หลักของการชื่นชมเครื่องลายคราม ประการแรก ให้ดูที่ลักษณะหกประการและระดับหกประการ ประการที่สอง ชื่อเสียงของผู้สร้างสรรค์ผลงาน ประการที่สามภูมิหลังของผลงาน ประการที่สี่ระยะเวลาและเตาเผา ประการที่ห้าขนาดของผลงาน และประการที่หก ความยากง่ายในการเผา
แม้จะเป็นเครื่องลายครามรูปแบบเดียวกัน หากมีรูปลักษณ์ที่ดีกว่า หากเจ้าของผลงานมีชื่อเสียงกว่า หากภูมิหลังของผลงานมีความหมายพิเศษกว่า หากมีอายุเก่าแก่กว่า หากมาจากเตาเผาที่มีชื่อเสียงกว่า หากมีขนาดใหญ่กว่า และหากงานมีเอกลักษณ์กว่า ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามคุณภาพ
จากการประเมินเกณฑ์ทั้งหกนี้ ของกำนัลจากหานกุ้ยอยู่ในระดับกลาง ซึ่งตรงตามความเป็นจริง
ลูกหลานตระกูลขุนนางรู้ดีว่าเครื่องเคลือบรายครามนี้เป็นของระดับกลาง การที่เซียวเฉวียนพูดตรงไปตรงมาเป็นการทำให้หานกุ้ยต้องอับอาย!
สิ่งที่เซียวเฉวียนพูดเป็นความจริง เหล่าผู้เข้าสอบไม่สามารถปฏิเสธได้ พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่มาจากครอบครัวที่ต่ำต้อยจะคุ้นเคยกับเครื่องเคลือบลายครามมากขนาดนี้ คนทั่วไปกว่าจะคุ้นเคยได้ก็ต้องผ่านเครื่องเคลือบลายครามกว่าร้อยชิ้น ถึงจะมีทักษะแยกระดับของเครื่องเคลือบลายครามได้!
หานกุ้ยไม่พอใจอย่างนั้นหรือ? แม้ว่าเซียวเฉวียนจะรู้จักมันเป็นอย่างดี แต่คนอย่างเขาก็ไม่เหมาะสมที่จะแตะต้องของชิ้นนี้! เขาตะคอกด้วยเสียงเย็นชาและสั่งให้คนเก็บกระถางดอกไม้ เซียวเฉวียนไม่สมควรที่จะมองมันมากกว่านี้!
เซียวเฉวียนยิ้มอย่างไม่สนใจและชี้ด้วยมือซ้ายของเขา "สิ่งนี้เรียกว่าเชวียนหลี ในบ้านเกิดของข้าเรียกลูกหยกสีบริสุทธิ์นี้ว่าไข่มุกราตรี ไม่เลวเลย"
คนรับใช้ที่ถือไข่มุกราตรีตกตะลึง เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนพูดด้วยความมั่นใจ ขาของเขาก็สั่นไหว
ทุกคนประหลาดใจ มีเครื่องประดับที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายชนิด ถ้าไม่ใช้ความคุ้นเคย คงยากที่จะแยกออก แต่เพียงแค่มองผ่านๆ เซียวเฉวียนรู้ได้อย่างไรว่านี้คือเชวียนหลี? เขารู้ได้อย่างไรว่านี้ไม่ใช่หยกเจไดต์หรือหินโมรา?
"ข้าซื้อของสิ่งนี้ด้วยเงินหนึ่งพันตำลึง นอกจากสวยงามแล้วยังหายากมากด้วย! เหมาะมากที่จะเป็นของกำนัลให้เหวินเจี้ยวหยู้!" เจ้าของไข่มุกราตรีเป็นลูกขุนนางจากตระกูลหนึ่ง แต่ตัวข้าเองคงไม่ขอเสียเงินเป็นพันตำลึงเช่นนี้!
