ไทเฮาพลันแสดงสีหน้าสับสนออกมา
ยามที่พระนางเห็นผนึกตราประทับสีขาวเข้ามานั้น พระนางถึงกับตกตะลึงไปในทันที
พระนางย่อมรู้ดีว่านั่นหมายถึงอะไร
ริมฝีปากของพระนางพลังสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย นางเพียงแค่อยากจะกำจัดอันตรายให้กับเหล่าราษฎรเท่านั้น นางเพียงแค่อยากจะสังหารเซียวเฉวียนอย่างถูกที่ถูกทาง นางหาได้คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่
ใหญ่มาก... ใหญ่มากเสียจนองค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันของราชวงศ์ต้าเว่ยคือนางจริงๆ
ไทเฮาเพียงต้องการดุด่ามารดา ด่ามารดาของเซียวเฉวียน ตระกูลเซียวที่ใช้ชีวิตมาด้วยความจงรักภักดีมาสามชั่วอายุคนนั้น เหตุใดถึงให้กำเนิดคนสารเลวเช่นเซียวเฉวียนออกมาได้!
สารเลว!
สารเลวจริง ๆ !
เซียวเฉวียนทำได้แล้ว เซียวเฉวียนแต่งตั้งให้นางขึ้นเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าเว่ยได้แล้ว!
ในใต้หล้ามีสตรีนางใดสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดินีได้กัน? ช่างไร้สาระยิ่งนัก!
ภายในใจขององค์ไทเฮาทั้งประหลาดใจและอยากจะด่ากราดออกมาในคราวเดียวกัน เกรงว่าพระนางคงจะตกใจเกินไป ยามที่ผนึกตราประทับสีขาวเข้ามานั้น แม้แต่ฝีเท้าของพระนางก็ไม่อาจขยับเขยื้อนไปได้
ผนึกตราประทับสีขาวนั้นหาใช่สิ่งมีชีวิตไม่ มันเพียงแค่สามารถรับรู้กฎเกณฑ์ได้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าขบขันหรือไม่ หรือจักเป็นเรื่องไร้สาระเพียงใด
ทั้งผนึกตราประทับสีขาว ตราประทับเหวินอิ้นและผนึกจูเสิน ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ใช้ยึดถือกฎเกณฑ์และลงมือมอบความตายเท่านั้น
กฎเกณฑ์ของผนึกตราประทับสีขาวก็คือ หากเจ้าเป็นถึงองค์จักรพรรดิ ข้าจักจะลงโทษเจ้าจนตาย ไม่ว่าเจ้าจักเป็นผู้ใดหาได้สลักสำคัญไม่
"อ๊าย!"
เมื่อผนึกตราประทับสีขาวกระโจนเข้ามานั้น ไทเฮาที่มิได้มีทางเลือกอื่นมานัก พระนางจึงกรีดร้องออกมาแทน
ผนึกตราประทับสีขาวอันนี้ เป็นผนึกที่สามารถสังหารจักรพรรดิองค์ก่อนให้ผู้ล่วงลับไปได้ แม้ว่าไทเฮาจักเป็นสตรีผู้กล้าหาญก็ตาม หรือจักมีสมญานามว่าหลี่ฮวาสีเลือดหรือมีเข็มเงินหลายร้อยล้านเข็มมาอยู่ตรงหน้าผนึกตราประทับสีขาวนั้น พระนางก็มีเพียงหนทางตายเท่านั้นที่รออยู่
"ฉึก!"
ไทเฮาที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการประมือต่อสู้กับเซียวเฉวียนและบุตรสาวของเขานั้น กลิ่นอายรังสีฆ่าฟันของพระนางยังคงเข้มข้นอยู่ เมื่อผนึกตราประทับสีขาวที่เพิ่งถูกเซียวเฉวียนโจมตีใส่ไปหลายครั้งหลายครา หลังจากที่ผนึกตราประทับสีขาวจับสัมผัสกลิ่นอายฆ่าฟันของไทเฮาได้นั้น มังจังส่งเสียงร้องหึ่ง ๆ ออกมาในทันที ก่อนจะเปล่งแสงประกายแวววับออกมาเสียสว่างจ้า
"แคว้ก!"
ผนึกตราประทับสีขาวที่ห้อยอยู่เหนือหัวของไทเฮานั้น จู่ ๆ ก็ปรากฏสัญญาลักษณ์แสงสีขาวขึ้นมาในทันที พร้อมทั้งกดประทับตราลงมาบนหัวของไทเฮาด้วยความรวดเร็ว!
ทำเอากระดูกของไทเฮาพลันหักไปถึงสามท่อน!
พร้อมทั้งเสียงกรีดร้องของไทเฮาที่ร้องดังออกมาด้วยความเจ็บปวด เครื่องหัวที่สูงส่งและมีราคาแพงบนหัวของพระนางมากมายนั้นพลางตกหล่นลงบนพื้นไปในทันที พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่ดังออกมา พระนางถึงกับเอามือทุบลงบนพื้นอย่างแรงว่า "เซียวเฉวียน! เซียวเฉวียน! เจ้าสารเลว! อ๊าก! หยุด! หยุดมือ! ข้าหาใช่ฝ่าบาทไม่! เจ้าจำผิดคนแล้ว!"
สถานการณ์ภายในพระราชวังที่แปรเปลี่ยนไปนั้น ข่าวคราวที่ไทเฮาถูกปราบก็พลันส่งไปถึงจวนเจียนกั๋วในทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะของเว่ยเชียนชิวพลันดังมาจากจวนเจียนกั๋ว
นับว่าเป็นวิธีรับมือที่ยอดเยี่ยม!
นับว่าโชคดีที่เซียวเฉวียนคิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้!
ไทเฮาที่เป็นสตรีเข้มแข็งเช่นนี้ แม้ว่าจักเป็นเว่ยเชียนชิวเอง เขาก็หาได้เคยรับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้ไม่! เจ้าเซียวเฉวียนผู้นี้รับมือได้ดีกว่าเขายิ่งนัก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
สถานการณ์และคลื่นลมภายในพระราชวังนั้น ในสายตาของเว่ยเชียนชิวแล้ว นี่ก็เป็นเพียงเหตุการณ์สุนัขกัดกันเท่านั้น คนกันเองขัดขากันเองช่างเป็นเรื่องที่น่าขันเสียนี่กระไร!
ฝ่าบาทยังต้องการเป็นศัตรูของเว่ยเชียนชิวอยู่อีกหรือไม่? ฝ่าบาทควรเอาเวลามาดูแลพระมารดาของตนเองก่อนจักดีกว่า! เจ้าเด็กน้อยที่น่าสงสารคนนี้!
แม้ว่าผีสางภายในราชสำนักจะพากันส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ทว่า ภายในจวนเจียนกั๋วนั้น กลุ่มผู้คนของเว่ยเชียนชิวต่างก็พากันส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเป็นสุขเสียจนเกือบครึ่งค่อนวัน
โดยเฉพาะวิธีการอันแปลกประหลาดของเซียวเฉวียนที่ใช้รับมือกับองค์ไทเฮานั้น แม้แต่เว่ยเชียนชิวก็ยังอดมิได้ที่จะปรบมือฉากใหญ่ลงบนพนักเก้าอี้ของตนด้วยความชอบใจ องค์ไทเฮาได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีองค์แรกในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ต้าเว่ยใช้หรือไม่ ทว่า ชะตากรรมของจักรพรรดินีองค์นี้นับว่าน่าสงสารยิ่งนัก ยังมิทันได้ขึ้นขึ้นครองบัลลังก์ พระนางก็โดนผนึกตราประทับสีขาวบดขยี้จนตายเสียแล้ว!
เสียงน่าอายเหล่านั้น เหล่าเฮยหลังและคนอื่น ๆ ต่างก็คุ้นชินกันเป็นอย่างดี
ในทางกลับกัน เว่ยเป้ยบุตรชายของเว่ยเชียนชิวซึ่งเป็นชายหนุ่มที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนั้น กลับนึกทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อต้องมาพบเจอบิดาที่ชอบเคล้านารีอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
ทันทีที่เฮยหลังถอยกายออกมา พวกเขาก็ชนเข้ากับเว่ยเป้ยที่มีสีหน้าซีดเผือดไป พลางเอ่ยทักทายขึ้นมาว่า "น้อมพบท่านอ๋องเว่ยเป้ยขอรับ"
“มิต้องมาพิธีไป เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเหล่าปัญญาชนที่เสียชีวิตเหล่านั้น ถูกไทเฮาสังหารเพื่อใส่ร้ายเซียวเฉวียน?”
"ขอรับ" เฮยหลังพยักหน้าลงเล็กน้อย ช่วงนี้ท่านอ๋องเว่ยเป้ยให้ความสนใจกับเรื่องของเซียวเฉวียนเป็นพิเศษ ทั้งยังมาหาเขาทุกวันเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวของเซียวเฉวียนอีกด้วย แม้แต่การทบทวนการสอบขุนนางระดับเค่อจี่เขาก็หาได้นึกสนใจไม่
“ตอนนี้เซียวเฉวียนเป็นเช่นไรบ้าง? เขายังอยู่ในวังหรือไม่? เขาทะเลาะกับไทเฮาเป็นเช่นไรบ้าง เรื่องราวมิอันตรายไปใช่หรือไม่?”
เว่ยเป้ยเอ่ยถามคำถามอีกหลายข้อ เฮยหลังล้วนแต่ตอบคำถามกลับทั้งหมดทีละคำถาม เมื่อเห็นสีหน้าที่ฉายถึงความวิตกกังวลบนใบหน้าของเว่ยเป้ยนั้น เฮยหลังก็ได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะเอ่ยตักเตือนออกมาว่า "ท่านอ๋องขอรับ พระองค์ห้ามมิให้เจียนกั๋วล่วงรู้เรื่องที่... พระองค์ห่วงใยเซียวเฉวียนนะขอรับ"
สีหน้าของเว่ยเป้ยพลันเปลี่ยนไปในทันที "ข้าหาได้ห่วงใยเขาไม่! ข้าแค่เป็นกังวลว่าเขาจะตายเท่านั้น ท่านพ่อยังมิได้ยาอายุวัฒนะเลย! ข้าไปละ!"
เว่ยเป้ยจึงสะบัดแขนเสื้อพร้อมเดินจากไปในทันที ความคิดการอ่านของคนในยุคปัจจุบันหาได้มีลึกซึ้งเท่าคนในยุคโบราณไม่ ถึงแม้ว่าภายนอกจะแสดงว่าตนเองมิเป็นอันใด แต่ก็มิอาจหลบสายตาของผู้ต่อกรแย่งชิงห้วงอำนาจมานานหลายปีเช่นเฮยหลังไปได้
ฝีเท้าของเว่ยเป้ยที่ก้าวเดินออกไปกลับสั่นสะท้านขึ้นมา การที่เฮยหลังใช้คำว่า "ห่วงใย" เช่นนี้ ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องฝึกการแสดงออกทางสีหน้าแล้วจริง ๆ
พระราชวัง
กองทัพตระกูลฉินและองครักษ์รักษาพระราชวังนั้นยังคงเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกันมิมีหยุด ทว่า จู่ ๆ ก็มีบุรุษขี่ม้าขาวเข้ามาพร้อมด้วยตราหยกที่อยู่ในมือ "ข้าในนามราชครูของฝ่าบาท! ได้นำความของฝ่าบาทมาแจ้งแก่ทุกคนว่า! ทุกคนจงหยุดมือบัดเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้น ผู้ใดที่หาญกล้าฝ่าฝืนคำสั่งจักถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี!”
ผู้ที่มาเยือนเป็นเซียวเฉวียน
การที่เซียวเฉวียนมาเช่นนี้หาใช่เรื่องที่น่าแปลกใจไม่
แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ ในมือของเซียวเฉวียนกลับมีตราหยกคาดเอวของฝ่าบาทอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...