“ หงิง หงิง…”
“หงิงหงิงหงิง…”
เสียงร้องต่ำของสัตว์ป่า ทำให้เซียวเฉวียนนั้นรู้สึกอึดอัดและเสียใจเล็กน้อย “เสี่ยวเฟิง เจ้าอย่าร้องไปเลย ข้ามิได้ตั้งใจ เจ้าดูข้าสิ ข้าสูญเสียไปไม่รู้จักเท่าไร ใช่หรือไม่?
“เจ้าวางใจเถิด เพื่อที่จะทำให้เจ้าขนเรียบเงาดั่งเดิม ทุกวัน ข้าจะเขียนบทกวี ใช้กวีเลี้ยงเจ้าจนงามเอง”
“ถ้าพูดไปเจ้าเองก็เป็นตัวผู้ เหตุใดต้องสนใจภาพลักษณ์ขนาดนั้นด้วยเล่า?”
เดิมทีจากที่เสี่ยวเฟิ่งกำลังจะโดนปลอบสำเร็จอยู่แล้ว คำพูดสุดท้ายของเซียวเฉวียนก็ทำให้เสี่ยวเฟิงโกรธขึ้นมาอีกครั้ง มันคำรามใส่เซียวเฉวียนด้วยความไม่พอใจอย่างมาก ทำให้แก้วหูของเซียววียนและคนอื่น ๆ จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ “โฮก!”
ปากที่เปื้อนเลือดนั่นน่ากลัวเป็นอย่างมาก
เซียวเฉวียนวางมือใหญ่บนหัวของเสี่ยวเฟิง “หุบปาก! หนวกหูชะมัด! ถ้ายังส่งเสียงดังอีกข้าจะเปลี่ยนให้เจ้าเป็นร่างเล็ก!”
“หงิง…”เสี่ยวเฟิงหุบปากทันทีด้วยความหงุดหงิด หันหัวอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากถูกให้เป็นหมาดำตัวใหญ่ก็เป็นหมาดำตัวใหญ่ อย่างน้อยก็มีอุปนิสัยที่ใหญ่โต ดีกว่าเป็นลูกหมา
ตนเองก็ไม่อยากเป็นเบาะให้นายท่านนั่งอีก กลิ่นผายลมของนายท่านช่างเหม็นนัก เกลียดชะมัด!
“ท่านพี่เซียว!”
ในเพลานี้ เสียงรีบร้อนของอี้กุยได้ดังขึ้น ในกองเพลิง เซียวเฉวียนได้หันหัวมา เขาโบกมืออย่างมีความสุขราวกับว่าเขาถูกสลากกินแบ่ง “เจ้ามาได้อย่างไรกัน? มาดูนี่เร็ว เพลิงไฟนี่ลุกใหญ่แล้ว!
เริ่มแรกที่เซียวเฉวียนยังไม่ได้เห็นฉินซูโหรว สีหน้าก็ยังปกติดี แต่ด้านข้างของอี้กุยก็ปรากฎให้เห็นร่างของฉินซูโหรวที่อยู่ด้านหลังเขา เซียวเฉวียนขมวดคิ้วทันที เมื่อก่อนอี้กุยยังตะโกนร้องเรียกเขาว่าท่านปู้น้อย แต่วันนี้กลับเรียบว่าท่านพี่เซียวเสียอย่างนั้น ที่แท้ก็มีปีศาจอยู่ด้วยนี่เอง
ฉินซูโหรวผอมซูบลงไปมาก แต่เซียวเฉวียนก็ไม่ได้สนใจหล่อนเลยสักนิด เขารู้ว่าที่ฉินซูโหรวเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้เป็นเพราะจุดตันเถียนถูกทำลาย แต่เซียวเฉวียนคิดไม่ถึงว่าฉินซูโหรวจะมีท่าทีอ่อนแอขนาดนี้
แค่หล่อนเดินสองก้าวก็หอบแล้ว ช่างไม่เหมาะสมกับอี้กุยสักนิด
หืม? ด้านหลังเธอยังมีอีกหนึ่งคนอย่างนั้นหรือ?
ความสนใจเซียวเฉวียนไปอยู่ที่ผู้ชายร่างสูงใหญ่ของหล่อน มองดูให้ชัดมากขึ้น ก็พบเห็นเว่ยอู๋จี้ที่ไม่ได้เจอกันมานาน
เซียวเฉวียนประหม่าอย่างบอกไม่ถูก “ไป๋ฉี่ ระวังตัวไว้”
“ขอรับ”ไป๋ฉี่มีระมัดระวังตัวมาก แต่นายท่านตนก็กลัวเว่ยอู๋จี้คนนี้มากจนเกินไป นี่จึงทำให้ไป๋ฉี่สับสนเป็นอย่างมาก
เว่ยอู๋จี้เมื่อเปรียบเทียบกับราชองครักษ์คนอื่น ๆ ก็มีพละกำลังมากกว่าคนอื่น ๆ เพียงนิดเดียวเท่านั้น ไป๋ฉี่เองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องระวังเว่ยอู๋จี้ถึงเพียงนี้ด้วย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอแค่ปัญญาชนออกโรง ฝ่ายตรงข้ามมีราชองครักษ์ปรากฏออกมา ไป๋ฉี่ก็จะนับว่าเป็นศัตรูทันที
ส่วนราชองครักษ์ของฉินซูโหรวยิ่งไม่ต้องพูดถึง นั่นก็เป็นศัตรูในศัตรูอีกที
ไป๋ฉี่จ้องเขม็งเยือกเย็นไปที่เว่ยอู๋จี้ ยิ่งฉินซูโหรวและคนรับใช้เข้าใกล้มากขึ้น ความหนาวเย็นก็ยิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่านั้น มันทำให้เซียวเฉวียนดูแปลกมากจนตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น
“เหตุใดจวนเซียวถึงโดนเผาเช่นนี้เล่า!”
จวนเซียวก็เคยเป็นที่อยู่อาศัยเก่าของตระกูลอี้มาก่อน ความรักของอี้กุยที่มีต่อบ้านหลังนี้ก็ไม่น้อยไปกว่าความรักของเซียวเฉวียน ทันทีที่เขาเห็นไฟที่โหมกระหน่ำ หัวใจของอี้กุยก็เหมือนถูกมีดเฉือนและหัวใจก็เหมือนมีเลือดออกมา สิ่งที่เผาไปใช่บ้านที่ไหนกัน สิ่งที่เผาไปคือเงินคือทองตั้งหากเล่า
ไม้ที่สร้างจวนเซียว เป็นไม้ฮวาหลีชั้นดี ไม้ทั้งหมดมาจากน่านน้ำที่ไกลโพ้น ท่านปู่อี้กล่าวว่าบ้านเกิดของเขาร่ำรวยในฮวงฮวาลี ต้าเวายไม่มีเหมือนบ้านเกิดของเขา แต่กลับมีไม่หวงฮวาหลี ดังนั้นตระกูลอี้ทั้งหมดจึงถูกสร้างขึ้นพร้อมกับไม้หวงฮวาหลี
ไม้ทุกต้น ล้วนเป็นทองทั้งนั้น!
ไม่ต้องพูดถึงศิลปะในการทำสวนของตระกูลอี้ ได้รับการตกแต่งโดยปรมาจารย์ด้านการจัดสวนชื่อดังจากเจียงหนาน และมีทิวทัศน์ที่สวยงามทุกที่ สะดุดตาเป็นอย่างมาก
“มิต้องพูดแล้ว…” เซียวเฉวียนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขาไม่รู้หรือว่าจวนนี้ดีแค่ไหน? แต่ไฟลุกใหญ่มากจะทำอย่างไรได้?
เพราะฉะนั้น ที่อี้กุยนั้นมาไม่ได้มีประโยชน์เลยสักนิด ก็แค่เพิ่มคนร้องไห้มาหนึ่งคนก็เท่านั้น
เซียวเฉวียนและอี้กุยเหมือนหมาข้างถนน กอดคอร้องไห้ สาเหตุหลักก็คือเสียดายเงินทอง ฮือๆ ฮือ ๆ ฮือ ๆ …
“วางเพลิงครานี้ทำให้ท่านปู่น้อยข้าเสียใจถึงเพียงนี้ ถ้าข้าจับตัวผู้ที่วางเพลิงได้ล่ะก็ ตัวข้านี่แหละจะสับหัวของมัน!”
ใบหน้าอ่อนเยาว์ของอี้กุย เผยให้เห็นท่าทางพลังอาฆาตที่หาได้ยาก เซียวเฉวียนทั้งสั่นทั้งร้องไห้โฮ ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น “จวนเซียวของข้า…”
เสี่ยวเฟิงมองอี้กุยด้วยสายตาเย็นชา คนที่วางเพลิงก็คนที่อยู่ข้างหน้าท่านอย่างไรเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...