"เป็นตระกูลฉินแห่งเมืองหลวง ฉินหลัง"
ตระกูลฉินแห่งเมืองหลวง?
เซียวเฉวียนขมวดคิ้วแน่นทันที คนแซ่ฉินอย่างั้นหรือ?
เห็นเซียวเฉวียนไม่รู้จักมักจี่คนผู้นี้ เว่ยไป๋จึงสมทบขึ้นมาว่า "เขาเป็นบุตรชายคนที่สองของฉินปาฟาง น้องรองของฉินเซิง"
ฉินเซิงกับฉินหลังแยกบ้านกันไปตั้งนานแล้ว ออกไปสร้างครอบครัวกันเอง ก่อนหน้านี้ในตอนที่เซียวเฉวียนเป็นนายท่านอยู่ในจวนฉิน ไม่ได้รับความนิยมชมชอบจากผู้คน คนผู้นี้เองก็ไม่เคยมาที่จวนฉินด้วยเช่นเดียวกัน
ฉินปาฟางมีบุตรสองคน ชาติกำเนิดของฉินหลังยังคงมีคุณสมบัติห่างไกลจากฉินเซิงอยู่มาก
ฉินเซิงถือกำเนิดจากท่านยายฉิน ท่านยายฉินมีบุตรชายสุดที่รักผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ฉินหลังถือกำเนิดจากอนุภรรยาผู้หนึ่งของฉินปาฟาง อนุภรรยาผู้นั้นกับท่านยายฉินไม่ถูกกัน รังเกียจโกรธแค้นต่อกัน ดังนั้นหลังแยกบ้านกันแล้ว ฉินหลังก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับจวนฉิน
บุตรชายของฉินปาฟาง...
เซียวเฉวียนขมวดคิ้วแน่น ฉินปาฟางเป็นคนตงฉิน ฉินเซิงเองก็เป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ผู้หนึ่งเช่นเดียวกัน เหตุใดจึงอบรมสั่งสอนคนอย่างฉินหลังเช่นนี้ออกมาได้?
ฉินเฟิงเป็นคนรุ่นหลัง แม้อุปนิสัยเกเรเสเพล แต่แม้ฉินเฟิงจะใจคอโหดเหี้ยมไปนั้นก็ช่างมันไปแล้วเหมือนกัน คราแรกในคืนวันปีใหม่ ที่ฉินเฟิงสังหารเซียวเฉวียนเองก็เป็นการสังหารอย่างโจ่งแจ้ง เขาจะไม่ลักลอบแอบทำอย่างเด็ดขาด
ส่วนฉินหลังผู้นี้กลับทำเรื่องราวเช่นนี้เองหรอกหรือ?
หรือว่าเป็นเว่ยไป๋ที่กำลังพูดปด?
"เป็นอะไรไป? ท่านรู้จักกับฉินหลังหรือ?" หัวใจของเว่ยไป๋หนักอึ้งทันที หรือว่าเซียวเฉวียนกับฉินหลังจะเป็นสหายสนิทกันหรือ?
เช่นนั้นเซียวเฉวียนจะสามารถเป็นปากเป็นเสียงทวงความยุติธรรมเพื่อเขาได้หรือไม่?
ไม่ถึงกับเป็นสหายสนิท หากเคยเป็นญาติกันนั้นคงต้องช่างมันไปแล้วกระมัง
เซียวเฉวียนมิได้กล่าวถึงเรื่องที่ตนเองเคยเป็นนายท่านแห่งตระกูลฉินมาก่อน ในเมื่อมันไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเร้าใจนัก เขาโบกมือไปมาใส่เว่ยไป๋ "ท่านวางใจเถิด รอข้ายืนยันเรื่องนี้ได้แล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้กระทำมัน ข้าล้วนจะไม่ปล่อยเขาไปแน่"
"ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐ..." เว่ยไป๋พยักหน้า เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ว่าประมุขแห่งชิงหยวนที่ปีศาจกวีแต่งตั้งมานั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อเสียงจอมปลอม
"ยามเมื่อข้าจากมา ปีศาจกวีเฒ่าผู้นั้นอยู่ในคุกอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขายังสบายดีอยู่หรือไม่?"
"เขาจากโลกนี้ไปแล้ว" เซียวเฉวียนไม่อยากที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้ หลังตอบเว่ยไป๋เสร็จสรรพก็หมุนตัวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขาคำรามใส่เว่ยอวี๋ว่า "ยังไม่รีบกลับมาอีก! ไม่เห็นหรือไงว่าฝนกำลังจะตกแล้ว?"
ยามที่เซียวเฉวียนกับเว่ยไป๋สนทนากันอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เริ่มมีเมฆฝนตั้งเค้าขึ้นมาอีกแล้ว คล้ายกับมีท่าทีว่าฝนกำลังจะตก
เว่ยไป๋ชะงักนิ่งไปทันที สีหน้าหม่นหมอง ปีศาจกวีตายแล้วอย่างนั้นหรือ? ดูท่าแล้วในช่วงระยะเวลาที่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ต้าเว่ยนั้น ต้าเว่ยได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมากแล้ว
"ไม่ถูกสิ" เซียวเฉวียนขมวดคิ้วแน่นทันที เมฆฝนนี้เหตุใดจึงดูผิดปกติกันนะ?
เมื่อเว่ยไป๋เงยหน้าขึ้นมอง เมฆฝนและลมฝนที่มลายหายไปเมื่อครู่นี้กลับม้วนตัวกลับมาอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว!
ผนึกจูเสินยังไม่ปล่อยพวกเขาไป!
แต่กลับกำลังรวบรวมพละกำลังใหม่อีกครั้ง!
"รีบกลับมา! รีบกลับมา!" เว่ยไป๋หันไปตะโกนบอกเว่ยอวี๋ด้วยความกระวนกระวายว่า "พวกเจ้าเข้าไปหลบในถ้ำ!"
เว่ยอวี๋กลับเป็นผู้ที่กลัวตายผู้หนึ่ง เมื่อได้ยินสุรเสียงสั่นเครือของเว่ยไป๋แล้ว ดังนั้นจึงสับเท้าวิ่งเท้าสุนัขพุ่งกลับมาทันที!
แม่งเอ๊ย! เซียวเฉวียนสบตามองเมฆฝนก้อนนี้ที่กำลังปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เมฆที่กำลังรวมตัวอยู่ในตอนนี้มันหนากว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก!
หากหนีก็ตาย!
หากไม่หนีก็ตายเหมือนกัน!
เซียวเฉวียนพวกเขาล้วนถอยกลับมากันหมดแล้ว แต่ผนึกจูเสินกลับไล่ตามไม่หยุด!
"พวกเราต้องทำให้มันบันดาลโทสะแล้วเป็นแน่" เว่ยไป๋เสียอาหาร "เพราะไม่เคยมีใครกล้าออกไปจากเกาะจูเสินมาก่อน"
ผนึกจูเสินจะต้องลงโทษพวกเขาอย่างแน่นอน!
"ไป! เข้าไปในถ้ำภูเขา!"
มีขุนเขาปกป้องย่อมต้องสามารถหลบหนีด่านเคราะห์นี้ได้อย่างแน่นอน
เว่ยไป๋พวกเขามีโชคดีติดตัวอยู่ ทว่าเซียวเฉวียนกลับแอบสัมผัสได้อย่างลับ ๆ แล้วว่าผนึกจูเสินจะไม่ปล่อยพวกเขาแน่น มันกะจะเอาให้ถึงตายจึงจะหยุด
ไม่ ไม่อาจตายที่นี่ได้
ในตอนนั้นเอง เว่ยไป๋พวกเขาสิบเจ็ดคน บวกเข้ากับเซียวเฉวียน เว่ยอวี๋ ต่งจัว ทั้งหมดรวมยี่สิบคนบวกสุนัขเพิ่มอีกหนึ่งตัวกำลังหลบเข้าไปในถ้ำภูเขามืดทึบเปียกชื้นแล้ว
โชคยังดีที่ถ้ำภูเขามีขนาดกว้างเป็นอย่างมาก พวกเขาเข้ามาหลบเองก็ไม่ได้เบียดเสียดกันมากขนาดนั้นเช่นเดียวกัน
เซียวเฉวียนกลั้นหายใจ ปิดตาปรับลมหายใจ
"ทำอะไรอยู่น่ะ?" เว่ยอวี๋หนาวจนตัวสั่นหงก ๆ สบตามองดูเซียวเฉวียนอย่างงุนงงพลางเอ่ยถาม
"เรียกอาวุธ"
เมื่อสุรเสียงของเซียวเฉวียนสิ้นสุดลง คนอื่น ๆ จึงหันไปสบตามองกันอย่างเงียบเฉียบหนึ่งหนทันที
เมื่อหลวงอยู่ห่างจากที่นี่ไปไกลมากเช่นนี้ แม้แต่กับราชองครักษ์เองก็ไร้หนทางที่จะติดต่อผ่านจิตด้วยเช่นเดียวกัน อาวุธจะสามารถได้ยินการร้องเรียกได้อย่างไร?
เว่ยไป๋พวกเขาเคยลองมาก่อนกันตั้งนานแล้ว ทว่าเรียกไปทุกวี่ทุกวันก็ไม่มีสิ่งใดตอบกลับมา อาวุธของพวกเขาไม่เคยมาเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...