ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 67

ณ สถานศึกษาชิงหยวน

วันที่สองของการสอบ ผู้เข้าสอบจากเมืองหลวงที่ได้เข้าหรือไม่ได้ร่วมก็ตาม เมื่อเห็นคำสอนที่ด้านหน้าของสถานศึกษาชิงหยวน พวกเขาทั้งหลายเป็นอันต้องไม่พอใจเซียวเฉวียน

ผู้เข้าสอบขุนนางในเมืองหลวงมีทั้งคนรวยและผู้ดี พวกเขาหยิบเอาของมีค่าจากบ้านติดตัวมาด้วย ซึ่งของเหล่านั้นเป็นสิ่งที่คนธรรมดาใฝ่ฝันหา

พวกเขายืนรอข้างนอกสถานศึกษาพร้อมกับคนรับใช้ข้างกายที่ถือของมีค่าของเหล่าเจ้านายไว้ ใครก็ตามที่มา ต่างก็จับจ้องไปที่ของล้ำค่าของบุคคลนั้น และอิจฉาอยู่ภายในใจ

คนที่ภูมิใจที่สุดน่าจะเป็นหยางจู ลูกชายของหยางเล่อ ขุนนางในสำนักมนตรีพิธีการ

หยางจูมีร่างกายที่อ้วนท้วม สมองเต็มไปด้วยเรื่องกิน เนื่องจากหยางเล่อที่เป็นหัวหน้าของขุนนางมีลูกชายตอนที่เขาอายุมากแล้ว เขาจึงเลี้ยงหยางจูมาอย่างดีที่สุด

เขาปรนเปรอลูกชายของเขาด้วยอาหารรสเลิศ และทุกสิ่งที่ดีที่สุดในต้าเว้ย

ไม่ว่าหยางจูจะไปที่ใด เขาจะได้ครอบครองพื้นที่เหล่านั้นพร้อมด้วยข้าราชบริพาร

หยางจูและชูเหิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตัวหยางจือเงียบขรึมกว่าจูเหิงมาก เนื่องจากหยางเล่อมักสอนลูกชายของเขาว่าเมืองหลวงคือพยัคฆ์หมอบ มังกรซ่อน และหยางจูนั้นเป็นคนสำคัญ เขาจึงไม่ควรสร้างเรื่องเสียหายให้กับตระกูล หยางจูที่มีอารมณ์สงบกว่าลูกของขุนนางตระกูลอื่น เขาดื่มด่ำกับรสชาติของอาหารมากกว่าที่จะออกไปก่อเรื่องวุ่นวายข้างนอก

เมื่อไม่นานมานี้ ครั้งที่จูเหิงยั่วยุเซียวเฉวียน แม้ว่าหยางจูจะรู้เรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ลูกเขยตระกูลฉินผู้ยากจน ไม่คู่ควรกับฝ่ามือของหยางจูที่จะสอนบทเรียนให้เขา

ไม่ว่ามันจะสงบแต่ไหน สิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือความกระหายและเย่อหยิ่งในตนเอง

เซียวเฉวียนเห็นหัวที่เชิดขึ้นเล็กน้อย ก็รับรู้ได้ว่านี้คืออีกหนึ่งปัญหา

ทันทีที่เซียวเฉวียนปรากฏตัว ความสนใจของทุกคนที่มีต่อหยางจูก็เปลี่ยนไป สายตาของหยางจูจับจ้องไปที่เซียวเฉวียนด้วยความไม่พอใจ

"เซียวเฉวียน ครั้งนี้เจ้านำอะไรมาให้เหวินเจี้ยวหยู้ล่ะ"

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น วันนี้เขาไม่มีอะไรติดมือมา มีเพียงแถบผ้าห้อยลงมาจากมือขวา

เหวินเจี้ยวหยู้เป็นผู้สูงศักดิ์แห่งแคว้นต้าเว้ย ไม่โลภหรือแสวงหาชื่อเสียง

เซียวเฉวียนมองดูของกำนัลของคนเหล่านี้ แต่ละชิ้นราคาแพงใช่ย่อย เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ไม่แปลกใจเลยที่เหวินเจี้ยวหยู้จะไม่ค่อยรับใครเป็นศิษย์ คนเหล่านี้ใช้เงินเพื่อแก้ปัญหา แต่ไม่รู้วิธีที่จะใช้ใจ

เขาเดินดูของเหล่านี้ราวกับว่ากำลังทำงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์ อยากจะตรวจดูให้ละเอียด เสียดายที่เซียวเฉวียนสายตาไม่ค่อยดี อยากจะได้แว่นมาสวมดูให้ชัดเจนเสียจริง

ไม่เลว ไม่เลวเลย

คนส่วนใหญ่นำถ้วยชามมา มีเพียงบางส่วนที่นำเครื่องประดับมา แน่นอนว่าไม่ใช่ของธรรมดา ตระกูลขุนนางจะระมัดระวังในการมอบของกำนัลเสมอ

เขาพยักหน้าขณะเดินดู ของเก่าตรงนี้บางอย่างถูกรวบรวมแล้วนำไปประมูล บางชิ้นซื้อขายอยู่หลายแสน

ในยุคปัจจุบันของพวกนี้มีค่ามาก แต่นี้ยุคโบราณของพวกนี้ก็เป็นเพียงของกำนัลจากตระกูลขุนนางเท่านั้น

เขาเดินดูมันราวกับเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจของ พร้อมกับส่ายหัว "เซียวผู้เป็นหนึ่ง กระถางดอกไม้ที่ข้ามอบให้เหวินเจี้ยวหยู้นั้นมาจากโรงเผาจวินเหยา เจ้ามองดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้หมายความเยี่ยงไร"

ต้าเว่ยกับจีนเหมือนกัน ให้ความสำคัญกับกระถางดินเผาพวกนนี้ เซียวเฉวียนระหลาดใจกับการเผาที่ยอดเยี่ยมในสมัยโบราณ แล้วจะดูถูกเหยียดหยามได้อย่างไร?

เมื่อได้ยินคนหนึ่งพูดขึ้นว่าเขาดูถูกเหยียดหยาม น้ำเสียงนั้นช่างคุ้นเคย

คนที่พูดเป็นหนึ่งในลูกน้องของจูเหิง เขาเป็นคนที่กล่าวหาเซียวเฉวียนในการจัดการจูเหิงที่ผ่านมา

เซียวเฉวียนไม่ตอบ มีใครบางคนรีบพูดขึ้น "นายน้อยหาน ท่านรู้ไม่เท่าเซียวผู้เป็นหนึ่งหรอก เขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน เขาจะดูถูกได้เยี่ยงไรกัน?"

"อืม! ที่ท่านพูดมาก็มีเหตุผล" ผู้ยืนดูอยู่ยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทางยิ่งสโย มองไปที่คนที่ต่ำต้อย บนหน้าแสดงความรังเกียจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย