ตอน บทที่ 460 ซุ่มโจมตีจากทั่วสารทิศ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 460 ซุ่มโจมตีจากทั่วสารทิศ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เซียวเฉวียนยังคงสงบนิ่ง กระทั่งถามคำถามนี้จบก็กระดกเหล้าหนึ่งอึกอย่างสบายอารมณ์
ฮ่องเต้เป็นคนเฉลียวฉลาด ในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดเซียวเฉวียนที่ได้รับตำแหน่งคืนถึงไม่สวมชุดข้าราชการข้ามา แต่เลือกจะใช้ชุดธรรมดาแทน
เซียวเฉวียนกราบทูลฮ่องเต้ด้วยน้ำสียงรื่นหู “หากฝ่าบาทไม่พระราชทานให้กระหม่อมเป็นเจ้าปกครอง กระหม่อมไม่ขอกลับมาอีก”
ฮ่องเต้คลี่ยิ้ม เข้าใจเป็นอย่างดี “เจ้าต้องการให้ข้าแก้ไขความไม่เป็นธรรมของเจ้าอย่างไร? คนที่สิ้นใจไปแล้ว เจ้าก็ไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่ก็ไม่ถึงกับต้องถูกเนรเทศ”
เว่ยเป่าน้องชายของเว่ยชิงอยู่ที่นี่ ฮ่องเต้คงจะตรัสอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ ทำได้แค่ใช้คนที่ตายไปแล้วมาเป็นตัวแทนของเว่ยชิง
ปากเล็ก ๆ ของเว่ยเป่าเคี้ยวผลไม้ ‘จ๊วบจั๊บ’ เด็กเพิ่งสี่ห้าขวบ ไม่ตั้งใจฟังหรอก
“ข้าได้ยินมาว่า คนที่ข้าเนรเทศ คือจ้าวจินไหลและเหล่าขุนนาง”
เซียวเฉวียนเลิกคิ้วสูง “บังเอิญยิ่งนัก ฝ่าบาทและจ้าวจินไหลมีเดิมพันต่อกัน แม้ว่าแม่ทัพฉินเซิงจะมีชีวิตที่ลำบากท่ามกลางสงครามของรัฐไป๋ลู่ แต่ถ้าไม่มีกลอุบาย เขาก็เอาชนะไม่ได้”
“ได้โปรดฝ่าบาทเดิมพันกับจ้าวจินไหล ลดตำแหน่งของจ้าวจินไหล ให้เขาไปเดินเตร่สามวัน”
“ได้” ฮ่องเต้ตอบรับอย่างอารมรณ์ดี “เดิมทีนี่เป็นข้อตกลงของจ้าวไท่ชิงและข้าอยู่แล้ว เจ้าจะพูดหรือไม่พูด เรื่องนี้ก็ต้องได้รับการจัดการอยู่แล้ว”
“พะยะค่ะ” เซียวเฉวียนคลี่ยิ้ม “หลังจากที่กระหม่อมเป็นพระราชบุตรเขยแล้ว จ้าวจินไหลไม่เคยยอมรับ เพื่อระบายความแค้นส่วนตัว จึงบีบให้ข้าโดนเนรเทศ”
“ฝ่าบาท ขุนนางเช่นนี้ เก็บเขาไว้จะมีประโยชน์อะไร?”
เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว กล้านำข้าราชการกว่าสองร้อยคนมากดดันให้ฮ่องเต้ต้องตัดสินใจ
นี่คือความผิดฐานทรยศต่อราชสมัย เพียงแต่จักรพรรดิแห่งต้าเว่ยอ่อนแอเกินไป ขุนนางที่ทรยศเหล่านี้ นอกจากจะถูกควบคุมตัวอย่างเข้มงวดแล้ว ทำได้แค่อดทน
แต่ฮ่องเต้ทนได้ไม่พ้นวัน
“วันนี้จ้าวจินไหลบีบบังคับให้ฝ่าบาททรงปล่อยตัวขุนนาง แต่ในอนาคตต้องมีสักวันที่จ้าวจินไหลต้องบีบบังคับให้ฝาบาททรงสังหารคนที่ไม่อยากสังหารก็ได้”
“ทันทีที่อัครเสนาบดีจูตายไป จ้าวจินไหลก็เป็นใหญ่ที่สุด ฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ปรารถนาจะฆ่าเขาหรือ?”
ฮ่องเต้มีสีหน้าเคร่งครึม
มือของเว่ยอวี๋และเว่ยเป่าหยุดชะงัก ขาก็แทบยืนไม่ไหว
เว่ยอวี๋เหงื่อเย็นแตกพล่าน ไอหยา ทำไมรู้สึกเหมือนถูกซุ่มโจมตีตอนกินข้าวอย่างไรอย่างนั้น?
ชิงหลงกลับดีอกดีใจ นี่คือเรื่องของต้าเว่ย ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
เซียวเฉวียนสบตากับฮ่องเต้ นัยน์ตาเปล่งประกายแวววาว
เซียวเฉวียนออกไปข้างนอก แต่มันไม่เหมือนกัน แววตากลับยิ่งเด็ดเดี่ยวมากขึ้น จิตสังหารก็ยังทวีคุณมากขึ้น
เซียวเฉวียนมีชีวิตที่ฮ่องเต้ทรงปรารถนา รื่นรมย์กับการแก้แค้น
“ฝ่าบาท ท่านต้องมีอิสระให้ตัวเอง”
“มิเช่นนั้น” เซียวเฉวียนเงยหน้า “ท่านจะรักษาใครไว้ไม่ได้”
ประโยคนี้ไม่หมือนกับคำโน้มน้าวของขุนนางแต่อย่างใด เหมือนกับคำแนะนำนของผู้เป็นพ่อมากกว่า
เว่ยอวี๋กล่าวต่ออย่างวางมาด “ใช่ เรื่องที่เว่ยเชียนชิวกดขี่เจ้าไว้ช่างมันเถอะ ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งบอกไม่บีบให้สละราชย์ก็เหมือนถูกบีบบังคับอยู่ดี ความอิสระนี้ดูต่ำเกินไป”
“วันไหนวันหนึ่ง พวกเขาไม่ชอบหน้าข้าและไทเฮาขึ้นมา บังคับให้เจ้าฆ่าเราขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
“ไอหยา ท่านอ๋อง....” ขันทีหม่าถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พูดสิ่งอัปมงคลเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร
“มันคือความจริง! ปกป้องได้ไหมล่ะ? หากเว่ยเชียนชิวฆ่าเว่ย....” เว่ยอวี๋ชำเลืองมองเว่ยเป่าแวบหนึ่ง จากนั้นก็กลืนคำว่า ‘ชิง’ ลงคอไป “คนผู้นั้น ฝ่าบาททรงปกป้องได้ไหมล่ะ?”
“เซียวเฉวียนกล่าวไว้ คนผู้นั้นได้ขโมยยาอายุวัฒนะไปแล้ว เซียวเฉวียนไม่ได้โกหก คนผู้นั้นขโมยยาไปจริง ๆ”
“เว่ยชียนชิวไม่สบอารมณ์ ถึงขั้นฆ่าคนผู้นั้น”
“ไม่ว่าโลกนี้จะมียาอายุวัฒนะหรือไม่ เซียวเฉวียนคือคนหล่อหลอมยาด้วยตัวเอง ต่อให้จ้าตัวจะเปลี่ยนจากเทพเซียนเป็นเซียนแห่งยา ก็ไม่มีปัญหา”
“เซียวเฉวียนหลอมยาเพื่อกินเอง จะชื่ออะไร ก็แล้วแต่เขา! อ่า เจ้ากินยาอายุวัฒนะข้าไปแล้วไม่แก่ จะโทษเซียวเฉวียนได้อย่างไร?”
“ขนมเปี๊ยะภรรยาที่ไม่มีภรรยา!กินขนมโดโซะจีนก็ไม่เห็นจะเฟื่องฟู”
จ้าวจินไหลและอัครเสนาบดีจูมีอำนาจสูงสุด มีรากฐานลึกซึ้ง ไม่ใช่บอกจะฆ่าก็ฆ่าได้เลย
หลังจากอัครเสนาบดีจูสิ้นใจ ฮ่องเต้ผันตัวเองมาเป็นอัครเสนาบดีแทน แต่ไม่เคยสำเร็จ
เพราะอัครเสนาบดีจูมีรากฐานที่ลึกซึ้ง
แม้ว่าจ้าวจินไหลจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเว่ยเชียนชิว ดูท่าจะจงรักภักดี แต่กลับยึดมั่นในความคิดของตัวเอง ไม่พึ่งพิงเว่ยเจียนกั๋ว และไม่สนับสนุนฮ่องเต้
เว่ยอวี๋พูดถูก บัดนี้จ้าวจินไหลเป็นขุนนางผู้สูงส่ง บีบให้สละราชย์ได้หนึ่งครั้ง ก็ต้องบีบได้อีกเป็นครั้งที่สอง
เขาเป็นถึงฮ่องเต้ อึดอัดเกินไป
“ฝ่าบาท โอรสสวรรค์รัชสมัยหนึ่ง ขุนนางรัชสมัยหนึ่ง”
เซียวเฉวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ขุนนางอาวุโสเหล่านี้ไม่ใช่คนของเว่ยเชียนชิว แต่เป็นคนของฮ่องเต้องค์ก่อน ทุกคนได้รับความโปรดปราน พอข้ามเส้น ก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าจ้าวจินไหลไม่บีบให้สละราชย์ ฮ่องเต้ก็คงทนเขาต่อได้
ช่วยไม่ได้ จ้าวจินไหลรนหาที่ตายเอง
ฮ่องเต้ทรงคิดว่าเขาคือคนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงรับเลือก จึงไม่เคยแตะต้อง
บัดนี้เซียวเฉวียนพูดเรื่องที่ฮ่องเต้ปรารถนาจะทำมาโดยตลอด
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”
เซียวเฉวียนกระดกเหล้า เขามีหนทางของตัวเอง ทำให้จ้าวจินไหลถูกประหาร
ทันทีที่จ้าวจนไหลตาย เรื่องที่ถูกเนรเทศก็จบลง เซียวเฉวียนเสนอเงื่อนไขที่สอง “ฝ่าบาท นอกจากจ้าวจินไหลแล้ว กระหม่อมยังอยากได้คนที่สอง”
“ใคร?”
“ฉินหลัง ผู้กระทำผิดในคดีของเสิ่นฉี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...