“เอาป้ายคำสั่งข้าไป เข้าออกวังหลวงได้อิสระ!”
เซียวเฉวียนโยนป้ายเนื้อหยกชิ้นหนึ่งออกมา ทางไป๋ฉี่รีบรับทันที นี่คือป้ายหยกที่ฮ่องเต้พระราชทานให้กับราชครู
สามารถเข้าออกวังหลวงได้อิสระ เป็นเงื่อนไขสำคัญที่เซียวเฉวียนเสนอขึ้นมา หากว่าฮ่องเต้ไม่ทรงยินยอม เซียวเฉวียนก็จะไม่เป็นราชครู
ผลสุดท้าย ฮ่องเต้เองทรงรับปากแล้ว
เพียงแต่ว่าการรับปากของพระองค์ฝืดเฝือนเล็กน้อย
ยิ่งเรื่องสิทธิเข้าออกวังหลวงเป็นอำนาจพิเศษเสียด้วย
เซียวเฉวียนกลับไม่รู้ร้อนร้อนหนาว เขาไม่สนสีหน้าค่อนข้างลำบากใจของฮ่องเต้และยังคงยืนยันตามนี้ สิทธิพิเศษที่ตัวเขาเซียวเฉวียนต้องการไม่เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เพิ่มอีกหนึ่งจะเป็นไรไป?
ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่สามารถเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระ มิใช่ว่าเขาถูกกักกันตัวหรือไร
เขาก็ไม่ใช่สตรี หากถูกฮ่องเต้กักบริเวณจะพาให้คนจำนวนมากเข้าใจผิดได้
ฮ่องเต้พระองค์หนึ่งกักตัวชายหนุ่มรายหนึ่งไว้ในมุมลึกของวังหลวง...เพียงแค่คิดถึงตรงนี้ เซียวเฉวียนก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว
พวกไป๋ฉี่รับคำสั่งไปดำเนินการ ส่วนเซียวเฉวียนรั้งตัวโย่วควนเอาไว้สนทนา “โย่วควน จิ่นเซ่อเฉลียวฉลาด ทว่ากลับร่ำเรียนเขียนอ่านมาจำกัด กลับกันหอสุราต้องการการปรับปรุง เจ้าไม่จำเป็นต้องไปช่วยหอสุราแล้ว อีกหน่อยเจ้ารับผิดชอบสอนจิ่นเซ่อร่ำเรียนเขียนอ่านพอ”
โย่วควนนั้นเป็นผู้รู้วัฒนธรรม ขับร้องเพลงได้ยอดเยี่ยม เป็นศิลปินผู้มีอารยธรรมชั้นตัวอย่าง ย่อมมีปัญญาสั่งสอนจิ่นเซ่อได้อยู่แล้ว
โย่วควนกลับรู้สึกประหลาดใจ “นายท่าน ข้า...ข้าฐานะต่ำต้อย จิ่นเซ่อนั้นจะอย่างไรก็เป็นน้องสาวของท่าน ข้าไม่มีคุณสมบัติสอนนางร่ำเรียนเขียนอ่าน”
“จวนเซียว วัดคนที่ความสามารถ มิใช่ฐานะสูงต่ำ”
เซียวเฉวียนเอ่ยทุ้มลึกหนึ่งประโยค เขาคิดว่าตลอดมาตัวเขาเองก็พูดจากระจ่างมากพอแล้วนะ ผลก็คือจิตใจของโย่วควนก็ยังยึดมั่นอยู่เหมือนเดิม ก็ไม่แปลกเช่นกัน ความคิดของเซียวเฉวียนนั้นค่อนข้างแหวกแนวเกินไปสำหรับคนโบราณ
นัยน์ตาของเซียวเฉวียนมืดดำอย่างยิ่ง ลูกนัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยโทสะเย็นชาไม่พอใจ โย่วควนพลันรีบก้มหน้า “โย่วควนปากมาก อีกหน่อยวาจาเช่นนี้ โย่วควนจะไม่พูดอีกแล้วขอรับ”
“อืม เช่นนั้นก็ถูกแล้ว” นัยน์ตาของเซียวเฉวียนอบอุ่นขึ้นมา “อีกหน่อยอย่าได้พูดเรื่องฐานะสูงต่ำอีก การแบ่งแยกประหลาดนัก ไปเถอะ อีกหน่อยข้าฝากเรื่องเรียนของจิ่นเซ่อไว้กับเจ้าด้วย”
“ขอรับ”
โย่วควนพยักหน้า ความเชื่อใจและการไหว้วานที่เซียวเฉวียนมอบให้เขา เขาซาบซึ้งใจนักทว่ากลับไม่ได้เอ่ยวาจาชัดเจน
นับตั้งแต่ที่เขาออกจากตำหนักยางหวา ตำหนักยางหวาในเวลานี้ เหลือเพียงเซียวเฉวียนคนเดียวนั่งอยู่กลางที่นั่งประธานในตำหนักค่อนข้างใหญ่โตหลังนี้
รูปร่างของเซียวเฉวียนไม่ได้แตกต่างกันมากน้อยกับก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าตรงหว่างคิ้วไม่ได้มีสีแดงเสียดแทงนัยน์ตาอีกแล้ว จิตสังหารของเขาพวยพุ่ง ทำเอาคนตระหนกสุดขีด
โย่วควนเดินก้าวเข้าไป คล้ายได้ยินเซียวเฉวียนส่งเสียงคำรามต่ำอย่างปวดร้าว “อึก...ชวีฝาน...ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว...”
