เซียวเฉวียนส่ายศีรษะ เขาย่อมไม่ทราบอยู่แล้วว่าอาฉีมีโทษใดถึงได้เข้าไปอยู่ในคุก
สายตาของเว่ยไป๋เป็นประกายวับวาว "นามโทษของนักโทษเนรเทศอาฉีคือโทษกบฏร้ายแรง"
โทษกบฏร้ายแรง หมายถึงโทษทำร้ายและหรือสังหารปู่ย่าตายาย บิดามารดา รวมไปถึงน้า ลุง อาที่เป็นผู้อาวุโสท่านอื่น ๆ และญาติที่เคารพนับถือกัน
เซียวเฉวียนตะลึงงันทันที "อะไรนะ?"
เว่ยไป๋ยกยิ้มเย็นชาหนึ่งหน "ก็เป็นเช่นนั้นอย่างที่ท่านคิด"
บิดามารดาของอาฉีจากไปตั้งนานแล้ว มีท่านปู่ท่านย่าเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มา หลังจากที่อาฉีช่วยหนุ่มจอหงวนคนนั้นเอาไว้แล้ว ผู้มีอำนาจในเมืองหลวงต่างก็พากันโกรธแค้นเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าขัดขวางเส้นทางของพวกเขา ดังนั้นจึงลอบสังหารท่านปู่ท่านย่าของอาฉีจนถึงแก่ความตายก่อนเป็นลำดับแรก ก่อนจะผลักโทษสังหารญาติมาไว้บนศีรษะของอาฉี
อาฉีแม้มีร้อยปากก็ยากที่จะแก้ตัว ทำได้เพียงแค่ไปยังเกาะจูเสินในฐานะนักโทษกบฏร้ายแรงที่ถูกเนรเทศเท่านั้น
"ฝ่าบาทไม่สืบหาความจริงหรือ?" เซียวเฉวียนขมวดคิ้วแน่น ทว่าเมื่อหวนกลับมาครุ่นคิดดูแล้ว เรื่องราวสิบกว่าปีก่อน ฮ่องเต้วัยเยาว์ ณ ตอนนี้ก็มีพระชนมพรรษาเพียงหนึ่งถึงสองพรรษาเท่านั้น แม้คนใต้บังคับบัญชาจะละเลยหน้าที่หรือฝ่าฝืนกฎหมายก็ตาม ฮ่องเต้เองก็ไม่อาจทรงทราบได้เช่นเดียวกัน
หากอาฉีเป็นคนเช่นนั้นจริง ๆ แล้วละก็ การถูกตัดสินโทษกบฏร้ายแรงทั้งยังถูกเนรเทศอีก นี่เองก็เป็นเรื่องที่พอจะเห็นอกเห็นใจได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ทว่าอาฉีกลับเป็นคนที่กตัญญูรู้คุณเป็นอย่างมาก ปฏิบัติต่อท่านปู่ท่านย่าอย่างกตัญญูกตเวที เงินเดือนเพียงน้อยนิดนั่นก็ล้วนนำมาใช้เลี้ยงดูผู้เฒ่าทั้งสอง กระทั่งเป็นเพราะว่าสตรีที่ชมชอบปฏิบัติต่อบุพการีอย่างไม่ให้ความเคารพรัก เขาก็ไม่แต่งงานด้วยเพราะเหตุนี้
เพราะเป็นคนเช่นนี้ เหตุใดจึงจะสามารถทำร้ายท่านปู่ท่านย่าจนถึงแก่ความตายได้กันนะ?
อาฉีถูกเนรเทศไปยังเกาะจูเสิน ขออยู่ไม่ได้ ขอตายก็ไม่ได้ จมปลักอยู่กับการโทษตนเองถึงการจากไปของท่านปู่ท่านย่าทุกวี่ทุกวัน
เขารู้สึกผิดในภายหลัง รู้สึกผิดที่ช่วยเหลือเจ้าหนุ่มนั่น
หากวันเวลาสามารถย้อนกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง เขาจะไม่ช่วยหนุ่มจอหงวนนั่นอย่างเด็ดขาด ทั้งก็จะไม่ผ่านปากทางนั่นด้วยเหมือนกัน
"เป็นผู้ใดที่ทำหรือ?"
"เรื่องราวสกปรกเช่นนี้ เป็นผู้ใดที่ทำ?"
เซียวเฉวียนบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก มากเกินไปแล้ว มันจะมากเกินไปแล้ว!
เซียวเฉวียนนึกว่าตลอดเส้นทางที่เขาสอบแข่งขันรับราชการมานั้น ได้พบกับด้านมืดทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่ากลับคิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงเลยว่าอาฉีที่รับราชการเป็นขุนนางแล้ว กลับถูกเหล่าผู้มีอำนาจไล่ล่าเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
"ล้วนผ่านไปทั้งหมดแล้ว อาฉีตายไปแล้ว กล่าวว่าผู้ใดเป็นคนทำเองก็ไม่มีประโยชน์อะไรเช่นเดียวกัน" เว่ยไป๋ส่ายศีรษะ หากเข้าไปยังเกาะจูเสินแล้วก็จะไม่มีวันได้กลับออกมา การเรียนรู้ที่จะลืมเลือนความแค้นถึงจะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถมีชีวิตต่อไปได้
"ท่านว่ามา ข้าจดจำเอาไว้ก็พอแล้ว"
ดวงตาวับวาวเป็นประกายของเซียวเฉวียนสบตามองเว่ยไป๋ ใครจะสามารถลืมเลือนเรื่องราวที่เป็นหนามยอกอกเช่นนี้ได้กัน เซียวเฉวียนไม่สามารถทำได้
เหวินฮั่นกับปีศาจกวีมอบสถานศึกษาชิงหยวนมาในมือของเขาแล้ว ยิ่งมีความคาดหวังต่อเซียวเฉวียนมากขึ้นเป็นทวี หวังว่าเซียวเฉวียนจะสามารถทำให้ทุกคนได้ร่ำเรียนหนังสือได้ ทั้งก็เพื่อนำพาอนาคตอันสดใสของปัญญาชนด้วยเช่นเดียวกัน
สถานศึกษาชิงหยวนเป็นห้องหนังสืออันดับหนึ่งของต้าเว่ย เรื่องราวของปัญญาชนก็คือเรื่องราวของเซียวเฉวียน
ไม่ว่าปัญญาชนผู้นี้จะมีชาติกำเนิดจากครอบครัวกระยาจกหรือจะเป็นครอบครัวที่มีสตางค์ก็ตามที ขอเพียงแค่เป็นปัญญาชนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวกับการสอบเข้ารับข้าราชการหรือความสามารถบุ๋นทางด้านบทกลอน ต่างก็ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับสถานศึกษาชิงหยวนอย่างลึกซึ้งทั้งหมด
อาฉีช่วยปัญญาชนที่มีชาติกำเนิดจากครอบครัวกระยาจกผู้หนึ่งเอาไว้ ช่วยชีวิตบุคคลที่มีความสามารถของต้าเว่ยเอาไว้ผู้หนึ่ง ทว่ากลับต้องสูญเสียญาติทั้งสองไปในช่วงเวลาเดียวกัน เซียวเฉวียนในฐานะที่เป็นประมุขแห่งสถานศึกษาชิงหยวนย่อมไม่สามารถไม่ยุ่งไม่ได้อยู่แล้ว
แม้อาฉีจะตายไปแล้ว ชื่อเสียงติดมลทินของกบฏร้ายแรงนี้เองก็จะต้องถูกลบไปด้วยเหมือนกัน
ส่วนคนที่ทำให้อาฉีต้องมีชะตาชีวิตเช่นนี้ก็ต้องมีราคาที่จะต้องจ่ายด้วย!
"ท่านคุมชิงหยวนแล้วหรือ?"
เว่ยไป๋สบตามองเซียวเฉวียนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา สีหน้าประหนึ่งพระอรหันต์สิบเจ็ดหน้าเลยก็ไม่ปาน ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ
ชิงหยวนเป็นสถานที่ของปัญญาชน เป็นสถานที่ที่เหล่าปัญญาชนใฝ่ฝันอยากที่จะเข้าไปร่ำเรียนมากที่สุด
แต่เซียวเฉวียนที่อายุน้อยตรงหน้านี้ ก็เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีเท่านั้น กระทั่งอายุยี่สิบปีก็ยังไม่ถึง แต่กลับเป็นประมุขแห่งชิงหยวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว?
เว่ยไป๋ทราบเพียงแค่เซียวเฉวียนเดินออกมาจากเหวอันยวนพร้อมกับทาสคุนหลุน ทว่ากลับคิดไม่ถึงเลยว่าเซียวเฉวียนจะมีสถานะเช่นนี้
"กล่าวไปก็ละอาย แม้ข้าจะเป็นประมุขแห่งชิงหยวน" เซียวเฉวียนเกาศีรษะไปมา "แต่เป็นเพราะถูกเนรเทศ ข้ายังไม่เคยได้เข้าเรียนที่ชิงหยวนมาก่อนเลยน่ะ"
ว่าจบ เซียวเฉวียนก็จ้องเขม็งไปยังเว่ยอวี๋ไอ้คนไร้หัวใจผู้นี้ไปหนึ่งหน เดิมทีกะจะให้เว่ยอวี๋เข้าเรียนก่อนด้วย แต่ผลสุดท้ายไอ้หมอนี่กลับวิ่งมามุ่งดูความสนุกสนานที่เกาะจูเสินเสียแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ล้วนถูกขังอยู่ที่นี่กันทั้งหมดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...