เซียวเฉวียนลูบคางของเขา "น่าเสียดายที่มีบางส่วนหายไป เดิมทีความหมายแฝงของมันคือความสมบูรณ์ ตอนนี้เมื่อไข่มุกราตรีไม่สมบูรณ์มันก็ดูไร้ค่า ช่างน่าเสียดายจริงๆ"
สีหน้าของนายน้อยคนนั้นซีดราวกับไก่ต้มและคนรับใช้ที่ถือไข่มุกราตรีอยู่ก็ตกใจมากทีเดียว "ไร้สาระ! เป็นไปไม่ได้ จะมีอะไรหายไปได้อย่างไร?"
เมื่อครั้งที่ยังอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาของมีค่าแต่ละอย่างในนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะรับรู้ถึงรูปแบบและคุณค่าของสิ่งๆต่าง
ไข่มุกราตรีนี้อาจถูกใครบางคนทำตกโดยไม่ได้ตั้งใจและทรงกลมของมันก็ได้รับความเสียหายเล็กน้อย หากไม่สังเกตดีๆ ก็อาจจะไม่เห็นความบกพร่องนั้น
ตอนนี้คนรับใช้จงใจพยายามปกปิดด้านที่ได้รับความเสียหาย จึงทำให้เซียวเฉวียนพยามที่จะมองไปยังด้านที่ถูกปกปิด
“อะไรน่ะ?” นายน้อยผู้สูงศักดิ์ทำเหมือนเห็นผี เขาไม่อยากเชื่อ จึงผลักคนอื่นๆ ออกไปและก้าวไปข้างหน้า
ภายใต้แสงแดด ข้อบกพร่องเล็กน้อยเหล่านั้นเผยให้เห็นอย่างชัดเจน
...
...
นายน้อยผู้สูงศักดิ์โกรธและมองคนรับใช้ของเขาอย่างอาฆาตแค้น
นายน้อยคนอื่น ๆ กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงเอาผ้าสีแดงคลุมไว้ป้องกันไม่ให้ใครเห็น แล้วมองไปที่เซียวเฉวียน " ไข่มุกราตรีของข้าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ข้ารู้สึกไม่สบายท้อง จะไปห้องสุขา "
หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบออกไป สักพักก็มีเสียงกรีดร้องจากคนรับใช้อยู่ที่มุมห้อง
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง พวกเขารู้ว่าเซียวเฉวียนมีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมที่โดดเด่น แต่พวกเขาไม่เคยรู้ว่าเซียวเฉวียนรู้วิธีชื่นชมอัญมณีและเครื่องเคลือบลายคราม ถ้าทุกคนไม่รู้ว่าครอบครัวของเขายากจน ทุกคนคงคิดว่าเขาเป็นลูกชายจากตระกูลที่สูงศักดิ์แน่นอน
ตั้งแต่เซียวเฉวียนมาอยู่ที่ต้าเว่ย เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นทางด้านวัตถุเช่นนี้ ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้แสดงความคิดเห็นออกไป เขาชี้ไปที่ภาพการเขียนพู่กันพร้อมรูปภาพรูปหนึ่ง และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง คนรับใช้มองเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า และเดินจากไปทันที
เซียวเฉวียนมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หากเขาชี้ให้เห็นสิ่งผิดปกติ แต่กับคนอื่น ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะมองว่าเป็นการดีหรือไม่?
ผู้เข้าสอบต่างไม่ส่งเสียงใดๆ และคนรับใช้ก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าเจ้านายตัวเองหมายถึงอะไร พวกเขาค่อยๆออกห่างจากเซียวเฉวียนอย่างเงียบๆ
“พวกเราก็เป็นลูกศิษย์ของชิงหยวนเหมือนกัน ทำไมพวกท่านตระหนี่เช่นนี้” เซียวเฉวียนสะบัดแขนเสื้อแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้พวกท่านไม่อยากให้ข้าดูของของพวกท่านแล้วอย่างนั้นหรือ”
เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูภาพการเขียนพู่กัน แต่คนรับใช้ถอยห่างไปเรื่อยๆ
เซียวเฉวียนยิ้ม "เอามาให้ข้าดูหน่อย อย่าตระหนี่ไปเลย!"
ยิ่งเขาก้าวไปข้างหน้า คนรับใช้ก็ยิ่งถอยห่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...