เซียวเฉวียนพลันหันศีรษะ จากนั้นก็คล้ายว่าไม่มีอะไรผิดปรกติเกิดขึ้นกับเขา
เซียวเฉวียนมองเขาก่อนจะโบกมือพลางยิ้มเล็กน้อย “ไปเถอะ”
“ขอรับ นายท่าน” โย่วควนขมวดคิ้ว หรือว่า นี่เขาหลอนไปงั้นหรือ?
โย่วควนไม่อาจจะดื้อดึงไม่จากไปได้ เขาออกจากตำหนักยางหวาไปอย่างกังวลเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงนางกำนัลกลุ่มหนึ่งกำลังพูดจาเล่นกันอยู่ ทว่าล้วนแต่เป็นคำพูดน่าฟังทั้งสิ้น
“อา คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อารักขาของท่านราชครูจะมีความสามารถปานนี้ รู้เรื่องเครื่องลายครามน้ำแข็งด้วย เก่งไปแล้วหรือเปล่า”
“นั่นสิ ข้าได้ยินมาว่า ผู้อารักขาจะเรียนเขียนอ่านไม่ได้ พวกเขาชาติกำเนิกต่ำต้อย เป็นได้แค่ผู้อารักขารายหนึ่งเท่านั้น”
“ผู้อารักขาของท่านราชครู จะไปที่ฐานะต่ำต้อยอย่างไร เจ้าดูพวกเขาพกอะไรมาตั้งเยอะ ดาบในมือนั่นน่ะเป็นถึงดาบจิงหุนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเลยนะ!”
“อื้อ! ผู้อารักขามีความสามารถปานนี้ ไม่อยากจะคิดว่าท่านราชครูตัวจริงจะเก่งกาจปานใดกัน!”
“เจ้าได้ยินแล้วหรือยัง ได้ยินว่าจวิ้นจู่เข้าวังมาแล้ว เห็นว่าจะพำนักอยู่นานด้วยนะ”
“เอ๋? ท่านราชครูเพิ่งย้ายเข้ามา นางก็ตามเข้ามาเลยอย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงของนางกำนัลนั้นมีแววรังเกียจอยู่เต็มประดา
“ได้ยินว่าจวิ้นจู่ร่างกายไม่ดี ไทเฮาเลยให้นางเข้าวังมาพักรักษาตัวน่ะ!”
“มันจะไปมีเรื่องบังเอิญปานนี้ได้อย่างไร ราชบุตรเขยคนหลังของจวิ้นจู่รายนั้นตายแล้ว จวิ้นจู่มิใช่ว่าควรต้องเสียใจหรอกหรือ คิดอยากกลับมาหวนคืนรักเก่าสินะ!”
“ชู่! พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ! ใจกล้าวิจารณ์เชื้อพระวงศ์! อย่าลืมเสียละ ท่านราชครูยังเป้นราชบุตรเขยแคว้นซินเจียง งานอภิเษกของเขากับองค์หญิงต้าถงน่ะเป็นเรื่องใหญ่ของทั้งสองประเทศ จวิ้นจู่จะเป็นอะไรกับเขาไปได้กัน?”
“ใช่! หุบปากเถอะ! ระวังถูกราชครูลงโทษ!”
เหล่านางกำนัลพอจับกลุ่มพูดคุยจบ แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำความสะอาด ทว่าสิ่งที่โย่วควนควรได้ยิน เขาก็ได้ยินแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...