บทที่ 473 การโป้ปดที่แสนทรมาน – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 473 การโป้ปดที่แสนทรมาน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เซียวเทียนกับปีศาจกวีพุ่งไปบนท้องฟ้าสุกสกาวอย่างไร้ความลังเลทันที หลังจากนั้นพลังของพวกเขาก็ถูกปลุกเสก น้ำก็ยิ่งมหาศาลมากขึ้น
"ท่านพ่อ!"
"อาจารย์!"
เซียวเฉวียนร้องเรียกเสียงดัง ทว่าสมองกลับเริ่มเลือนรางขึ้นมาเสียแล้ว
บัดนี้เซียวเฉวียนคือผู้ที่สัมผัสถึงกวีสมุทรได้ กวีสมุทรถูกทำลายจนวุ่นวายเช่นนี้ เซียวเฉวียนจึงได้รับผลกระทบเป็นการชั่วคราว
เซียวเฉวียนทราบดีว่าการที่บิดากับอาจารย์ทำเช่นนี้นั้น ไม่เพียงเพื่อช่วยให้เขาออกไปจากที่นี่ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินซูโหรวให้สิ้นซากด้วย
ทว่า...
ไม่ เซียวเฉวียนยอมที่จะอีนุงตุงนังกับฉินซูโหรวไปตลอดชีวิต แต่จะไม่ยอมให้บิดากับอาจารย์หายไปอย่างเด็ดขาด!
"ท่านพ่อ! ไม่เอา!"
น้ำขนาดมหึมาแปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างเกลียวคลื่น เริ่มม้วนกลืนกวีสมุทรคุนหลุนอย่างรวดเร็ว!
ในสมองของเซียวเฉวียนกับกวีสมุทรตอนนี้เหมือนกัน คล้ายกับถูกคลื่นปกคลุมฟ้าดินพาดผ่าน สมองส่งเสียงหึ่ง ๆ ไม่หยุด เขาตาลายและมึนงง ฉากตรงหน้าไม่สมบูรณ์อีกต่อไปแล้ว คล้ายกับกระจกก็ไม่ปาน ยิ่งแตกหักมากยิ่งขึ้น ยิ่งแตกหักมากเข้าไปอีก สุดท้ายกลายเป็นดาวดวงเล็กดวงน้อย...
มีสติหน่อย!
มีสติหน่อย!
เซียวเฉวียนฟาดฝ่ามือตบใบหน้าของตนเองอย่างแรงไปหนึ่งหน บังคับตนเองไม่ให้สลบไป!
เห็นเพียงแค่เกลียวคลื่นขนาดใหญ่กำลังพุ่งไปยังเซียวเฉวียนแล้วเท่านั้น เซียวเฉวียนเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้วจึงรีบพยุงไป๋ฉี่ทันที
คิดไม่ถึงเลยว่าเกลียวคลื่นมหึมานั่นจะตีพุ่งเข้ามาหาเซียวเฉวียน ทว่ากลับแปรเปลี่ยนเป็นพลังสายหนึ่งอย่างรวดเร็ว คล้ายกับน้ำที่มองไม่เห็นทำให้เซียวเฉวียนกับไป๋ฉี่ลอยอยู่ทางด้านบน กระทั่งองค์หญิงกับชิงกั่วเองก็ถูกน้ำที่มองไม่เห็นพัดลอยอยู่ทางด้านบนด้วยเช่นเดียวกัน
กวีสมุทรส่งเสียงร้องโหยหวนไปทั่ว หลังวิหคและสัตว์ร้ายสัมผัสน้ำเข้าให้แล้ว ทุกอย่างต่างก็ล้วนแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างเรืองรอง มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเมื่อพวกมันสัมผัสกับน้ำแล้ว พวกเขาจะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด พวกมันสัมผัสกับน้ำจะต้องเจ็บปวดราวกับถูกกินกระดูกเลยก็ไม่ปานเป็นแน่น!
แม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าเหล่านั้นต่างก็กำลังสั่นสะเทือนกันอย่างบ้าคลั่ง!
ส่วนน้ำเหล่านี้เมื่อสัมผัสเข้ากับเซียวเฉวียนคนเป็นเหล่านี้แล้ว กลับมีพลังที่มองไม่เห็นมองประคองพวกเขาในลอยอยู่กลางฟ้า
รอเมื่อถึงยามที่น้ำเต็มที่นี่แล้วจะทำอย่างไรกับท่านพ่อและอาจารย์ดี?
เซียวเฉวียนที่กระวนกระวายกลับมองไม่เห็นว่าพวกเขาอยู่ตรงไหน
ตอนนี้เซียวเทียนกับปีศาจกวีจงใจหลบเลี่ยงเซียวเฉวียน กำลังอยู่ ณ มุมไหนสักมุมหนึ่งของกวีสมุทร พวกเขากำลังรอคอยอย่างสงบ รอให้ระดับน้ำสูงเพียงพอที่จะส่งเซียวเฉวียนพวกเขาออกไป
"ท่านพ่อ!"
"อาจารย์!"
"รีบหยุดมือเร็วเข้า!"
เซียวเฉวียนคำรามอยู่กลางอากาศ ช่วงเวลา ณ ตอนนี้บรรยากาศงดงามของกวีสมุทรได้มลายหายไปครึ่งใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บุปผาวิหคแมลงและมัจฉา ต้นไม้ดอกไม้และใบหญ้าเหล่านั้นแตกละเอียดเป็นแสงสีสาวลำเล็กลำน้อย ลอยละล่องอยู่กลางวารี
จากระดับน้ำที่เพิ่มสูงมากขึ้น สมองของเซียวเฉวียนก็ยิ่งเลอะเลือนมากยิ่งขึ้นไปอีก ในหนนี้สมองจะกลายเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ
บนสวรรค์ชั้นเก้า สุรเสียงหัวร่อคิกคักของปีศาจกวีดังลอยมา
"ศิษย์เอ๋ย! มิต้องกลัว! หลังจากออกไปแล้วให้ลืมเรื่องราวในนี้ทั้งหมดเสีย!"
"ข้าทิ้งชาวยุทธ์แท้ให้กับเจ้าไปผู้หนึ่ง นามว่าเถ๋าจี๋ อยู่ที่ป่าไผ่นอกเมือง วันเวลานี้เขาคงจะฝึกฝนจนสำเร็จแล้ว"
"รับมือเว่ยเจียนกั๋ว เขาคงจะมีประโยชน์อยู่บ้าง!"
"ข้าไม่อยากฟังสิ่งเหล่านี้!" ดวงตาของเซียวเฉวียนมีหยาดน้ำตาหนึ่งสายไหลริน "ไม่ออกไปแล้ว! ข้าไม่ออกไปแล้ว! ท่านหยุดมือประเดี๋ยวนี้!"
"เจ้าหมอนี่! มนุษย์ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมีวันจากลา มิจำเป็นต้องทำเช่นนี้!"
การที่ปีศาจกวีกล่าวออกมาเช่นนี้นั้น ในน้ำเสียงไม่ยี่หระกลับมีความกล้ำกลืนอยู่เล็กน้อย
สุรเสียงของเซียวเทียนกลับมิได้ปรากฏให้ได้ยินเลย
ภูผาแม่น้ำแตกละเอียด บัดนี้ระดับน้ำเพิ่มสูงแล้ว กระทั่งท้องฟ้ากลุ่มเมฆทางฝั่งนั้นก็เริ่มแตกละเอียดแล้ว
ร่างกายของเซียวเฉวียนถูกพลังที่มองไม่เห็นที่ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นลากไป เขาอยู่ห่างจากปากทางออกนั้นใกล้เข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ส่วนเซียวเทียนกับปีศาจกวีนั้นต่างก็หลบจนไม่รู้ว่าจะหลบอย่างไรแล้ว
แม้ตอนนี้ระดับน้ำจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าใจของเซียวเทียนและปีศาจกวีที่อยากจะส่งเซียวเฉวียนออกไปนั้น มันช่างมั่นคงแน่วแน่อย่างไร้เทียบเทียม
ลำแสงของหมื่นสรรพสิ่งกวีสมุทร บัดนี้กลายเป็นดวงดาวลอยอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเซียวเฉวียน ดาวดวงเล็กดวงน้อยเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น เบียดเสียดกันมากยิ่งขึ้น
"ท่านพ่อ!" เซียวเฉวียนสบตามองปากทางออกนั่นที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ อดกลั้นต่อสมองที่กำลังเลือนราง "อาจารย์ ให้ข้าได้เห็นพวกท่านสักครั้ง แค่ครั้งเดียว!"
"เฮ้อ..."
เซียวเทียนส่งเสียงทอดถอนใจออกมาเบา ๆ หนึ่งเสียง มันกำลังสะท้อนกลับไปกลับมาบนฟ้า
เขาปรากฏกายตรงหน้าเซียวเฉวียน น้ำของกวีสมุทรเติมเต็มในช่องว่างทั้งหมดทันที ทว่าเขากลับยังคงมีท่าทีเรียบเฉยอยู่
"ท่านพ่อ" ดวงตาของเซียวเฉวียนไม่เบนห่างออกไปจากใบหน้าของเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะเกรงว่าจะมองไม่เห็นอีกแล้ว "หยุดมือเถิด ข้าจะคิดหาวิธีอื่นออกไป"
"เฉวียนเอ๋อร์ ดูแลมารดาเจ้ากับจิงเอ๋อร์ให้ดี แล้วก็ดูแลตัวเจ้าเองให้ดีด้วย"
ทุกคำพูดของเซียวเฉวียนไม่กล่าวถึงความเค้นใดเลย บางทีอาจเป็นเพราะเห็นจนชินตาแล้ว หรือบางทีอาจเป็นเพราะไม่สนใจแล้ว ดวงตาสุกสกาวของเขาสบตามองบุตรชาย กล่าวทีละคำทีละประโยคว่า "อย่ารีบร้อนไปเสียทุกเรื่อง"
"พ่อดีใจที่ได้พบเจ้า"
ดวงตาของเซียวเทียนส่องแสงเป็นประกายวับวาว น้ำเสียงราวกับว่ากำลังสั่งเสียคนรุ่นหลังก็ไม่ปาน ทำเอาเซียวเฉวียนบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก "ข้าไม่อยากฟังเรื่องนี้! ท่านรีบหยุดน้ำเร็วเข้า!"
"เฉวียนเอ๋อร์ ของสิ่งนี้ เจ้าต้องจดจำไว้"
เซียวเทียนโบกมือหนึ่งหน ตรงหน้าปรากฏวัชพืชต้นหนึ่งออกมา
"นี่คือดาวมฤตยูของชาวยุทธ์แท้ ชาวยุทธ์แม้มิได้อาศัยคำกลอนขับเคลื่อน แต่อาศัยกำลังภายในกับทักษะ"
"วัชพืชนี้นามว่าอสุรา กำเนิด ณ สถานที่หนาวเหน็บแห้งแล้งในซินเจียง เป็นอาหารของชาวยุทธ์แท้ สามารถทำลายร่างกายผู้อื่นได้"
"จดจำได้แล้วใช่ไหม?"
อวิ๋นกั่วที่เฝ้าอยู่ที่ปากบ่อมาโดยตลอดกล่าวร้องด้วยความปีติไปทั้งน้ำตา
ทุกคนรับเข้าไปคว้าสองสามีภรรยาที่เปียกปอนให้ขึ้นมาทันที
พวกเขาที่พึ่งจัดการอะไรเสร็จสรรพไป เซียวจิงร้องกล่าวอยู่ตรงปากบ่อ ใช้ไปในน้ำ "ท่านพี่ไป๋ฉี่! ชิงกั่ว! รีบเข้าไปลากพวกเขามาด้วยเร็ว!"
"เร็ว ๆ ๆ!"
ทุกคนต่างยุ่งวุ่นกันมือไม้เป็นระวิง ทุกท้ายก็คว้าทั้งสี่คนขึ้นมาด้านบนได้สำเร็จ
จมูกของชิงหลงขยับไปมา สูดดมกลิ่นหอมประหลาดบางเบาสายหนึ่งที่มีอยู่บนร่างกายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ทราบว่านั่นคือกลิ่นของกวีสมุทร
ปากบ่อเช่นนี้กลับสามารถบรรจุได้ถึงสี่คนเลยหรือ?
