ขอร้อง?
องค์จักรพรรดิ โอรสแห่งสวรรค์ ผู้นำองค์สูงสุด มาขอร้องเขาชวีจงเทียนให้ทำอะไรบางอย่างจริงๆ หรือ?
ชวีจงเทียนมองเขาด้วยความประหลาดใจ คนโบราณไม่เหมือนเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนร่วมมือกับองค์จักรพรรดิ นั่นคือความร่วมมือของคนสมัยใหม่ที่คิดเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เขาและจักรพรรดิมีความเท่าเทียมกัน
แต่ชวีจงเทียนเป็นคนระดับต่ำสุดในราชวงศ์ต้าเว่ย
แม้ว่าเขาจะเคยเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งที่เขามีนั้นถูกมอบให้โดยต้าเว่ยและจักรพรรดิ จักรพรรดิก็คือสวรรค์ของเขา!
ตอนนี้สวรรค์ที่อยู่บนเบื้องสูงส่งนี้ลดศีรษะอันล้ำค่าลงมาและขอร้องให้เขาช่วยเซียวเฉวียนงั้นเหรอ?
“ฝ่าบาท ผู้น้อยมิอังอาจ” ชวีจงเทียนกล่าวคำนับด้วยความเกรงขาม เขาสูญเสียความไว้วางใจในต้าเว่ย และเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองต่อราชสำนักนี้ เขาไม่พอใจจักรพรรดิจริงๆ แต่ในฐานะคนโบราณอย่างเขา ที่แก่นของเขาจะยอมจำนนต่อบารมีเท่านั้น
องค์จักรพรรดิร้องขอขนาดนี้ และเซียวเฉวียนก็เป็นบุตรชายของพี่น้อง ชวีจงเทียนจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วยเขา
อย่างไรก็ตาม ชวีฝานก็เป็นที่รักในใจของเขาเช่นกัน เขาเลี้ยงดูเด็กคนนี้เหมือนลูกสาวในไส้ เธอเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา
ปีนั้นหลังจากที่ชวีฝานเสียชีวิตไป ได้รับฌาปนกิจซึ่งเป็นที่ปฏิบัติกันน้อยมาก
นั่นคือคำขอร้องของชวีฝาน เธอพูดตั้งแต่ยังเป็นเด็กว่าไม่อยากฝังดินเมื่อเธอตาย มีแมลงอยู่ในดินและฝนตกจะเปียกน้ำ ใต้ดินก็หนาวมาก ถ้าเธอถูกฝังใต้ดิน เธอคงจะต้องกลัวมากแน่ๆ
เธอพูดว่า "คุณลุง เมื่อหนูตาย ท่านจงเผาหนูและโปรยขี้เถ้าของหนูบนภูเขาที่สูงที่สุดในเมืองหลวง หนูจะได้ไปเที่ยวทั่วต้าเว่ยได้หลังจากที่ตายไป!"
เที่ยวเล่นไปรอบๆ เป็นความฝันของผู้รู้หนังสือในต้าเว่ย และชวีฝานก็ไม่ยกเว้น
ชวีจงเทียนดุเธอที่พูดเรื่องไร้สาระ ยังเด็กยังเล็ก พูดจาไม่มงคลเช่นนี้
แต่ดังที่เธอได้กล่าวไว้ ดอกไม้กำลังเบิกบานนั้น ด้วยไฟพรึบเดียว เผาเอาความงามของชีวิตอันแสนสั้นของเธอไปหมดสิ้น
ร่างของเธอได้กลายเป็นฝุ่นผง อยู่บนเขาฉางไป๋ซานในเมืองหลวง ปลิวไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่ของต้าเว่ย
ชวีจงเทียนอาลัยอาวรณ์มิอาจเห็นลูกที่รักของเขาหายไปโดยสิ้นเชิง คนอื่นๆ ล้วนถูกฝังลงดิน ร่างยังคงอยู่ในสุสาน ให้คนไปสักการะได้ทุกเวลา ดังนั้น ก่อนฌาปนะศพ ชวีจงเทียนจึงเอาแก่นเลือดระหว่างคิ้วของชวีฝานเก็บรักษาไว้
บรรจุอยู่ในขวดเล็กๆ
เลือดหยดนั้นแห้งเหือดไปนานแล้ว
แต่นี่เป็นสมบัติสุดที่รักชิ้นเดียวของชวีจงเทียน เขาจิตตกและหดหู่มาโดยตลอด เลือดหยดนี้ ซึ่งแห้งไปนานแล้ว เป็นเครื่องยังชีพทางจิตวิญญาณเพียงชิ้นเดียวของเขา
หลังจากบิดขวดแล้ว เขาก็ยื่นมันให้องค์จักรพรรดิ เขาอาการเด็ดเดียว แต่ก็อาลัยอาวรณ์ "ฝานเอ๋อ ลูกชายของน้าเซียวกำลังเดือดร้อน แต่ลุงเสียดายเจ้า... ในเมื่อฝ่าบาทและเฉวียนเอ๋อได้สังหารพวกผู้ร้ายและพวกอำพรางความผิดแล้ว พวกเราตระกูลชวีเป็นคนที่รู้บุญคุณคน ฉะนั้นเจ้าไปเลย ลุง ... จะไม่เก็บเจ้าไว้แล้ว”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังไปทันทีและหันหน้าไปโดยไม่มองขวดใบนั้นอีกเลย
เขาน้ำตาซึม แต่ก็หักห้ามใจหันหลังไปด้วยใจเข้มแข็ง
องค์จักรพรรดิถือขวดแน่นในมือ รู้ว่าท่าทีของชวีจงเทียนดูองอาจ แต่แท้จริงใจเขาแตกสลายหมดแล้ว
“ขอบคุณมากท่านชวี”
องค์จักรพรรดิด้วยพระทัยซาบซึ้ง หยอดน้ำสองสามหยดเข้าในขวด ละลายเลือดที่แห้งไว้ในน้ำ แล้วรวมตัวออกมาอีกที
"เอาล่ะ"
องค์จักรพรรดิมอบขวดให้กับเจี้ยนเหล่า "เจี้ยนเหล่า ท่านกำลังภายในเพียงพอ บังคับแก่นเลือดนี้เข้าไปที่ระหว่างคิ้วของเซียวเฉวียนได้"
“คิดดีแล้วใช่ไหม? ที่ต้องทำอย่างนี้ให้ได้? ข้าไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนจะทนได้หรือเปล่า” เจี้ยนเหล่าหยิบขวดขึ้นมา "บวกกับเลือดหยดนี้ เขาจะมีแก่นเลือดสามหยดแล้ว"
"ทุกคนจะมีร่างลมญาณเพียงหนึ่งเดียว แต่เซียวเฉวียนมีสามดวง" เจี้ยนเหล่ามองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างจริงจัง "พระองค์ไม่กลัวหรือว่าเซียวเฉวียนจะตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นคนโรคจิต?"
”ใช่แล้ว! ถ้าเป็นโรคจิตเภทจะทำยังไง! ไม่ได้! ไม่ได้! ไม่ได้!”
เวลานี้ เว่ยอวี๋กลับมาที่วังแล้ว เมื่อได้ยินมีการเคลื่อนไหววิปริตนี้ ก็รีบแสดงท่าทีคัดค้าน องค์จักรพรรดิและเจี้ยนเหล่ามองดูเขาอย่างงงงัน โรคจิตเภทอะไร?
”แต่ถ้าแก่นเลือดนี้ไม่เข้าไป เซียวเฉวียนจะต้องตาย” องค์จักรพรรดิบอกเว่ยอวี๋ถึงข้อได้ข้อเสียทันที เว่ยอวี๋ก็พยักหน้าทันที “งั้นยังไม่รีบอีก เป็นโรคจิตเภทยังดีกว่าตายเยอะ!”
"......"
"......"
องค์จักรพรรดิ เจี้ยนเหล่า และไป่ฉีต่างมองดูเขาและพูดไม่ออก
"ไม่ต้องห่วง! ข้ามีประสบการณ์ในการจัดการกับเซียวเฉวียนตอนโง่ๆ ! ข้าไม่กลัวมันจะโง่! ฮิ ๆ ๆ ! "
เว่ยอวี๋สีหน้าดูภูมิใจมาก ราวกับว่าเขาได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อะไรมาแล้ว
”ลองดูก็ได้ ข้าไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้มาก่อน!” เจี้ยนเหล่ายิ้มอย่างมีเงื่อนงำ ด้วยกระทำเช่นนี้เสี่ยงเกินไป แทนที่จะช่วยเซียวเฉวียน บอกได้เลยว่าโอกาสรอดมีเพียงหนึ่งในสิบมั้ง!
เจี้ยนเหล่ากลอกตาไป่ฉี "กลับไปเที่ยวหน้า ต้องสั่งสอนไอ้เย่าเหล่าดีๆ สักหน่อย บอกอะไรบอกแค่ครึ่งเดียว ทำให้เจ้านายของเจ้าตกระกำลำบากเช่นนี้!"
“อื่ม” ไป่ฉีพยักหน้า ถึงทีต้องสั่งสอนอย่างว่า
เห็นเจี้ยนเหล่าหมุนตัวไปหนึ่งรอบอย่างสง่างาม กำลังภายในอันบริสุทธิ์มุ่งตรงไปที่ขวดเล็กๆ รวบแก่นเลือดควบแน่นอีกครั้ง เจี้ยนเหล่าตะโกน "ไปเลย!"
เห็นเลือดสีแดงสดหยดหนึ่งเล็ดออกจากขวดเล็ก แล้วพุ่งตรงไปที่ศูนย์คิ้วของเซียวเฉวียน!
"เฟี้ยว!"
เจี้ยนเหล่าใช้กำลังภายในเจ็ดส่วน แต่แก่นเลือดไม่สามารถเข้าไปได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...