สรุปเนื้อหา บทที่ 461 ผิดมหันต์” – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 461 ผิดมหันต์” ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
คดีความเสิ่นฉี
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้จะทำอย่างไร
ในตอนที่คดีความเสิ่นฉีเกิดขึ้น ฮ่องเต้ยังทรงวัยเยาว์มาก จำไม่ได้ย่อมเป็นเรื่องปกติ
เซียวเฉวียนเล่าต้นสายปลายเหตุให้ฟัง นัยน์ตาของฮ่องเต้เปล่งประกาย “รอให้ข้าตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อน หากฉินหลังใส่ร้ายเสิ่นฉีจริง ๆ ฆ่าท่านปู่ท่านย่าของเสิ่นฉีจริง ๆ ข้าจะจัดการเขาแทนเจ้าอง”
เซียวเฉวียนฆ่าจ้าวจินไหล
ฮ่องเต้ฆ่าฉินหลัง
ถือว่าเป็นการทำธุรกิจของสองคนนี้ และถือว่าเป็นมิตรภาพของกันและกัน
ฉินหลังเป็นเพียงบทบาทเล็ก ๆ ของเซียวเฉวียนเท่านั้น แต่ฉินหลังเป็นบุตรของฉินปาฟาง เซียวเฉวียนคงลงมือไม่ได้ หากเป็นความผิดจริง การให้ฮ่องเต้ลงมาจัดการเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
“พะยะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เซียวเฉวียนยกจอกเหล้าขึ้น “ขอดื่มแด่ฝ่าบาท”
ฮ่องเต้คลี่ยิ้ม “อย่าเพิ่งดื่มเหล้าจอกนี้เลย ข้าขอร่างพระราชโองการ ลดตำแหน่งของจ้าวจินไหล พิพากษาให้เขาเดินประจานเป็นเวลาสามวัน”
“พะยะค่ะ”
หลังจากจบงานเฉลิมฉลอง ฉินเซิงยอมรับชะตากรรมเอง ชัยชนะของรัฐไป๋ลู่เป็นผลงานของเซียวเฉวียน จ้าวจินไหลตัวสั่นงันงกมาโดยตลอด
เขานั่งไม่เป็นสุขอยู่ในเรือนมาตลอด กินก็กินไม่ลง ดื่มก็ดื่มไม่ลง
ในที่สุดเขาก็ยังรอพระราชโองการจากฮ่องเต้
มีรับสั่งให้เขาลดตำแหน่งเหลือเพียงขุนนางน้อยขั้นเจ็ด ให้เขาเดินประจานสามวัน
เขาบีบพระราชโองการฉบับนี้แน่น ทรุดลงกับพื้น ใครก็ประคองไม่ได้
“ฝ่าบาท...ฝ่าบาท ท่านทรงทำเช่นนี้จริง ๆ”
ท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรมของจ้าวจินไหลน่าขันยิ่งนัก เขาต้องการเดิมพันกับฮ่องเต้ บัดนี้ได้พ่ายแพ้แล้ว เขากลับไม่อยากยอมรับ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแพ้ไม่เป็น
เขาเป็นทหารผ่านศึก!
เขาเป็นทหารผ่านศึกที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อต้าเว่ย!
ฝ่าบาทหลับลดตำแหน่งของเขาเหลือเพียงขุนนางขั้นเจ็ด!
แถมยังให้เขาเดินประจาน!
มีแค่คนที่ทำผิดร้ายแรงเท่านั้นถึงจะเดินประจาน!
ฮ่องเต้ไม่ได้ให้เขาไปนั่งกินอุจจาระก็ดีเท่าไหร่แล้ว ถึงอย่างไรสำหรับจ้าวจินไหลแล้ว หากเซียวเฉวียนชนะ เขาก็ต้องลดตำแหน่ง เดินประจานและกินอุจจาระ
ฮ่องเต้หลีกเลี่ยงข้อสุดท้าย ถึงอย่างไรก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่
เขาคาดไม่ถึงว่าการอุทิศตนเพื่อต้าเว่ยจะทำให้เขามีจุดจบเช่นนี้
แต่จ้าวจินไหลกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาได้รับความไม่เป็นธรรม
เขาลืมแล้ว ว่าเขาถูกบีบให้สละราชย์ ทำให้เซียวเฉวียนต้องโดนเนรเทศ เกือบทำให้บ้านของเซียวเฉวียนแตกสาแหรกขาด
เขาทำให้ประชากรรัฐไป๋ลู่ตกอยู่ในอันตราย อาจดูเหมือนการละเล่นของเด็ก แต่การต่อต้านเซียวเฉวียนในฐานะผู้นำในการก่อความจลาจล จำเป็นต้องกราบทูลให้ฮ่องเต้เสด็จไปช่วยเว่ยเชียนชิว
ถ้าบอกว่าการเนรเทศเซียวเฉวียนเป็นความปรารถนาส่วนตัว ฮ่องเต้ทรงเข้าพระทัยได้
แต่เรื่องที่เขาให้ฮ่องเต้ไปช่วยเว่ยเชียนชิว เป็นการล้ำเส้นของฮ่องเต้เกินไป
เขาไม่เข้าใจ
เขาได้รับความไม่เป็นธรรม ไม่กินไม่ดื่ม
เขาโกรธมาก กระทั่งวิ่งออกไป
จ้าวหลานตะโกนไล่ตามออกไป “ท่านพ่อ!ท่านจะไปไหน!”
ที่ที่จ้าวจินไหลไปคือจวนฉิน
เขาต้องถามฉินเซิงให้ชัดเจน ทำไมจะต้องให้คุณความดีกับเซียวเฉวียนด้วย!
“ฉินเซิง!เจ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
จ้าวจินไหลร้อนใจจนผมยุ่งเหยิง ชุดฮั่นฝูไม่เรียบร้อย ด้วยความจนปัญญาขุนพลรายงานว่าฉินเซิงไม่อยู่ เขาวังไปแล้ว
ความจริงแล้วฉินเซิงอยู่ข้างใน จ้าวจินไหลมาก่อความวุ่นวายเช่นนี้ ฉินซิงไม่อยากเจอเขาเท่านั้น
คุณความดีเป็นของเซียวเฉวียนก็ให้เป็นของเซียวเฉวียน จ้าวจินไหลไม่ยอมก็ช่วยไม่ได้
จ้าวจินไหลพยายามเคาะประตู ถ้าฉินเซิงถอนคำพูดเหล่านั้น เขาก็จะไม่โดนลดตำแหน่ง และไม่ต้องเดินประจาน
แต่ในตอนที่เซียวเฉวียนทำให้เว่ยชิงเป็นอัมพาต ฮ่องเต้ทรงทราบดีว่าเซียวเฉวียนตั้งใจ และไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเซียวเฉวียน
ด้านมีเหตุมีผล ฮ่องเต้เข้าใจมากกว่าจ้าวจินไหล
“ขุนนางจ้าว ถ้าข้าอายุเท่าเจ้า แล้วต้องมาเดินสนวนสนามเช่นนี้ คาดว่าข้าคงโกรธตัวเองตายไปแล้ว”
“เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้”
“เจ้าเรียกตัวเองว่าข้า ? ใต้เท้าจ้าว บัดนี้เจ้าไม่ใช่ขุนนางแล้ว เป็นเพียงขุนนางน้อยขั้นเจ็ด” เซียวเฉวียนยิ้มเยาะ “ข้าอยู่ขั้นสี่ ชนะศึกรัฐไป๋ลู่ ข้าจงได้เลื่อนอีกขั้น”
เซียวเฉวียนบอกเสียงดัง กลัวว่าจ้าวจินไหลไม่ได้ยิน
คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างพากันหูผึง จ้าวจินไหลโกรธมาก “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้”
เซียวเฉวียนยิ่งพูดยิ่งเสียงดัง “แต่แล้วอย่างไร นี่คงจะไม่ได้เอาชัยชนะของรัฐไป๋ลู่มาเดิมพันหรอกนะ?”
“คนต้าเว่ยนี่ก็แปลกเสียจริง เจอเซียวเฉวียนเพียงเพื่อเดิมพันเท่านั้น แต่พวกเขายิ่งแพ่ยิ่งเดิมพัน ยิ่งเดิมพันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น”
นัยน์ตาของเซียวเฉวียนเปล่งประกาย “แม้แต่ชีวิตของประชากรในรัฐไป๋ลู่ก็ไม่เสียดาย”
“จ้าวจินไหล สมแล้วที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงวาดหวังไว่ที่จ้าค่อนข้างสูง”
ฮ่องเต้องค์ก่อน....
จ้าวจินไหลตะลึง “ไม่ ไม่ ข้าไม่ ข้าไม่เอา!”
“เซียวเฉวียน ข้าไม่เชื่อเจ้า ข้าผิดพลาดตรงไหน? ข้าให้ฝ่าบาทเสด็จไปช่วยหลือเว่ยเชียนชิวมันผิดตรงไหน”
“เจ้าเป็นแค่ขุนนางขั้นห้า ฉินเซิงก็ยังเข้าชนะจอมยุทธิ์ไม่ได้ เจ้าจะอาชนะได้หรือ?”
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”
ดูท่า จ้าวจินไหลคงจะไม่รู้ว่าผิดตรงไหน
“เจ้าไม่ชื่อเซียวเฉวียน ไม่ผิด”
“เจ้าไม่เชื่อฝ่าบาท ผิดมหันต์”
“จ้าวจินไหล เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าต้องให้เกียรติราชวงศ์ โอรสสวรรค์จ้าจะไม่สนได้อย่างไร?”
เซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ จ้าวจินไหลได้สติ และตื่นจากภวังค์!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...