สรุปเนื้อหา บทที่ 437 หมดหวังโดยสิ้นเชิง – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 437 หมดหวังโดยสิ้นเชิง ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ฉินเซิงไม่ได้พูดอะไร แต่ความหมายของเขาชัดเจนมากแล้ว
พระทัยฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้เสมอ แต่ก็ไม่ได้ไร้ร่องรอย
ฉินเซิงพยักหน้าอย่างหมดหนทาง หัวของเขาหนักขึ้นกว่าที่เคย
ฉินซูโหรวหลั่งน้ำตา “ไม่...ข้าเป็นท่านหญิง...ข้าเป็นลูกสาวของตระกูลฉิน เสด็จลุงฮ่องเต้จะไม่ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้...”
“เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ?” ในเวลานี้ฉินเซิงตะโกนว่า “ฝ่าบาทไม่ต้องการให้ตระกูลฉินสูญสิ้น! เป็นเว่ยเชียนชิวต่างหากที่อยากให้ตระกูลฉินสูญสิ้น! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าปู่ของเจ้าถูกวางยาพิษจนตายได้อย่างไร ?”
“และเจ้า! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! เพียงเพราะความเกลียดชังที่เจ้ามีต่อเซียวเฉวียน! เจ้าถึงขั้นพาตัวเองไปบนถนนสู่ความตาย!”
“คราวนี้เจ้าและเฉินอี้แต่งงานกัน พูดง่ายๆ ก็คือเจ้ากำลังร่วมมือกับศัตรูและทรยศ!”
“เจ้าวางแผนจะสังหารเซียวเฉวียนและองค์หญิงต้าถงร่วมกับเว่ยเชียนชิว ซึ่งมันเป็นการพิสูจน์ข้อกล่าวหาของกบฏมากยิ่งขึ้น!”
ฉินเซิงโกรธมากจนพ่นน้ำลายออกมา ฉินซูโหรวส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง ในขณะนี้นางรู้สึกกลัวแล้ว “ไม่...ไม่ มันเป็นเรื่องจริงที่ข้าต้องการฆ่าองค์หญิงต้าถง แต่ข้าไม่เคยกบฏ ไม่...”
“ท่านพ่อ! ข้าไม่ได้แต่งงานกับเฉินอี้โดยสมัครใจ! ข้าไม่ได้!”
ฉินเซิงชี้ไปที่นางแล้วตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้ายังคิดว่าเจ้าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากที่สุดในเมืองหลวง หนังสือที่เจ้าอ่านไปล้วนถูกกลืนลงท้องสุนัขหมดแล้วหรือไร?”
“ไม่!” ฉินซูโหรวร้องอย่างวิตกกังวล “ข้าไม่ได้กบฏ! ท่านพ่อ! ท่านต้องเชื่อข้า! ข้าถูกบังคับให้แต่งงานกับเฉินอี้!”
ฉินเซิงทำอะไรไม่ถูกอย่างยิ่ง “ไม่มีใครเชื่อเจ้า...”
“คนเหล่านั้นหวังว่าตระกูลฉินและตระกูลเซียวจะสูญสิ้น...และเจ้า เจ้ายังทำลายตัวเองและตระกูลฉินด้วยมือของเจ้าเอง”
“ไม่...ไม่...” ฉินซูโหรวได้ยินสิ่งนี้จึงร้องออกมา “ท่านพ่อ! ตระกูลฉินของเราเป็นตระกูลแม่ทัพ! เรามีความสำเร็จมากมายในการรบ! ฝ่าบาทย่อมต้องปกป้องพวกเราอย่างแน่นอน! คนเหล่านั้นไม่อาจโค่นล้มตระกูลฉินลงมาได้!”
“ในยามนั้นจวนเซียวมีพลังมากกว่าจวนฉินในยามนี้ ในภายหลังเกิดอะไรกับพวกเขาเล่า?” ฉินเซิงมองดูนางอย่างหมดหนทาง น้ำตายังคงเคลื่อนอยู่ในดวงตาของเขา คำพูดนับพันกลายเป็นคำถามอย่างหมดหนทาง “ทำไม เจ้าถึงไม่ติดตามเซียวเฉวียนไปแม้ว่าจะได้เห็นพระราชโองการแล้วก็ตาม ทำไม...เจ้าโง่เช่นนี้...”
“ทำไม ตอนนี้เจ้ารู้จักเสียใจแล้วหรือ...”
ฉินเซิงหลับตาลง น้ำตาไหลอาบหน้า มันยาก มันยากเกินไป นี่คือทางตัน
ฉินซูโหรวติดอยู่ในรังไหม นางทำให้ตระกูลฉินถึงทางตัน
“ท่านพ่อ! ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย! ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!” ฉินซูโหรวร้องไห้เสียงดัง ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้?
ด้วยสถานการณ์ที่กำลังพัฒนาไปเช่นนี้ สิ่งที่ทำได้มีเพียงตำหนิ ฉินซูโหรวที่มีความภาคภูมิใจในตนเองสูงเกินไปและเย่อหยิ่งมากเกินไปจนปล่อยให้คนเหล่านั้นใช้ประโยชน์จากสิ่งที่พวกเขาไม่ควรมี
เว่ยเชียนชิวและกลุ่มของเขาต้องการกวาดล้างตระกูลฉินมานานแล้ว แต่ฉินซูโหรวซึ่งเป็นคนโง่ได้ฆ่าพวกเขาเอง
ไม่เพียงแต่ฉินซูโหรวเท่านั้นที่ตกอยู่ในทางตัน แต่ตระกูลฉินทั้งหมดจะถูกลากลงไป
ฉินซูโหรวร้องไห้เสียงดัง ซึ่งทำให้ฉินเซิงอารมณ์เสีย “หยุดร้องได้แล้ว! นิสัยเจ้าที่เป็นเช่นนี้ ช่างไม่ต่างจากแม่เจ้าเลยจริงๆ!”
“ท่านพ่อ...” ในเวลานี้ฉินเฟิงที่ตื่นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บสาหัสได้ยินว่าพ่อของตนโกรธมาก เขาพยายามดิ้นรนที่จะลุกจากเตียงคนไข้แล้วคุกเข่าลงบนพื้นทันทีที่เข้ามา “เป็นข้าที่ไม่ได้ปกป้องน้องสาวให้ดี มันเป็นความผิดของข้า ท่านอย่าดุด่านางเลย...แค่ก แค่ก แค่ก!”
เมื่อเห็นท่าทางไร้สติของฉินเฟิง ฉินเซิงก็โกรธมากขึ้น “ฉินเฟิง! เจ้าสับสนเหมือนกันหรือ?”
ฉินเซิงนั่งลงบนเก้าอี้ ในการต่อสู้ที่รัฐไป๋ลู่คราวนี้ ผู้คนจากค่ายทหารหนานโตวล้วนไร้ประโยชน์ มีเพียงไม่กี่ร้อยคนจากกองทัพของตระกูลฉินเท่านั้นที่มาซึ่งส่งผลให้เกิดความพ่ายแพ้
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ คำพูดและการกระทำของฉินซูโหรวจะทำให้สิ่งต่างๆ แย่ลงอย่างไม่ต้องสงสัย
หากผู้คนในฝั่งของเว่ยเชียนชิวต้องการกัดตระกูลฉินและก่อกบฏร่วมกันโดยการกล่าวว่าฉินเซิงจงใจพ่ายแพ้ให้กับจอมยุทธ์และฉินซูโหรวต้องการให้เซียวเฉวียนรวมถึงองค์หญิงต้าถงตาย การกบฏนั้นจะกลายเป็นจริง
ยามนี้เซียวเฉวียนไม่ใช่ข้าขุนนางธรรมดาอีกต่อไป เขาไม่ใช่นายท่านจวนฉินแล้วเช่นกัน แต่เป็นผู้นำที่ได้รับคำสั่งให้ระงับความวุ่นวายในช่วงเวลาอันตราย ขณะที่ฉินซูโหรวและเว่ยเชียนชิวต้องการฆ่าเขาจริงๆ!
ฉินเซิงโกรธมากจนแทบบ้า เขาได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไปหรือ? ถึงได้เลี้ยงลูกออกมาเป็นเช่นนี้!
ฉินเซิงโกรธมากในแบบที่ฉินเฟิงและน้องสาวไม่เคยเห็นมาก่อน เขาโกรธมากจนไม่สนใจอาการบาดเจ็บสาหัสของฉินเฟิง เขาไม่ได้มองดูด้วยซ้ำ
ฉินเฟิงพูดอย่างขมขื่น จะให้น้องสาวของเขาผู้เป็นดั่งกิ่งทองใบหยก[2]ไปขอร้องเซียวเฉวียนได้อย่างไร?
ความเอาแต่ใจและความรังเกียจของฉินเฟิงและฉินซูโหรวทำให้ ฉินเซิงโกรธจัด ดวงตาของเขามืดลง “ไม่แปลกเลย! ไม่แปลกใจเลยจริงๆ!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนปู่ของเจ้าจะสิ้นชีพท่านได้มอบตราอาญาสิทธิ์ไว้ในมือเซียวเฉวียน! ไม่ใช่ในมือของหลานชายคนโตของท่าน!”
“จนถึงทุกวันนี้! ข้าเพิ่งรู้ว่าข้าเลี้ยงดูลูกชายได้ดี!” มือของฉินเซิงทุบโต๊ะ “ครอบครัวแตกสลายอะไร? อาศัยผู้หญิงเพื่อหาเลี้ยงชีพแบบใดกัน? ปรากฏว่าเป็นผู้ชายในตระกูลฉินของข้าที่สายตาสั้น ใจแคบ! คิดเล็กคิดน้อยจนเกินเหตุ!”
“ฉินเฟิง! เจ้าเป็นชายชาตรีสูงเจ็ดฉื่อ[3]! เจ้าควรยืนตรง! ปกป้องครอบครัวและประเทศของเจ้า! แต่ยามนี้เจ้ากลับมีความหยิ่งเหมือนผู้หญิง!”
ฉินเซิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกชายของเขาแทงเซียวเฉวียนในวันส่งท้ายปีเก่า ถ้าเขารู้เขาอาจดุด่ายิ่งกว่านี้!
“ตระกูลฉินของข้ากำลังจะสิ้น!” ฉินเซิงแทบน้ำตาไหล เขาหันกลับมาหยิบดาบขึ้นมาและกำลังจะจากไป!
“ท่านพ่อ! ท่านจะไปไหน?” ฉินเฟิงและฉินซูโหรวตกใจมาก
“ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะอยู่ที่ไหน ข้าจะอยู่ที่นั่น! สงครามยังไม่จบ! ประชาชนพลัดถิ่น! ข้าซึ่งเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่จะต้องร้องไห้ที่นี่กับพวกเจ้าด้วยหรือ?”
หลังจากนั้นฉินเซิงก็ยกแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินจากไป แผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและผิดหวังสำหรับลูกทั้งสองคนของเขา
“ท่านพ่อ! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าขอร้อง! ข้าจะขอร้องเซียวเฉวียน!” ฉินซูโหรวตะโกนตามหลังพ่อของนาง น้ำตานางใหลอาบหน้า “ข้าจะไม่ยอมให้ตระกูลฉินต้องตกต่ำเช่นนั้น!”
เชิงอรรถ
[1] ปีนเขาดาบ! ลงทะเลเพลิง! อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งแต่ยังพร้อมจะฝ่าไปโดยไม่ลังเล
[2] กิ่งทองใบหยก ของล้ำค่าหรือคนชั้นสูง เป็นคำที่ใช้คำเดียวกับสำนวนไทยที่ว่ากิ่งทองใบหยก คำที่ใช้หากแปลตรงตัวจะเหมือนกัน แต่ความหมายที่ต้องการสื่อกลับแตกต่าง โดยคำไทยจะเป็นการเปรียบเปรยคู่ที่เหมาะสมกันมากๆ
[3] ชายชาตรีสูงเจ็ดฉื่อ หมายถึง ผู้ชายที่โตแล้ว หรือชายแท้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...