สรุปตอน บทที่ 472 วิถีแห่งสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 472 วิถีแห่งสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“เหตุใดจึงสับสนเช่นนี้!” ปีศาจกวีตวาด จงใจพยายามควบคุมความคิดของเซียวเฉวียน ปีศาจกวีชี้องค์หญิง “ดูหญิงคนนี้สิ นางมีผิวบางและเนื้อนุ่ม ถ้านางอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน นางจะทนไม่ไหวแล้ว!”
หลังจากพูดอย่างนั้น จู่ๆ ปีศาจกวีก็โบกมือ ไป๋ฉี่ที่ยืนอยู่ข้างเขาก็กลอกตาแล้วหมดสติทรุดลงพื้น
ผลก็คือ คนเดียวที่ตื่นอยู่คือเซียวเฉวียน พ่อของเขาและปีศาจกวี
“อาจารย์ ท่าน...”
“รอให้เกิดกระแสพลังเพิ่มขึ้น เจ้าจะไม่รู้สึกอะไรเลย หากไป๋ฉี่ตื่น เขาอาจเจ็บปวดมาก ถ้าเขาหมดสติก็จะไม่อึดอัดนัก”
ปีศาจกวีถือพู่กันแล้วยิ้ม “ไม่เป็นไร ชายคนนี้เป็นผู้อารักขาอันล้ำค่าของเซียวเฉวียน ดังนั้นข้าจะอ่อนโยนกับเขา”
ใบหน้าปีศาจกวีเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าข้าทำให้เขาพ่ายแพ้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง และเจ้าต้องขอบคุณข้าที่ทุบตีลงไป
“เร็ว เร็วเข้า! ท่องบทกวีมาเร็ว!” ปีศาจกวีเร่งเร้า หากเขายังไม่ท่องบทกวี องค์หญิงก็จะทนไม่ไหวแล้ว
ท้ายที่สุดแล้วกวีสมุทรคุนหลุนไม่ใช่สถานที่ที่คนนอกสามารถเข้ามาได้ คำพูดของปีศาจกวีไม่ใช่การโกหกจริงๆ
“เอานี่ ผูกมันไว้” เซียวเทียนหยิบแถบผ้าสีแดงออกมาและให้เซียวเฉวียนปิดตาเขาไว้
“นี่ทำอะไรหรือ?”
“มวลผกางามตาน่าหลงใหล จิตใจก็เต็มไปด้วยความสับสนนับล้าน หลับตาแล้วเจ้าจะใส่ใจได้มากขึ้น พลังบทกวีของเจ้าจะมากขึ้นเช่นกัน” เซียวเทียนอธิบายอย่างสงบด้วยร่องรอยของความฝืนใจและคิดถึงลูกของตนที่แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา
“ได้” เป็นเรื่องยากสำหรับเซียวเฉวียนที่จะสวมผ้าสีแดงอย่างเชื่อฟัง แต่ท้ายที่สุดแล้วคนหนึ่งเป็นบิดาผู้ให้กำเนิด และอีกคนเป็นอาจารย์ของเขา สองคนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟัง
“เจ้าหนู ท่องมาตามความต้องการของข้า อย่างน้อยสิบบท ไม่มีบทใดขาดหายไปได้”
“ได้”
“จำข้อกำหนดสามข้อที่ข้าให้ไว้ด้วย เริ่มได้แล้ว”
เพียงปีศาจกวีบอกให้เริ่ม ราวกับเสียงระฆังโบราณอันทุ้มลึกที่แหบแห้งและว่างเปล่าสามารถทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงได้
จริงที่สุด
เศร้าที่สุด
สมบูรณ์ที่สุด
เซียวเฉวียนท่องข้อกำหนดทั้งสามนี้ในใจเงียบๆ แล้วเริ่มคิดถึงบทกวีที่ตรงตามเงื่อนไข
ในประวัติศาสตร์จีนนั้น ตั้งแต่น่าหลานซิ่งเต๋อ[1] ไปจนถึงซูซื่อ[2] รวมถึงหยวนเจิ่น[3]และคนอื่นๆ มีบทกวีหลายบทที่ตรงตามข้อกำหนดทั้งสามข้อนี้ สิบบท เซียวเฉวียนมีมันอยู่เพียงปลายนิ้วของเขาจริงๆ
“ถ้าชีวิตคนเป็นเหมือนแรกพบ เหตุใดลมฤดูใบไม้ร่วงยังต้องพัดมาให้เศร้าใจ”
“คนมักกล่าวว่าอาทิตย์อัสดงคือจุดสิ้นสุดของโลก แต่เมื่อมองจุดสิ้นสุดของโลกกลับไม่เห็นเรือนตน”
“สุดปลายแผ่นดินโลกยังมีที่สิ้นสุด มีเพียงความรักที่ไร้จุดสิ้นสุดลง”
...
...
เซียวเฉวียนมุ่งความสนใจของเขาท่องบทกวีที่เก้า
“เจ้าฝังกระดูกไว้ในโคลนฤดูใบไม้ผลิ แต่ข้าจากโลกไปพร้อมหิมะขาวเต็มศีรษะ”
เจ้าจากไปแล้ว กระดูกเจ้ากลายเป็นทราย แต่ข้ายังคงมีชีวิตอยู่ในโลกจนผมขาวหงอกเต็มศีรษะ
บทที่สิบ
เซียวเฉวียนพึมพำ “สิบปีแห่งชีวิตและความตายนั้นพร่าเลือน ไม่ต้องคิดถึงแต่จะไม่มีวันลืม สุสานอันโดดเดี่ยวนับพันลี้ ไม่มีสถานที่ใดกล่าวถึงความอ้างว้าง แม้จะพบกันก็อาจไม่รับรู้ ใบหน้าของเราก็จะ หน้าเปื้อนไปด้วยฝุ่น วัดวาอารามเป็นเหมือนน้ำค้างแข็ง”
น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเซียวเฉวียน
บทกวีนี้เข้ากับสถานการณ์ นี่เขาไม่ได้กำลังพูดถึงการพบกันระหว่างเขากับพ่อหรือ?
แม้เดิมทีซูซื่อจะเขียนบทกวีนี้เพื่อรำลึกถึงภรรยาผู้ล่วงลับของเขา แต่ความปรารถนาและความทรงจำของผู้คนในบทกวี การแยกจากกันตลอดกาลนั้น ความโศกเศร้าบีบคั้นหัวใจถือเป็นเรื่องธรรมดา
ลมหายใจที่เอ้อระเหยและน่ากลัวขึ้นมาจากอกของเซียวเฉวียน ในใจเขามีความวิตกกังวลและความเสียใจ
ภายในกวีสมุทรคุนหลุน การท่องบทกวีสามารถสัมผัสใจผู้คนได้มากยิ่งขึ้น
โชคดีที่ได้ท่องบทกวีทั้งสิบบทแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงร้องไห้เพราะบทกวีเหล่านั้นถ้าเขายังต้องท่องต่อไป
“ท่านพ่อ ท่านอาจารย์ดีแล้วหรือไม่?”
เซียวเฉวียนกะพริบตา ขนตาปัดแถบผ้าออกไป ไม่มีใครตอบ
ไม่มีเสียงใด
“ท่านพ่อ?”
หัวใจเซียวเฉวียนตึงเครียด “ท่านอาจารย์?”
เขาถอดแถบผ้าออกทันที เขาคิดว่าตนจะมองไม่เห็นพวกเขาอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นว่าเซียวเทียนและปีศาจกวียังคงอยู่ที่นั่น
เซียวเฉวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากฟังลูกชายของเขาท่องบทกวี เซียวเทียนก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ลูกของข้า ปีศาจกวีเคยกล่าวไว้ว่าเจ้ามีความสามารถโดดเด่น ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องจริง”
เซียวเฉวียนตกตะลึง หากน้ำนี้เต็มกวีสมุทรคงไม่มีหญ้าเติบโตที่นี่ได้อย่างแน่นอน!
เช่นนั้นท่านพ่อกับท่านอาจารย์จะอยู่ได้อย่างไร?
“ท่านหลอกข้าอีกแล้ว! ตาเฒ่า!”
เซียวเฉวียนกำหมัดแน่น ไม่แปลกเลยที่ปีศาจกวีอยากให้ไป๋ฉี่หมดสติ!
ด้วยวิธีนี้จะไม่มีใครในโลกรู้ว่าพวกเซียวเฉวียนออกไปได้อย่างไร
เช่นนั้นก็จะมีเพียงเซียวเฉวียนเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับการเสียสละของเซียวเทียนและปีศาจกวี เซียวเฉวียนจะไม่ต้องรับโทษข้อหาสังหารพ่อและอาจารย์
แม้เซียวเฉวียนจะไม่ได้ทำเช่นนี้ด้วยความคิดริเริ่มของเขาเอง แต่ก็ยังน่ากลัวอยู่
ท้ายที่สุดแล้วปีศาจกวีมีความตั้งใจดีและไม่ต้องการให้เซียวเฉวียนมีชื่อเสียงเช่นนั้น
“หยุดนะ!” เซียวเฉวียนส่ายหัว “เราต้องมีวิธีอื่นแน่!”
เซียวเฉวียนไม่สนใจว่ากวีสมุทรจะอยู่หรือสูญสิ้นไป แต่เขาต้องการให้พ่อและอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่! แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงแค่จิตสำนึกของพวกเขาก็ตาม!
เซียวเฉวียนมองดูน้ำที่กระเซ็นจากท้องฟ้าและเทลงสู่พื้นโลกอย่างต่อเนื่อง “หยุด! หยุดนะ!”
“ลูกข้า ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้”
“ไม่! ข้าไม่ยอม!”
“ข้าไม่ยอม!”
เซียวเทียนและปีศาจกวีดูเหมือนจะคาดไว้แล้วว่าเซียวเฉวียนจะเป็นเช่นนี้ พวกเขาเข้าใจโดยปริยายและยิ้มให้เซียวเฉวียนในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มนั้นเปรียบเสมือนแสงแดดอันอบอุ่นในฤดูหนาว หากแต่ก็เหมือนก้อนน้ำแข็งที่กำลังจะแตกสลาย
พวกเขาหันหลังกลับแล้วรีบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เซียวเฉวียนตะโกนด้วยความไม่ยินยอม “กลับมา! กลับมา!”
..........
เชิงอรรถ
[1] น่าหลานซิ่งเต๋อ (纳兰性德) เป็นนักกวีชาวแมนจูสมัยราชวงศ์ชิง
[2] ซูซื่อ (苏轼) เป็นนักเขียน ช่างอักษร และจิตรกรในราชวงศ์ซ่งเหนือ
[3] หยวนเจิ่น (元稹) เป็นนักกวีสมัยราชวงศ์ถัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...