บทที่ 390 ใจเกิดความละโมภ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 390 ใจเกิดความละโมภ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“ท่านอ๋องสิบหกไล่ตามออกไปแล้ว! ตามเซียวเฉวียนไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ขันทีผู้นั้นใกล้จะร้องไห้แล้ว เขาคิดว่าฮ่องเต้ทรงสดับไม่ชัดเจน จึงได้แต่เอ่ยอย่างน่าสงสารอีกรอบหนึ่ง “ท่านอ๋องสิบหกยังพึมพำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ด้วยขอรับ สุดปลายขอบฟ้า พี่น้องเคียงคู่ตลอดกาล ไทเฮาทรงห้ามเขาแถมยังขังเขาเอาไว้ด้วย แต่ว่าเขาก็แอบหนีออกมา ในยามนี้น่าจะอยู่ที่ทะเลพ่ะย่ะค่ะ”
“เลอะเลือน!”
ภาพด้านหน้าของฮ่องเต้มืดดำ เกือบจะหายใจไม่ทันขึ้นมา “ไปตามเว่ยอวี๋กลับมาให้ข้า!”
“พ่ะย่ะค่ะ! พ่ะย่ะค่ะ! พ่ะย่ะค่ะ!”
วังหลวงวุ่นวายคำรบใหญ่ กองกำลังอวี่หลินเป็นฝ่ายออกเดินทางตามเว่ยอวี๋ไปด้วยตนเอง
สถานการณ์อันวุ่นวายยุ่งเหยิงในเมืองหลวงนั้น ไป๋ฉี่ใช้เทพเจ้าสื่อสารแจ้งกับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนยินดีจนหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
ในเมืองหลวงไม่มีเขาเซียวเฉวียนนี่ไม่ได้เลยจริงๆ
ก่อนหน้านี้เซียวเฉวียนไม่เห็นประโยชน์ของเทพเจ้าสื่อสาร แต่ตอนนี้เซียวเฉวียนหลงรักคุณสมบัติโทรศัพท์ไร้สายระดับสุดยอดของเทพเจ้าสื่อสารสุดๆ ไปเลย ไม่เปลืองไฟ ไม่จำต้องใช้สัญญาณด้วย ก็สามารถโทรเรียกได้ถึง
เซียวเฉวียนยังสามารถติดต่อสื่อสารกับคนในบ้านผ่านทางไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าด้วย
“แต่ว่า เว่ยอวี๋ตามข้ามาจริงๆ หรือ?”
หลังจากที่เซียวเฉวียนหัวเราะจบ เขาก็โมโหขึ้นมา เจ้าเว่ยอวี๋นี้มันช่างก่อเรื่องนัก!
สีหน้าของกิงกำลังอวี่หลินสิบกว่าคนนั้นเผยท่าทีดูถูก เซียวเฉวียนอึกๆ อักๆ อยู่ตรงนั้นอยู่คนเดียว คล้ายคนบ้าก็ไม่ปาน
“ถูกแล้ว นายท่าน ได้ข่าวว่าเขาหอบเอาทรัพย์สมบัติไปลำหนึ่งด้วย เห็นบอกว่าจะไปท่องเที่ยวสุดขอบฟ้ากับนายท่าน”
แม่งเมิงเหอะว่ะ!
ใครจะไปท่องเที่ยวสุดขอบฟ้ากับมัน!
ครั้นเว่ยอวี๋แล่นออกมาแบบนี้ แล้วจะทำยังไงกับสถานศึกษาชิงหยวน?
พูดกันดีอยู่แล้วว่าให้เว่ยอวี๋สั่งสอนเหล่านักเรียนในสำนักศึกษาชิงหยวน สอนความรู้ชั้นประถมให้พวกเขา รอจนเซียวเฉวียนกลับไป เซียวเฉวียนย่อมรับหน้าที่ต่อเอง
“เจ้าไม่ได้บอกเว่ยอวี๋เหรอว่าข้าจะกลับไปน่ะ?”
“นายท่าน ข้าพูดแล้วแต่ว่าท่านอ๋องสิบหกไม่เชื่อ เห็นบอกว่า ผายลมสิ เซียวเฉวียนก็แค่อยากทิ้งข้าไว้แล้วไปเที่ยวคนเดียว! ข้าไม่อยากอยู่กับคนโบราณทั้งฝูงในเมืองหลวง! ข้าอยากจะไปเที่ยว!”
ไป๋ฉี่โน้มน้าวห้ามปรามสุดสามารถ เขาพยายามพูดแต่ว่าเว่ยอวี๋ไม่ได้สนใจเลยสักนิด ยังคงขึ้นเรือแถมยังโบกมืออย่างยินดีด้วย “บ้ายบายเจ้าแล้ว! สถานที่ผุพังเช่นนี้!”
“ข้าเซียวเฉวียนน่ะ ปรกติต่อให้ไปกินขี้ก็จะพาเขาไปด้วยอยู่แล้ว! แต่เรื่องนี้มันเรื่องล้อเล่นที่ไหนกัน? เจ้าหมอนี่ เอาแต่รู้สึกว่าข้าจะออกไปเที่ยวงั้นหรือ?”
เซียวเฉวียนก็เหมือนกับฮ่องเต้นั่นละ อีกนิดเขาก็จะหน้ามืดแล้ว เซียวเฉวียนเคยพบคนขาดทัศนวิสัย แต่ก็ไม่เคยพบคนขาดทัศนวิสัยเท่ากับเว่ยอวี๋ผู้นี้ ตื่นเต้นที่ได้ถูกเนรเทศเป็นเพื่อนชาวบ้านเนี่ยนะ!
ยังจะพูดเรื่องท่องเที่ยวอีก!
เซียวเฉวียนแทบจะสูดลมหายใจไม่ไหวขึ้นมา! ท่องเที่ยว!
ต่อให้เป็นเว่ยอวี๋ในยุคปัจจุบัน เขาก็เป็นพวกขาดวิสัยทัศน์ชนิดพบเห็นได้ยากอยู่ดี!
แม่เมิงเถอะ ไล่ตามมาก็พอแล้วงั้นหรือ แถมยังเอาแก้วแหวนเงินทองอะไรมาอีก! ในเกาะรกร้างห่างไกลแห่งหนึ่งมันใช้ได้ที่ไหนกัน? หรือว่าเจ้าจะแทะทองประทังชีวิตหรือไร?
“นายท่าน เรือลำใหญ่ขนาดนั้นของเว่ยอวี๋บรรจุแต่แก้วแหวนเงินทองทั้งสิ้น มีแต่พวกผ้าแพรชั้นเลิศ ไม่มีของกินเลยสักนิด เขาพูดว่าสามารถใช้เงินซื้อได้ขอรับ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้แล้ว”
เซียวเฉวียนกดจุดเหรินจิง (จุดแก้ปัญหาเรื่องเป็นลมทางแพทย์จีน) ของตนเอง เรือลำใหญ่อีกลำหนึ่ง! แถมยังไม่เอาของกินไปเลยด้วย! ในป่ารกชัฎภูเขาลึกเช่นนั้น จะมีของกินขายที่ไหนกัน?
เยี่ยม ไม่อยู่ในเมืองหลวง รั้นจะออกมาท่องเที่ยว เช่นนั้นให้เขามาเถอะ!
“ไป๋ฉี่ เจ้าไปสืบหานางระบำที่ชื่อหมิงเย่ว์ซิ”
“นายท่าน นางเป็น...”
เซียวเฉวียนเพียงแค่รู้ว่า คนผู้นี้คือนางระบำของเว่ยเชียนชิว
เดิมทีเซียวเฉวียนยังไม่รู้ว่ามีบุคคลชั้นเลิศเช่นนี้อยู่ ได้แต่ฟังพวกเฝิงเซียนจากกองกำลังอวี่หลินพวกนี้พูดมา
ปากคอคนพวกนี้นั้นอิจฉาริษยาชิงชังเป็นที่ยิ่ง แถมยังยั่วโมโหเป็นที่สุด เริ่มแรกก็อิจฉาที่เขามีวาสนาสูงส่งได้สู่ขอองค์หญิง แถมยังมีนางระบำแบบหมิงเย่ว์รายนี้ นับว่าสุขใจเป็นที่สุดแล้ว! เคราะห์ดีที่เซียวเฉวียนตอนนี้ตกต่ำ จิตใจริษยาของพวกเขาก็เลยกลับมาสมดุลเหมือนเดิมเล็กน้อย
เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว เว่ยเชียนชิวถึงกับมอบนางระบำอย่างหมิงเย่ว์นี้ให้เขาอย่างนั้นหรือ?
เว่ยเชียนชิวพูดว่าจะประทานให้ ก็ให้เสียแบบนั้นหรือ? ปัญหาก็คือเซียวเฉวียนไม่เคยเห็นคนที่ร่ำลือกันผู้นี้ พวกเฝิงเซียนต่างว่ากันว่านางระบำรายนี้งดงามวิลาสเป็นที่สุด แถมยังร่ายรำได้อ่อนช้อย เซียวเฉวียนกลับไม่เคยพบเขาแม้แต่เงา หรือว่าเว่ยเชียนชิวส่งคนแอนตี้สังคมมาให้เขากัน?
