บทที่ 573 ความรู้สึกอัปยศอดสู – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 573 ความรู้สึกอัปยศอดสู จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ไม่ผิด นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ นี่ล่ะ กำลังเหยียดหยามบ้านจ้าว
เซียวเฉวียนเลิกคิ้ว "ไม่รู้ว่าทำไมคุณชายจ้าวถึงจะโมโหขนาดนี้? ตระกูลจ้าวมาชอบน้องสาวของข้า เหนียมๆ อายๆ ไม่ยอมรับ ต้องมาสร้างข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว เซียวเฉวียนที่มาในวันนี้ ก็เพื่อที่จะให้คนรักกันได้แต่งงานกัน มาสร้างบุญกุศลกัน"
คำพูดของเซียวเฉวียนฟังดูเป็นเรื่องตลก แต่ท่าทางของเขาจริงจังอย่างยิ่ง แต่ละคำแต่ละอักษร ฟังได้ชัดเจน
จ้าวซิ่นเหลือบมองเซียวเฉวียนอย่างตั้งใจถึงได้มีสติ "เจ้าหายดีแล้วเหรอ? เจ้าไม่โง่แล้วเหรอ?" ฮะ?”
เจ้า ๆ ๆ เซียวเฉวียนหรี่ตาลงเล็กน้อย "คุณชายจ้าว ข้าเป็นเจ้าของชิงหยวน เจ้าเป็นศิษย์ของชิงหยวน พูดกับข้าเรียก เจ้า ๆ ๆ ไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอ?”
ข้าราชฯ ระดับสูงกว่าบี้ระดับล่างให้ตายได้ มิหนำซ้ำ เซียวเฉวียนยังเป็นเจ้าของแท้ๆ ของชิงหยวน จ้างซิ่นถูกสวนมาเช่นนี้ ความยโสโอหังของเขาซึ่งเดิมสูงสามศอกก็ลดลงในทันที
แต่เขาพลิกตัวอย่างรวดเร็วและพ่นน้ำลายออกมาอย่างดุร้าย "ผู้มาเยือนเป็นแขก! นี่คือบ้านตระกูลจ้าว! เมื่อเจ้าเข้ามาในประตูบ้านจ้าว เจ้าควรทำหน้าที่ของผู้เป็นแขกให้ดี! เจ้าเคยเป็นเขยแต่งเข้าบ้านหญิงเป็นเวลานาน เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งมารยาทขั้นพื้นฐานเหรอ?”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเซียวเฉวียนได้ยินคำว่า "แต่งเข้า" นี้ เขาคงรู้สึกไม่สบอารมณ์ เพราะสองคำนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูกและเหยียดหยาม
แต่วันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แต่งเข้าสองคำนี้ทำให้เซียวเฉวียนมีความสุขมาก "คุณชายจ้าว แขกอะไรเจ้าบ้านอะไร แต่งเข้าหรือแต่งออกไม่สนใจ รอให้พี่ใหญ่ของเจ้ามาเป็นเขยในบ้านเซียว พวกเราก็เสมอกันแล้วไม่ใช่หรือ จะต้องมาแยกอะไรกันอีกล่ะ?”
“ใครจะไปเสมอกับเจ้า! อย่ามาเอ่ยปากสามหาว ทำให้ข้าเสื่อมเสีย!”
จ้าวหลานโกรธมากจนใบหน้าที่หล่อเหลาบอบบางเปลี่ยนเป็นสีแดงลามถึงคอ เข้ารับราชการในราชสำนักมาเสียนาน แต่ผิวหน้าบางขนาดนี้ เซียวเฉวียนส่ายหัว อย่างที่ว่า แค่พอไหวที่มาคู่ควรกับน้องสาวของเขา
เซียวเฉวียนขี้เกียจฟังพี่น้องสองคนนี้พร่ำเรื่องไร้สาระ ในเมื่อมาเพื่อขอแต่งงาน เขาวันนี้ไม่เพียงแต่จะมาหาจ้าวหลานคนเดียว "ไม่ทราบคุณนายจ้าวอยู่ที่ไหน?"
"เจ้าจะหาแม่ข้าทำอะไร?" จ้าวหลานโกรธมากจนจะกัดใครสักคนแล้ว แต่ไป่ฉีนั้นแข็งแกร่งและสูงใหญ่เกินไป หากเขากัดลงไป ฟันต้องหักหมดแน่
“คุณชายจ้าว การแต่งงานเป็นคำสั่งของพ่อแม่คำพูดของแม่สื่อ” เซียวเฉียนยิ้มด้วยความกรุณา "ข้าหาคุณนายจ้าวก็เพื่อที่จะหารือเรื่องฤกษ์ยามและวันที่ให้เจ้าแต่งเข้าบ้านจวนเซียวของข้าไง"
“ข้าเห็นว่าเจ้ารีบร้อนจะแต่งงานกับน้องสาวของข้า จะปล่อยให้เจ้ารอนานได้อย่างไรเล่า เซียวเฉวียนหัวเราะ ก้าวเท้าขึ้น และเข้าไปในบ้านจวนจ้าวโดยไม่รอให้คนมาเชิญ
"ออกมา! เจ้าออกมานะ!"
จ้าวหลานใกล้จะบ้าเข้าไปแล้ว จ้าวซิ่นยิ่งอยากจะโจนไปซ้อมเซียวเฉวียนอีกด้วย! แต่เขาเคลื่อนไหวไม่ได้!
จ้าวซิ่นต้องการยกขาขึ้น แต่พบว่ามันหนักซะเหลือเกิน ราวกับว่ามันถูกมัดติดไว้กับก้อนหินยักษ์สองก้อน จ้าวซิ่นหันกลับมาและจ้องมองไปที่ไป่ฉี "เจ้านี่เอง! เจ้าทำให้ข้าขยับตัวไม่ได้ใช่ไหม? ปล่อย! ปล่อย!"
ถ้าจ้าวหลานจะรู้สึกอับอาย นั่นเป็นเพราะเซียวเฉวียนบังคับให้เขาแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง
แต่ที่จ้าวซิ่นรู้สึกอับอายนั้น มาจากเซียวเฉวียนไม่คิดจะแยแสเขา และผู้อารักขาคนหนึ่งของเซียวเฉวียน แค่ยืนอยู่ที่นั่นเฉยๆ ก็ทำให้เขาขยับร่างกายไม่ได้!
จ้าวซิ่นจิตใต้สำนึกคิดอยากจะเรียกผู้อารักขาของเขา แต่เขาใจฝ่อไปเสียก่อน
เพราะแม้พี่ใหญ่จะถูกไป่ฉีกักตัวไว้ แต่พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียกผู้อารักขา
ด้วยพรสวรรค์ของพี่ใหญ่ที่สอบได้เป็นจ้วงหยวน ยังไม่กล้าเรียกผู้อารักขา แล้วจ้าวซิ่นที่ไม่เคยได้ผ่านการสอบคัดเลือกเลย จะกล้าทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าเหรอ?
พวกเขาได้ยินมานานแล้วว่าไป่ฉีสู่กันด้วยหนึ่งต่อสามร้อยในพระราชวัง
น่ากลัวขนาดไหน!
ถึงพวกเขาจะเรียกอารักขาออกมาในวันนี้ ก็คงจะพ่ายแพ้ให้กับไป่ฉี ถึงตอนนั้น ทุกคนในเมืองหลวงไม่เพียงแต่หัวเราะเยาะพวกเขาที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงอย่างเดียว แต่ยังเยาะพวกเขาว่าฝีมือสู้เขาไม่ได้ด้วย!
ดังนั้น พี่น้องสองคนตระกูลจ้าว เพื่อรักษาหน้าอันสุดท้ายที่ไร้สาระ ทำได้แต่ยอมรับชะตากรรมที่ถูกไป่ฉีกักเอาไว้ ไม่กล้าที่จะขัดขืนซึ่งหน้า
ชาวบ้านที่มุงดูต่างกระซิบ ก็แค่หัวเราะเยาะสองพี่น้องตระกูลจ้าวว่าไร้น้ำยา
“มองอะไรอยู่! ออกไปจากที่นี่นะทุกคน!”
"ท่าน......"
จ้าวซิ่นแทบจะร้องไห้ สวีซูผิงเป็นเจ้าหน้าที่ที่ถนัดเรื่องซุบซิบนินทาและรอบรู้มากที่สุดในราชสำนัก เขาเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็หมายความว่าผู้มีอำนาจในเมืองหลวงทุกคนก็จะรับรู้เรื่องนี้เช่นกัน!
จ้าวซิ่นไม่กล้าตะโกนใส่เขา สวีซูผิงมีตำแหน่งเป็นถึงหนึ่งในเก้ารัฐมนตรี เขาก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง จวนจ้าว ต้องให้เกียรติแก่เขาบ้าง
ดังนั้นจ้าวซิ่นจึงหงุดหงิดมากและไม่อาจพูดอะไรได้อีก ได้แต่ฟังเสียงของสวีซูผิงแคะเมล็ดแตงโมอย่างมีความสุขอย่างเงียบๆ
ฝีมือสู้เขาไม่ได้
ได้แต่ถูกเขากดขี่
สวีซูผิงส่งสายตาดูถูกเล็กน้อย หากบทกวีของสองคนนี้เก่งขึ้นกว่านี้หน่อย ทำไมต้องโดนไป่ฉีกดขี่บังคับตายเดี้ยงถึงขนาดนี้เล่า?
บทกวีของเซียวเฉวียนนั้นแข็งแกร่งมาก พี่น้องสองคนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้าน ในเมื่อไม่มีปัญญา ยังกล้าไปรังแกเซียวจิงได้อย่างไร?
เป็นหนี้เขา ก็ต้องชดใช้เขาอยู่ดี!
กรอด!
สวีซูผิงแคะเมล็ดแตงโมอย่างมีความสุข ท่านเซียว สู้ๆ !
ที่โต๊ะอาหารในจวนจ้าว
เซียวเฉวียนเอาเท้าเหยียบบนเก้าอี้ เบนศีรษะไปเล็กน้อย มองไปที่มารดาของจ้าวหลาน "ท่านคิดว่ายังไงบ้าง?"
ริมฝีปากของคุณนายจ้าวสั่นเทา "เจ้า... เจ้าทำเกินไปแล้ว... จะมารังแกแม่ม่ายลูกกำพร้าอย่างพวกเราเหรอ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...