิตที่ดีไม่
โดยปกติปฏิบัติตัวร้ายกาจต่อนายท่านก็มากพอแล้ว แม้จักมิยอมให้อาหารก็นับว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ถึงอย่างไรนายท่านก็เป็นเจ้าของเหลาอาหาร ย่อมมิคิดสนใจข้าวของเครื่องใช้ภายในตระกูลฉินอยู่แล้ว
ทว่า ในคืนวันส่งท้ายปีเก่านั้น ฉินเฟิงกลับใช้ดาบจิงหงฟันเสียจนกระดูกหัก ทำให้นายท่านต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดมากมาย หากมิใช่เพราะนายท่านโชคดี เขาคงตกตายไปนานแล้ว
จวนตระกูลฉินที่โหดร้ายเช่นนี้ วัน ๆ มักจะเอาแต่กล่าวว่านายท่านเป็นคนตกอับ เกาะสตรีกิน ในยามนี้กับกลับคำมิอยากหย่ากันแล้วหรือ?
เหมิงเอ้าพลางเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า "ไป๋ฉี หูของพวกเรามีปัญหางั้นหรือ เหตุใดพวกเราหาได้เข้าใจในสิ่งที่ฮูหยินฉินเอ่ยออกมาไม่"
“ใช่” ไป๋ฉีพยักหน้าลงด้วยความไร้เดียงสา
ใบหน้าของแม่ฉินพลันแสดงออกมาด้วยความน่าเกลียดมาก พร้อมทั้งความเย่อหยิ่งจองหองของนางที่ลดลง
นางดึงแขนเสื้อของแม่เซียวเอาไว้ "ฮูหยินเซียว ฉินชูโหรวมีลูกแล้วในยามนี้ เด็กในท้องก็เป็นสายเลือดของตระกูลเซียวด้วยเข่นกัน หากว่าเซียวเฉวียนเห็นแก่ก้อนเนื้อเชื้อไขนี้ ฝ่าบาทย่อมมิอาจบังคับเขาได้”
ก่อนหน้านั้นผู้คนในตระกูลฉินต่างพากันเข้าใจว่า เซียวเฉวียนเอาแต่เกาะติดกับตระกูลฉิน พวกเขาจึงได้แต่ภาวนาให้เซียวเฉวียนออกไปจากตระกูลเสียที สายตาวิงวอนแกมข้อร้องของแม่ฉินนั้น ทำให้แม่เซียวรู้สึกขบขันยิ่งนัก "บุตรชายของข้า ล้วนแต่มีความคิดเป็นของตนเองมาโดยตลอด หากองค์ใหญ่ต้องการจะพูดคุยเรื่องใดละก็ ให้ไปถามความเห็นกับบุตรชายของหม่อมฉันด้วยตนเองจักดีกว่าเพคะ!”
ความหมายของแม่เซียวนั้น บ่งบอกออกมาได้อย่างชัดเจน ว่านางรังเกียจแม่ฉิน มิอยากจะพูดคุยกับแม่ฉินเลยแม้แต่นิดเดียว หากท่านอยากขอร้องอันใดละก็ ก็ไปขอร้องกับบุตรชายของนางเอง
พูดจบ แม่เซียวพลันสะบัดข้อมือของแม่ฉินทิ้งไปในทันที ก่อนจักเดินนำไป๋ฉีและเหมิงเอ้าออกมาจากตระกูลฉินในทันใด
มือของแม่ฉินที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้น นางพลันกำหมัดในกำมือเอาไว้แน่น ก็แค่บัณฑิตยากจนคนหนึ่งที่จำเป็นต้องตบแต่งเข้ามาในตระกูล กลับกล้ามารังแกคนของตระกูลฉินเช่นนี้ได้เลยหรือ
ให้ขอร้องเซียวเฉวียนงั้นหรือ?
ฝันไปเสียเถอะ! เซียวเฉวียนหาได้คู่ควรไม่!
"ชิ......"
แม่ฉินที่กำลังโมโหขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่บวมปูดและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้น "พวกเจ้ามานี่! เซียวเฉวียนอยู่ที่ใดในยามนี้!"
“ฮูหยินขอรับ ดูเหมือนว่านายท่านจักยังอยู่ที่สนามฝึกขอรับ”
“ดี! ไปเอาดาบของข้ามา”
ถึงแม้จักต้องสังหารเซียวเฉวียนให้ตาย ทว่า แม่ฉินก็จะไม่ยอมให้บุตรเขยน่ารังเกียจผู้นี้ มากลั่นแกล้งบุตรสาวของนางไปได้!
นางยอมให้บุตรีของตนเองเป็นม่ายสาว ดีกว่าถูกผู้คนเอาไปนินทาลับหลังว่าโดนเซียวเฉวียนเขี่ยทิ้ง!
แม่ฉินพลันหยิบดาบขึ้นมา ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากจวนตระกูลฉินในทันที หาได้มีผู้ใดหยุดรั้งนางไว้ได้ไม่
ทุกตระกูลฉินในยามนี้หาได้มีผ็ใดคอยปกครอง เหล่าข้ารับใช้จึงได้แต่วิ่งไปวนไปรอบ ๆ อย่างใจจดใจจ่อ เสมือนกับว่า เพียงแค่นายหญิงของพวกเขาวิ่งออกไปเช่นนี้ก็จักสามารถปลิดชีพเซียวเฉวียนให้ตกตายลงไปได้
ตระกูลฉินที่กำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ทางเลือกสุดท้ายของพวกเขานั้น พ่อบ้านในจวนตระกูลฉินจึงได้รับเดินทางเข้าวังไปในทันที
หอจืออี้
องค์หญิงต้าถงที่กำลังรั้งรอที่จะแต่งงานนั้น
หลังจากนี้อีกครึ่งชั่วยาม นางก็จักกลายเป็นเจ้าสาวแสนสวยที่สุดในต้าเว่ยแล้ว
“องค์หญิง พระองค์งดงามมากเลยเพคะ” นางกำนัลพลันเอ่ยชื่นชมออกมาอย่างจริงใจ โดยปกติแล้ว แม้ว่าองค์หญิงจักมิได้ประทินโฉมพระนางก็ดูจะงดงามกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว ทว่า วันนี้พระนางกลับต้องมาแต่งหน้าประทินโฉมด้วยความประณีตเช่นนี้ นั่นจึงทำให้พระนางดูงดงามมากขึ้นไปอีก
“ปากหวาน” องค์หญิงต้าถงพลางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หม่อมฉันมิเคยเห็นองค์หญิงมีความสุขมากขนาดนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ”
“อื้ม ข้าได้ยินมาว่าพี่สามกับพี่ห้าอยู่ในวังแล้ว” ใบหน้าขององค์หญิงพลันเต็มไปด้วยความสุขมากมาย นางมิได้พบเจอญาติ ๆ ของตนเองมานานแล้ว วันนี้นางจักไม่มีความสุขได้หรือ? “มิรู้ว่าพี่สามอ้วนขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ มิรู้ว่าพี่ห้ายังจะชอบเล่นซนอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า”
“อีกไม่นาน องค์หญิงก็จักได้พบพวกเขาแล้วไม่ใช่หรือเพคะ?”
นางกำนัลพลางแย้มยิ้มกล่าวออกมา องค์หญิงทรงเดินทางมาพำนักอย่าในต้าเว่ยมานานกว่าสองสามปีแล้ว พระนางย่อมมีความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตนมาก ๆ แน่ ในยามนี้ เมื่อตนเองจักได้พบญาติพี่น้องของตนเองทั้งที พระนางย่อมรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา
ในขณะเดียวกัน ประตูที่กำลังปิดอยู่พลันส่งเสียงดังขึ้นมา
“ใคร?” นางกำนัลพลางเอ่ยถามออกมาด้วยความระมัดระวัง หากแต่ด้านนอกประตูหาได้มีผู้ใดตอบกลับมาไม่
“บางทีอาจเป็นคนจากในวัง” แววตาขององค์หญิงพลันเปล่งประกายออกมาในทันที คงจะกำหนดพระราชบุตรเขยได้แล้วสินะ เป็นเซียวเฉวียนใช่หรือไม่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...