ดังนั้นแล้ว เซียวเฉวียนจึงเป็นกังวลว่าหมิงเย่ว์จะไปซุกซ่อนตัวอยู่ในมุมใดของจวนเซียว เกรงว่านางจะเป็นภัยต่อคนในครอบครัว จึงสั่งให้ไป๋ฉี่ลากตัวนางออกมา
“ขอรับ นายท่าน”
หรือว่า เซียวเฉวียนยังจะกลับเมืองหลวงได้อีกหรือ? ดังนั้นแล้วเขาเลยไม่เดือดร้อน?
ไม่ ไม่น่านะ
“พี่เฝิง สองวันมานี้ ท่านจับดูการกระทำของเซียวเฉวียนตลอดเลยหรือไม่? หน้าของเขาเหมือนคนหมดเนื้อประดาตัวอีกแล้ว”
เฝิงเซียนแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง มีเพียงพึมพำดังขึ้นข้างหูของผู้อื่น สายตาของเขากรอกไปมาคล้ายกับกำลังวางแผนลับอะไรบางอย่าง
ลูกน้องของเขาครั้นได้ยินก็ชะงัก “นี่...ไม่ดีแล้วกระมัง”
“ตอนนี้เขากับไป๋ฉี่ไม่มีทางใช้เทพเจ้าสื่อสารกันได้แล้ว แล้วมีอะไรไม่ได้กันหรือ?”
ที่เฝิงเซียนเอ่ยวาจานั้นมิใช่เพื่ออะไร แต่เขากำลังวางแผน เขากำลังวางแผนว่าหลังจากที่ส่งเซียวเฉวียนไปยังเกาะจูเสินแล้ว เขาจะให้เซียวเฉวียนเขียนจดหมายฉบับหนึ่งมอบเงินให้พวกเขาแสนสองหมื่นตำลึง
แสนสองหมื่นงั้นหรือ?
คนพวกนี้ต่างสูดลมหายใจเหน็บหนาว ขวัญของเฝิงเซียนนั้นใหญ่เกินไปแล้ว
นี่ยังเป็นเพราะเซียวเฉวียนเป็นฝ่ายบอกเฝิงเซียนด้วย เซียวเฉวียนพูดว่า เขาสามารถเขียนจดหมายฉบับหนึ่งมอบเงินหนึ่งร้อยสองเหรียญให้แก่คนที่ให้ข้าวเขา ในยามนั้นเส้นสมองของเฝิงเซียนนั้นพลันบังเกิดความคิดวาบ
หนึ่งร้อยสองเหรียญมันจะไปพออะไร ต้องหนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญเงิน!
บ้านตระกูลเซียวยังมีหอสุรา แล้วมีสำนักศึกษาชิงหยวน เขาต้องมอบให้ไหวแน่
ถึงเวลานั้น พวกเขาจะไม่ร่ำรวยงั้นหรือ?
นี่น่ะเป็นโอกาสอันดีที่จะฟื้นตัวเลยมิใช่หรือไร!
นี่เองยังเป็นสาเหตุว่าเพราะอะไรสองวันนี้เฝิงเซียนถึงให้เซียวเฉวียนได้มีวาสนากินอยู่ดี จะขุนแพะขุนวัวให้อ้วนก่อนค่อยฆ่า
รอจนกระทั่งถึงเกาะจูไห่ เซียวเฉวียนกับไป๋ฉี่พวกเขาก็ไม่มีโอกาสใช้เทพเจ้าสื่อสารแล้ว พอถึงเวลานั้น เฝิงเซียนค่อยบีบให้เซียวเฉวียนเขียนเงินหนึ่งแสนสองหมื่น ถึงเวลานั้นตระกูลเซียวต้องให้เขาแน่นอน
หนึ่งแสนสองหมื่น คนกลุ่มนี้ไม่กล้าฝัน มีเพียงเฝิงเซียนผู้เดียวที่กล้าคิด
“พี่เฝิง เซียวเฉวียนพูดว่าอีกหน่อยเขาจะกลับไป รอจนกระทั่งเขากลับไป พวกเราก็อาจจะคว้าน้ำเหลวนะขอรับ!”
“ผายลม! เจ้าเชื่อที่พี่เฝิงพูดเถอะ ฝ่าบาทไม่มีทางให้เขากลับเมืองหลวงแน่! นอกเสียจากว่า เขาจะสร้างผลงานได้! เขาอยู่ในป่าดงพงไพรอย่างเกาะจูเซียน จะไปสร้างผลงานอะไรขึ้นมาได้กัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...