ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 4

ฉินซูโหรวกระทืบเท้าของนางและจากไป ในห้องครัว หลังจากเซียวเฉวียนเซียวเฉวียนถอนหายใจ เขาก็เริ่มแยกแยะคำถามเกี่ยวกับการสอบขุนนาง

ขอบคุณที่เซียวติ้งได้เข้าร่วมการทดสอบระดับชนบทหลายครั้ง นี่ทำให้เซียวเฉวียนเข้าใจถึงกฎเกณฑ์ในการสอบ แนวการทดสอบระดับชนบทรอบต่อไปแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นการทดสอบเกี่ยวกับความรู้ในหนังสือ ส่วนที่สองก็คือการประพันธ์บทกวี

บทกวีที่ใช้ในการทดสอบนั้นต่างจากบทกวีราชวงศ์ถังและบทกวีราชวงศ์ซ่ง ในพิพิธภัณฑ์ได้จัดเก็บบทกวีที่ใช้ในการทดสอบไว้อย่างชัดเจน เซียวเฉวียนไม่เพียงแค่คุ้นเคยกับกฎเกณฑ์เหล่านี้ แต่เขายังมีจดจำบทกวีอันดับหนึ่งของการสอบในแต่ละปีของแต่ละราชวงศ์ได้อย่างขึ้นใจ

นอกจากมีกฎเกณฑ์ตายตัวของบทกวีแล้ว สิ่งซึ่งยากที่สุดก็คือการพรรณนาถึง หรือก็คือการอ้างถึงเรื่องราว มันคือการอ้างถึงที่มาขอแต่ละสิ่งอย่าง พาดพิงถึงประวัติศาสตร์ หรือประวัติความเป็นมาของตัวบุคคล

การอ้างถึงสิ่งเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดเกินจริง ซ้อนทับ และนอกลู่นอกทาง ควรใส่ใจกับรายละเอียดให้เหมาะสม หยิบออกมาใช้อย่างโจ่งแจ้งและการใช้แบบซ่อนเร้น ไม่เช่นนั้นอาจไม่ได้รับการคัดเลือก

เมื่อรับรู้และเข้าใจถึงเรื่องราวเหล่านี้ เซียวเฉวียนนอนหลับอย่างสบายใจ เขาหันหลังพิงแผงประตู ฟังเสียงลมโบกพัดยามค่ำคืน ทำให้ยากจะหลับฝัน

ค่ำคืนอากาศหนาว เซียวเฉวียนนอนพลิกตัวไปมา สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นและจุดไฟให้ลุกโชนเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น จากนั้นก็หลับไปอย่างสงบ

หนึ่งคืนผ่านไป เซียวเฉวียนมีอาการปวดหลัง แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามา เซียวเฉวียนถูกปลุกให้ตื่น เขาลุกขึ้นไปล้างตัวอย่างเรียบง่าย สุดท้ายก็ถูกกลิ่นหอมดึงดูดและพาตัวเขามายังสวนดอกไม้

ในสวนดอกไม้มีอาหารเลิศรสจัดวางอยู่ ดูเหมือนคนของตระกูลฉินกำลังเตรียมจะมารับประทานอาหารกัน ณ ที่แห่งนี้

อาหารของครอบครัวที่ร่ำรวยนั้นแตกต่างจากอาหารของคนทั่วไป ขนมถูกทำขึ้นอย่างประณีต เนื้อและผักก็อุดมสมบูรณ์ เมื่อเห็นเช่นนั้นท้องของเซียวเฉวียนร้องโครกครากหลังจากที่เขาหิวมาทั้งวัน

ปกติแล้วเซียวเฉวียนเป็นคนชอบทานอาหารเผ็ด แต่อาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะนั้นดูจืดชืด และเบาบางมาก เขาจึงถามออกมาว่า “คนตระกูลฉินไม่ชอบทานพริกงั้นหรือ?”

เด็กรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารขมวดคิ้วและถามออกมาว่า “นายท่าน สิ่งใดคือที่เรียกว่าพริก?”

พริกนั้นเข้ามาในช่วงปลายยุคของประเทศจีนในสมัยก่อน มันคือผักนำเข้าจากต่างประเทศ ดูเหมือนว่าเวลานี้ยังไม่ถูกนำเข้ามา

เซียวเฉวียนตอบกลับไปว่า “พริกมีลักษณะเหมือนเขาวัว เป็นสีแดงสด เมื่อทานเข้าไปจะมีอาการแสบร้อน ชาในลำคอ ร้อนในร่างกาย เมื่อถึงเวลาจะทำให้รู้สึกชาไปทั้งตัว มันคือความรู้สึกอันยอดเยี่ยม แค่มีมันอยู่ก็สามารถทานข้าวเพิ่มได้อีกสามถ้วย”

เด็กรับใช้กลืนน้ำลาย เขาไม่เคยได้ยินถึงของสิ่งนี้มาก่อน เหตุใดนายท่านถึงรู้จักมัน? เขาพูดออกไปอย่างจริงจังว่า “ข้าน้อยเองก็อยากทาน”

“นี่มันก็ขึ้นอยู่กับวาสนาแล้ว” เซียวเฉวียนเหลือบตามองอาหารอันจืดชืดบนโต๊ะ เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับการนำเข้าพริกในอนาคต ไม่กินเป็นเป็นเวลาสามวันยังพอทนได้ แต่หากไม่ได้กินเป็ดเป็นเวลาสามเดือนคนทนไม่ไหว

“นายท่านหญิงมาแล้ว! พวกคุณชาย คุณหนูเองก็มาแล้วเช่นกัน!” ในเวลานี้ สาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน

เห็นคุณยายฉินเดินเข้ามา ด้านหลังตามด้วยหลานของตระกูลฉิน ฉินเฟิง ฉินเป่ย รวมถึงฉินซูโหรวที่ทำให้ดวงตาของเซียวเฉวียนเป็นประกาย

นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฉวียนได้เห็นฉินซูโหรว นางเป็นคนสวย รูปร่างสมส่วน คิ้วดูมีชีวิตชีวา ดวงตาละเอียดอ่อน มือที่เรียวยาวและนุ่มนวลของนางประคองนายท่านหญิงอยู่

ทุกคนเดินไปยังที่นั่ง นอกจากฉินเฟิงที่จ้องมองเซียวเฉวียน คนอื่นก็เห็นเขาเป็นเหมือนอากาศ ไม่ได้บอกให้เขากินข้าว และก็ไม่ได้บอกเขาว่าห้ามกิน เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการจงใจทำให้ลำบากใจ

คนในตระกูลฉินนั่งลงเรียบร้อย เหลือเพียงช่องว่างเล็ก ๆ ไว้ให้เซียวเฉวียน เก้าอี้ที่เหลืออยู่หนึ่งตัวถูกนำออกไป หากเซียวเฉวียนต้องการทานข้าว เขาก็ทำได้แค่ยืนกินเท่านั้น

ทุกคนในครอบครัวแต่งกายภูมิฐาน เต็มไปด้วยเครื่องทองเครื่องหยก เซียวเฉวียนรู้สึกเย็นไปทั่วร่างกายเนื่องจากตนเองไม่เขาพวก

คนตระกูลฉินเริ่มจับตะเกียบ ไม่มีใครกล่าวทักทายเขา ฉินหนานและฉินเป่ยมองมาที่เขาด้วยความท้าทายพร้อมกับคีบอาหารใส่ปาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย