ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 650

สรุปบท บทที่ 650 จิ่นเซ่อเข้าตระกูล: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 650 จิ่นเซ่อเข้าตระกูล จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 650 จิ่นเซ่อเข้าตระกูล คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ผู้แอบแฝงคือเซียวจิงตัวปลอม และไม่มีชื่อแซ่

ครั้งนี้ คดีของจ้าวอีโต้ว ผู้แอบแฝงทั้งหมดถูกคุมตัวในฐานะพยานและคนผิด ผู้มีอํานาจเหล่านั้นเกลียดผู้แอบแฝงเสียจนต้องกัดฟันด้วยความเคียดแค้น มีเพียงแม่นางผู้นี้ที่เซียวเฉวียนคุ้มครองไว้ได้

นี่ก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่เซียวเฉวียนยอมเป็นราชครูทว่าเซียวเฉวียนแอบขอเงื่อนไขนี้ต่อฝ่าบาทอย่างลับ ๆ

ฮ่องเต้รับปากเขาด้วยการแหกกฎ การจะปล่อยตัวผู้กระทำผิดออกมา สำหรับฮ่องเต้แล้วกลับไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

เซียวเฉวียนคุ้มครองนาง มีเหตุผลด้วยกันสามข้อ

ข้อแรก ท่ามกลางผู้แอบแฝงทั้งหมด หลักฐานที่แม่นางคนนี้ระบุออกมา มีความละเอียดและครบถ้วนที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการเอาผิดจ้าวอีโต้ว ถือว่านางทำความดีทดแทนความผิดของตน

ข้อสอง นางไม่เคยทำเรื่องไม่ดีในจวนเซียว แม้นางจะเคยลังเลยใจอยู่บ้าง ทว่านางก็ไม่เคยหักหลังเซียวเฉวียนมาก่อนเลย

ข้อสาม นางเป็นคนที่นิสัยไม่แย่ อีกทั้งยังฉลาดปราดเปรียว อ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เซียวเฉวียนชอบแม่นางผู้ฉลาดทันคนผู้นี้มากทีเดียว

ตอนนี้ใบหน้าของเซียวจิงได้เลือนหายไปจากแม่นางผู้นี้แล้ว เปลี่ยนกลับมาเป็นใบหน้าและทรงผมเดิมของนาง

ใบหน้าของนางคล้ายกับเซียวจิงอยู่มากก็จริง ทว่าไม่ได้เหมือนมากขนาดนี้ ดวงตาของนางเล็กกว่า กลมกว่า และนางมีรูปร่างที่สูงกว่า

แม้ไม่ได้งดงามจนร่ำลือกันทั่วทั้งเมืองอย่างมั่วสี่ และหยางอวี้หวน ทว่าก็เป็นสาวงามคนหนึ่ง

“คารวะท่าน...ใต้เท้าเซียว” นางคุกเข่าและคลานลงกับพื้น

เซียวเฉวียนกลับพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ในเมื่อเจ้าเป็นน้องสาวของข้ามานานแล้ว เหตุใดจึงเรียกข้าว่าใต้เท้าเซียว ข้าเซียวเฉวียนรับเจ้าเป็นน้องบุญธรรมได้หรือไม่? จากนี้เจ้าก็คือคุณหนูสามแห่งจวนเซียว”

“เจ้าไม่มีชื่อ ข้าจะตั้งชื่อให้แก่เจ้า เจ้าชื่อว่าเซียวจิ่นเซ่อ เป็นอย่างไรเล่า?”

จิ่นเซ่อ?

นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สดใสเอ่อล้นด้วยน้ำตาแห่งความละอายใจ “ข้ารู้ว่าท่านคือผู้ที่ช่วยข้าไว้... เพียงแต่ว่าเพราะเหตุใด?”

“ทั้งที่ท่านรู้เต็มอกว่าข้าหลอกท่าน แต่เหตุใดท่านยังยอม...”

“คำถามข้อนี้ ข้าเคยตอบเจ้าแล้ว” เซียวเฉวียนยิ้มบาง ๆ “เจ้าเคยถามท่านพี่มิใช่หรือ หากเจ้าไม่ใช่จิงเอ๋อร์ ท่านพี่จะยังชอบเจ้าอยู่หรือไม่?”

นางตะลึงงัน

ถูกต้อง นางเคยถาม

คำตอบของเซียวเฉวียนคือ : ใช่

“ข้ารู้อยู่นานแล้วว่าเจ้าเป็นตัวปลอม ตั้งแต่ตอนที่จับกุมเหลียงไหวโหรวได้”

คำพูดของเซียวเฉวียนทำให้เธอตระหนักรู้ทันใด ที่แท้ก็รู้อยู่นานแล้ว

“จิ่นเซ่อ แท้จริงคือกวีบทหนึ่ง” เซียวเฉวียนมองนางอย่างสบาย ๆ พลางท่องบทกวีออกมา “เหตุไฉนสายพิณจึงมีห้าสิบสาย เสาหนึ่งสายหมายให้ระลึกถึงวัยเยาว์ จวงโจวเป็นเพียงผีเสื้อที่ถวิลหาอิสระ หวังที่จะฝากความชังกับนกกาเหว่า”

“นี่เป็นบทกวีเกี่ยวกับการกลับใจ แต่ความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้นคือการเตือนให้ระลึกถึงช่วงเวลาที่ดีและสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น”

เซียวเฉวียนมองนางอย่างจริงจัง “ท่านพี่ก็หวังว่าในขณะที่เจ้ากลับใจ เจ้าจะระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเจ้าและไม่เสียใจในอนาคต”

น้ำตาใสหยดลงที่พื้น นางคำนับลงที่พื้นอย่างแรง “จิ่นเซ่อ ขอบคุณท่านพี่ที่ให้โอกาสข้า!”

“ดี!” เซียวเฉวียนชอบที่ความฉลาดของนางที่พลิกเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ “ผู้ใดก็ได้ นำชื่อของเซียวจิ่นเซ่อบันทึกเข้าในรายชื่อของตระกูล รายงานต่อบรรพบุรุษและวิญญาณ ประกาศให้ทั่วใต้หล้ารู้ว่านางเป็นลูกสาวแห่งตระกูลเซียวของข้า!”

“ขอรับ!”

เสียงของไป๋ฉี่และคนอื่น ๆ ดังกังวานอย่างมาก “ข้าน้อยคารวะคุณหนูสาม!”

เซียวจิ่นเซ่อรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แม้ปกติจะเข้ากับพวกเขาได้ ทว่านั่นเป็นตัวตนของเซียวจิง ตอนนี้คือร่างกายที่แท้จริงของนาง จึงรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง “จิ่นเซ่อขอคารวะพี่ใหญ่ทั้งหลาย”

“เกรงใจแล้ว” ไป๋ฉี่พยักหน้าเบา ๆ “คุณหนูสาม เชิญนั่งขอรับ”

“เหตุใดนายท่านจึงให้ความสำคัญกับคุณหนูสามเช่นนี้? และยังให้นางเข้าตระกูลด้วย?”

เจ้าเก้าและคนอื่น ๆ ต่างพากันสงสัย และพูดกันจอแจ

ผู้อื่นไม่รู้ แต่เหมิงเอ้ารู้ดี เพราะว่าจิ่นเซ่อรู้เรื่องพันธะโลหิตของนายท่านกับฉินซูโหรว!

จิ่นเซ่อดวงตาแดงก่ำ คำพูดเหล่านี้ของเซียวเฉวียน ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย นางกระดกชาในมือหมดแก้วเช่นกัน “ท่านพี่ จากนี้ชีวิตของจิ่นเซ่อเป็นของตระกูลเซียวแล้ว!”

“ช้าก่อน” เซียวเฉวียนโบกมือ “เจ้าเป็นสาวเป็นนาง มาพูดเรื่องชีวิตกระไรกัน เจ้าเด็กโง่ จากนี้เจ้ายังมีท่านแม่และพี่รองที่อยู่เคียงข้างเจ้า”

“ท่านพี่ไม่ต้องการให้เจ้าสู้กับสิ่งใดแล้ว” เซียวเฉวียนชี้ไปยังกลุ่มชายบึกบึนอย่างไป๋ฉี่ “มีพี่ใหญ่มากมายที่คอยสู้อยู่ จักคราของเด็กน้อยอย่างเจ้าได้อย่างไร?”

“ท่านพี่...” จิ่นเซ่อตะลึงงัน “ท่าน...”

เซียวเฉวียนรู้ว่านางต้องการพูดสิ่งใด จึงหัวเราะขึ้นเบา ๆ “เจ้าคิดว่า ท่านพี่ช่วยเจ้า ก็เพื่อหลอกใช้เจ้า ให้เจ้าช่วยเป็นธุระในตระกูลเซียวงั้นหรือ?”

มิเช่นนั้นเล่า?

ไม่เพียงแค่จิ่นเซ่อ แต่ไป๋ฉี่และคนอื่น ๆ ต่างก็คิดเช่นนั้น

เสียงในใจพวกเขาดังเสียจนเซียวเฉวียนแทบหูหนวก “พวกเจ้าเบาเสียงหน่อยได้หรือไม่? ห๋า? ข้ายังไม่แก่ พวกเจ้าไม่ต้องพูดเสียงดังก็ได้จริงไหม? รู้จักการเคารพผู้ใหญ่และรักเด็กเสียบ้างหรือไม่? ห๋า? นี่ เจ้าหนุ่ม ข้าก็เป็นหนุ่ม อายุข้ายังน้อยกว่าพวกเจ้าเสียอีก!”

“นายท่าน พวกข้ายังไม่ได้พูดเลยขอรับ...” เหมิงเอ้าพูดอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม

“คิดเสียงดังเช่นนั้นก็ไม่ได้!” เซียวเฉวียนมีน้ำโห สีหน้าอ่อนโยนที่มีต่อจิ่นเซ่อเมื่อครู่ กลับมลายหายไปในตอนที่จ้องไป๋ฉี่

ชั่วช้า เหมิงเอ้าคิดเช่นนี้ในใจ ยังแฝงไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย เหตุใดนายท่านไม่รับเขาเป็นน้องชายและเอาชื่อเข้าตระกูลบ้างเล่า?

“โอ้โห” เซียวเฉวียนชี้ไปที่เหมิงเอ้า “เจ้าปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ข้าเพียงดุพวกเจ้านิดเดียว เจ้าก็แอบก่นด่าข้าว่าชั่วช้างั้นหรือ? ห๋า? มานี่! ข้าจักตีให้ตาย!”

เหมิงเอ้าร้องระงม ไม่นะ แง ๆ ๆ! แม้จะรักสุดใจแต่ก็ต้องมีสิทธิ์ถากถางบ้างสิ!

“ฮือ...” เหมิงเอ้าวิ่งแจ้น “นายท่าน! ตอนนี้ข้ามีเรื่องด่วนอีกมากมายที่ต้องจัก ขอ ขอตัวก่อนขอรับ!”

พูดจบ เหมิงเอ้าก็หายไปราวกับควัน

พวกโย่วควนหัวเราะกันอย่างครื้นเครง

เซียวเฉวียนมองเซียวจิ่นเซ่อด้วยสีหน้าและสายตาที่อ่อนโยน ความจริงแล้วเขามีจุดประสงค์บางอย่างจริง ๆ ทว่าไม่ใช่การหลอกเอาผลประโยชน์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย