ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 69

หยางจูถามขึ้น ราวกับจงใจบีบคอเขาให้ตายอยู่ตรงนี้

เซียวเฉวียนอาศัยอยู่ในยุคสมัยใหม่ที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงมีข้อมูลต่างๆ มากกว่าคนโบราณเหล่านี้หลายล้านเท่า เข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์และความเป็นโลกมากกว่าคนโบราณเหล่านี้

ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน การให้ของขวัญเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์

จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ของมนุษย์ การให้ของขวัญเป็นเรื่องง่าย แต่การจะได้ใจคนจากของขวัญเป็นเรื่องยาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความต้องการของแต่ละคนแตกต่างกัน

ของขวัญที่ถูกใจสามารถดึงดูดผู้คนให้ใกล้ชิดกันได้อย่างรวดเร็ว

แต่ถ้าเป็นของขวัญที่ไม่ถูกใจ ต่อให้แพงสักแค่ไหน ก็ไม่มีค่า

คนอย่างหยางจู ดูเหมือนจะเป็นมือใหม่ในการให้ของ เพราะเลือกมาแต่ของแพงๆ

ในฐานะคนเป็นอาจารย์ เหวินฮั่นได้สอนนักเรียนมามากมายรวมถึงฮ่องเต้องค์ที่สอง ในฐานะอาจารย์ของฮ่องเต้ คิดว่าเหวินเจี้ยวหยู้ไม่เคยเห็นของล้ำค่าอย่างนั้นหรือ? คิดว่าไม่มีของล้ำค่าติดตัวอย่างนั้นหรือ?

ไม่ว่าของกำนัลจากลูกหลานของตระกูลขุนนางเหล่านี้จะมีราคาสูงเพียงใด ของเหล่านี้จะมีราคาสูงกว่าของกำนัลจากฮ่องเต้เยี่ยงนั้นหรือ?

สถานศึกษาที่เหวินเจี้ยวหยู้ตั้งอยู่นั้นเรียบง่ายและปราศจากการตกแต่ง นอกจากพู่กัน แท่งหมึก หินฝนหมึกและกระดาษ ยังเต็มไปด้วยหนังสือ แต่ไม่เคยมีใครเห็นของกำนัลที่ฮ่องเต้มอบให้

เหวินเจี้ยวหยู้บอกกับโลกภายนอกว่าสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ควรเก็บอย่างมิดชิด แต่ในความเป็นจริงเขาแค่ไม่สนใจกับของพวกนั้น

จากที่เขาไม่ต้องการให้เซียวเฉวียนจ่ายค่าเล่าเรียน เซียวเฉวียนก็รับรู้ได้ว่าเขาต้องการเป็นอาจารย์ที่ดีจริงๆ

เขาแตกต่างจากเฉาสิงจือ เฉาสิงจือชอบพรสวรรค์ที่เรียนรู้และเขาก็ชอบคนที่มีพรสวรรค์เช่นกัน หากวันใดวันหนึ่งเซียวเฉวียนล้มขึ้นมา เฉาสิงจือคงจะเหยีบเขาซ้ำ

แต่เหวินเจี้ยวหยูเขาชอบพรสวรรค์ในการเรียนรู้เพราะเขาต้องการเผยแพร่ความรู้อย่างแท้จริง และเขาต้องการให้ผู้คนในแคว้นต้าเว่ยได้รับการศึกษา

ถึงกระนั้น สถานะของเขาสูงเกินไป เขาเป็นผู้นำของแคว้นต้าเว่ยและยังอยู่ในสถานศึกษาชิงหยวน

กฎของแคว้นต้าเว่ยคือ ไม่สามารถสอนให้แก่คนนอกแคว้นได้ ผู้คนที่มาศึกษา ณ สถานศึกษาชิงหยวนล้วนเป็นลูกหลานของขุนนางในแคว้นเท่านั่น

เซียวเฉวียนโชคดีที่ในยุคปัจจุบัน เขาได้พบกับครูสอนภาษาจีนท่านหนึ่ง ในเวลานั้น ครูท่านอื่นดูถูกเขาเพียงเพราะผลการเรียนของเขาไม่ดี มีเพียงครูชาวจีนท่านนั้นที่เห็นว่าเขาฉลาด ไม่เคยทอดทิ้งและให้คำแนะนำที่ดีแก่เขาเสมอมา

ต่อมา ผลการเรียนของเซียวเฉวียนดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมชื่อดัง จากนั้นก็ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในจีน หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาเข้าทำงานที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ

ถ้าผลการเรียนของเขายังไม่ดีเหมือนเดิม เขาคงแต่งงานมีลูกมีเมียไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้ตัวเองโสด แต่เพราะความรู้ มันสามารถเปลี่ยนคนได้จริงๆ

อันที่จริง เมื่อเขารับรู้ถึงความตั้งใจจริงของเหวินเจี้ยวหยู้ จึงเตรียมของกำนัลไว้ให้แล้ว

เซียวเฉวียนให้ความสำคัญกับของกำนัลชิ้นนี้มาก

แค่จะนำของกำนัลเข้าสู่การศึกษาก็ลำบากมากแล้ว แต่ตอนนี้มันยังมาไม่ถึง

ของกำนัลประเภทใดกัน ที่คนไม่จ่ายค่าเล่าเรียนสามารถซื้อได้? ในตอนแรกหยางจูไม่พอใจเรื่องของจูเหิง เขาจึงตะคอกอย่างเย็นชาไปว่า "ข้าได้ยินมาว่าเซียวผู้เป็นหนึ่งยังไม่ได้จ่ายค่าเล่าเรียน แทนที่จะคิดเกี่ยวกับการให้ของกำนัล เจ้าอาจจะต้องคิดเกี่ยวกับการจ่ายค่าเล่าเรียนก่อน เจ้าอยู่ในสถานศึกษามาหลายวันแล้วและเจ้าเองก็ได้รับการสั่งสอนเช่นพวกเรา เจ้าควรจะจ่ายค่าเรียนด้วยสิ”

นายน้อยจากตระกูลขุนนางอื่นหัวเราะเยาะ ไม่มีใครในสถานศึกษาชิงหยวนค้างค่าเล่าเรียน เซียวเฉวียนเป็นคนแรกในทุกเรื่องจริงๆ

หลังจากนี้คงมีข่าวลือว่า เซียวเฉวียนที่กำลังศึกษาอยู่ที่สถานศึกษาชิงหยวนค้างค่าเล่าเรียน และจนปัญญาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางจู

“สำหรับค่าเล่าเรียน เมื่อข้าสอบได้ที่หนึ่ง ข้าจะจ่ายอย่างแน่นอน”

เซียวเฉวียนได้ยินว่ารางวัลสำหรับที่หนึ่งในการสอบคือเงินหนึ่งพันตำลึง จึงดูเป็นเรื่องเล็กน้อยที่จะควักห้าร้อยตำลึงเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียน

การใช้เงินจำนวนนี้เพื่อชำระค่าเล่าเรียนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะปฏิเสธการสอนของเหวินเจี้ยวหยู้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย