จ้าวอีโต้วมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเว่ยเชียนชิว และต้องขอบคุณความสัมพันธ์ของเว่ยเชียนชิวที่ทำให้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากขุนนางระดับ7 ไปสู่ที่ขุนนางระดับที่ 6
หากจะบอกว่าจ้าวอีโต้วมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมก็ไม่ได้ เพราะเขามีไม่มากจริงๆ หรือจะคาดหวังให้เขามีความสามารถก็เป็นเรื่องที่ยาก
ในอดีตเมื่อจ้าวอีโต้วเข้าร่วมการสอบขุนนางระดับเคอจี่ เขานั้นเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับตำแหน่งจิ้นซื่อ ถ้าขาดเพียงหนึ่งคะแนนก็จะไม่ผ่านการสอบได้
นอกจากนี้ครอบครัวของจ้าวอีโต้ว ไม่ร่ำรวยเท่ากับครอบครัวของจ้าวจิน หากจะสร้างความสัมพันธ์จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้เป็นขุนนางระดับ 6 นี้!
หลังจากที่จ้าวอีโต้วกลายเป็นที่ขุนนางระดับ 6 เขาไม่เคยทำผลงานอะไรเลย ในทุกๆวันเขานำขุนนางชั้นต่ำสองร้อยคนมารวมกัน เพื่อจะบังคับสิ่งนั้นสิ่งนี้ และคนที่โดนบีบบังคับส่วนมากก็คือขุนนางจากฝ่ายของฮ่องเต้ทั้งหมด
เมื่อใดก็ตามที่มีบางอย่างเกิดผิดพลาดกับขุนนางของฮ่องเต้นั้น จ้าวอีโต้จะจับจ้องมองไปที่ขุนนางของฮ่องเต้อย่างเคร่งครัดเหมือนอย่างกับจะข่มเหงเขาให้ตายกันไปข้างเลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาและพวกของเขาจะค้นพบความหมายของชีวิตและศักดิ์ศรีของอาชีพของเขาเอง และเขาจึงจัดการขุนนางของฮ่องเต้ทันทีและจะไม่ปล่อยพวกเขาให้หลุดรอดไปได้ ขุนนางถึงขั้นตกใจมาก กลัวมากจนพูดไม่ออก และเขาก็ยืนยันให้ฮ่องเต้นั้นต้องลงโทษขุนนางก่อนทันที่โดยไม่ฟังการอะไรทั้งสิ้น
ดังนั้นขุนนางฝ่ายฮ่องเต้จึงเต็มไปด้วยข้อร้องเรียนต่อจ้าวอีโต้วและพรรคพวกของเขามานานแล้ว
แต่ไม่มีอะไรที่สามารถแก้ไขปัญหานี้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้มีบางอย่างผิดๆเพี้ยนๆกับขุนนางของฮ่องเต้ ดังนั้นหากคนหนึ่งถูกลงโทษ อีกคนได้แต่เพียงยืนดูเท่านั้นไม่สามารถช่วยเหลือได้
ตอนนี้เมื่อเซียวเฉวียนมาถึง เขาก็ตั้งเป้าไปที่ตำแหน่งของจ้าวอีโต้ว ขุนนางส่วนใหญ่ของฮ่องเต้จึงมีความสุขมาก
หรือเซียวเฉวียนทำสิ่งนี้เพื่อทำให้พวกเขาพอใจงั้นหรือ?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเซียวเฉวียนรู้ดีว่าทุกคนนั้นเกลียดจ้าวอีโต้ว จึงทำให้เขาทำเช่นนี้หรือ?
ไม่! เซียวเฉวียนเคยมอบเซี่ยวเฟิงให้กับเว่ยเชียนชิวมาก่อน ดังนั้นจึงจะไม่ต้องคิดว่าเป็นพรสวรรค์ของเว่ยเชียนชิวได้เลย
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเสนอเซี่ยวเฟิงให้ แต่เว่ยเชียนชิวก็ยังไม่เห็นค่าของเขา?
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงต้องมาเพื่อทำให้ฝ่าบาทและคนเหล่านี้พอใจ?
ขุนนางของฮ่องเต้ทุกคนมีความคิดส่วนตัวที่ว่าเซียวเฉวียนนั้นจะต้องผูกมิตรเป็นมิตรกับพวกเขาเป็นแน่
พวกเขาจะคิดได้อย่างไรว่าความคิดของเซียวเฉวียนนั้นเรียบง่าย ข้าแค่อยากจะเป็นคนที่เก่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในหมู่ของเหล้าขุนนาง!
เพื่อทำให้พวกเขาพอใจ?
เซียวเฉวียนนั้นไม่ต้องการเอาใจฮ่องเต้สะด้วยซ้ำ เซียวเฉวียนมีแผนและขั้นตอนของตัวเองจะไปเทียบอะไรกับขุนนางเหล่านี้?
มีหัวหน้าขุนนางเพียงคนเดียวเสมอ และนั่นคือตำแหน่งของขุนนางในฐานะฝ่ายตรวจการ
ฮ่องเต้นั้นมีความรู้สึกประหม่า แม้ว่าเขาจะไม่พอใจกับจ้าวอีโต้วสักเท่าไหร่ แต่จ้าวอีโต้วก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของเขาในฐานะขุนนาง มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลถ้าจ้าวอีโต้วซึ่งไม่มีความผิดแต่ถูกบีบออกเพียงเพราะคำขอของเซียวเฉวียน
ในความเป็นจริง มีทางออกที่ดีสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งก็คือการเลื่อนตำแหน่งจ้าวอีโต้วและตำแหน่งนี้จะไม่มีใครครอง
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการเป็นคนช่างพูดแล้ว ครึ่งปีนี้ที่ผ่านมาจ้าวอีโต้วก็ยังไม่มีที่อะไรประสบความสำเร็จมากนักในฐานะฝ่ายตรวจการ หากจ้าวอีโต้วได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเพียงเพราะเซียวเฉวียนต้องการเป็นตำแหน่งหัวหน้าขุนนาง ดังนั้นจึงเกรงว่าคงไม่ยุติธรรมกับขุนนางคนอื่นๆ
นอกจากนี้เองจ้าวอีโต้วยังรู้ตัวดีว่าไม่มีความสามารถมากนัก เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าฮ่องเต้นั้นจะเลื่อนตำแหน่งให้
ดังนั้น ในใจของจ้าวอีโต้ว ถ้าเซียวเฉวียนเข้ามารับตำแหน่งฝ่ายตรวจการนี้นั้น เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับไปอยู่ระดับเจ็ด
ในขณะนี้ความเกลียดชังในแววตาของจ้าวอีโต้ว ทำให้เขาต้องการฉีกเซียวเฉวียนออกเป็นชิ้นๆ
แต่ท้ายที่สุดแล้วเซียวเฉวียนได้ปกป้องปัญญาชนของถนนจูเชวี่ย ช่วยไม่ให้พวกเขาถูกตราประทับมู่อวิ๋นสังหาร แม้ว่าเซียวเฉวียนต้องการหรือไม่ต้องการขุนนางระดับสาม ฮ่องเต้นั้นก็สามารถให้ได้อย่างง่ายได้
อย่างไรก็ตามเซียวเฉวียนต้องการเพียงแค่ขุนนางระดับหกเท่านั้น
“ฝ่าบาท ข้าพระองค์มีวิธีแก้ปัญหา”
ในเวลานี้เฉาสิงจือมองเห็นความลำบากใจของฮ่องเต้ จักรพรรดิก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน เขาต้องไตร่ตรองข้อดีและข้อเสีย
วิธีการของจักรพรรดิคือตรวจสอบและความสมดุล โดยเฉพาะเรื่องตำแหน่งต่างๆ ซึ่งต้องคิดไตร่ตรองด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
“เฉาอ้ายชิง กรุณาแสดงความเห็น” ฮ่องเต้ยกมือขึ้นเล็กน้อยและส่งสัญญาณ
“ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่งานที่ยาก เมื่อ 10 ปีก่อนนั้นมีที่ปรึกษามีฝ่ายตรวจการด้านซ้ายและขวา ต่อมามีปัญหากับฝ่ายตรวจการจึงจำเป็นต้องถูกปลดออกหนึ่งตำแหน่ง นั่นเป็นเพราะมีกำลังคนไม่เพียงพอและไม่มีใครสามารถแบกความรับผิดชอบอันหนักหน่วงของหน้าที่นี้ได้ แต่ในตอนนี้ท่านเซียวมีจิตใจที่บริสุทธิ์ มีวาทศิลป์ และมีบุคลิกที่ดีและเขายังคงปกป้องผู้คนที่มีความสามารถของโลกด้วย ดังนั้นท่านเซียวนั้นแหละที่เหมาะสมมากในตอนนี้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...