ชิงหลงขมวดคิ้วแน่นทันที จับชีพจรเซียวเฉวียนกับองค์หญิง ร่างกายนั้นมิเป็นไร เพียงแค่เมื่อครู่นี้เขาได้ทำการสำรวจกันไปแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเซียวเฉวียนพวกเขาไม่ได้อยู่ในบ่อน้ำ แต่เหตุใดจึงออกมาจากบ่อน้ำได้กันเล่า?
...
กวีสมุทร
"เหตุใดท่านต้องโป้ปดเขา"
ในกวีสมุทรว่างเปล่า เซียวเทียนยกยิ้มอย่างไร้ทางเลือก "บุตรข้าจะเสียใจขนาดไหนกับนะ"
"มิให้เขาคิดว่าพวกเราไม่อยู่แล้ว หากเขาคิดอยากที่จะกลับเข้ามาในกวีสมุทรทุกวี่ทุกวันจะทำเช่นไร?"
ปีศาจกวีทิ้งก้นนั่งลงบนพื้นหญ้าชอุ่ม "หนนี้ออกไปยังลำบากเช่นนี้ จมสรรพสิ่งทุกอย่างถึงจะสามารถมีพละกำลังให้เขาออกไปได้"
"คราวหน้าถ้าเจ้าหมอนี่มาอีกยังจะมีสิ่งใดทำให้เขาออกไปได้?"
"อีกอย่างให้เขาคิดว่าพวกเราหลุดพ้นแล้ว มันคงเป็นการดีกว่าที่เขาจะคิดว่าเราต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลกระมัง"
คำพูดของปีศาจกวีมิได้ไม่มีเหตุผล "วางใจเถิด กวีสมุทรถูกทำลายจนเป็นเช่นนี้แล้ว มีเพียงแค่เปลือกว่างเปล่า ตอนนี้พันธะโลหิตระหว่างเขากับฉินซูโหรวอ่อนกำลังจนสามารถเพิกเฉยไม่ถือสาได้แล้ว"
"ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!"
ปีศาจกวีหัวเราะร่า ล้มตัวลงนอนบนพื้นดินชอุ่ม "ข้าจะนอนแล้ว! วางใจเถิด บุตรชายท่านมากความสามารถ เขาไม่หวาดกลัวต่อเว่ยเชียนชิวคนชั่วนั่นหรอก!"
"ท่านก็มิได้เป็นเพราะเชื่อใจในบุตรชายข้า ดังนั้นเลยนำเรื่องอสุราบอกกับเขาไปหรอกหรือ?"
"เมื่อครู่นี้มิใช่กล่าวกับเขาไปตั้งมากมายแล้วหรอกหรือไร ตอนนี้กลับอาลัยเสียแล้วรึ?" ปีศาจกวีหัวเราะเยาะทันที เซียวเทียนเม้มริมฝีปากแน่น ทว่ากลับไม่กล่าวสิ่งใดเช่นเดียวกัน
เขากำลังสบตามองปากทางออกที่อยู่บนฟ้านั่น มองดูอย่างเนิ่นนาน กำลังสบตามองอยู่
...
จวนเซียว
หลังเซียวเฉวียนถูกลากขึ้นมาก็สลบไสลมาโดยตลอด ชิงหลงกระวนกระวายใจอย่างน่าประหลาด มักรู้สึกว่าจะต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตกระไรขึ้นมาอย่างแน่นอน ทว่ากลับไม่รู้ว่าคือสิ่งใด
หากชิงหลงทราบว่ากวีสมุทรของคุนหลุนอันศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายไปแล้วละก็ คงต้องระเบิดโทสะเป็นแน่ มีอย่างที่ใดที่จะมาเป็นห่วงเซียวเฉวียนกัน?
"ท่านพ่อ..."
เซียวเฉวียนพึมพำออกมาหนึ่งประโยค
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...