ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 739

ตราหยกที่ห้อยตรงเอวนั้น มีไว้ให้สำหรับเจ้าหน้าที่ขุนนางขั้นหนึ่งเท่านั้น ดูท่าแล้ว เซียวเฉวียนคงจะได้รับการเลื่อนขั้นแล้วเป็นแน่

เหล่าขุนนางมากมายพลันมีสีหน้าดูสับสนไปในทันที เหตุใดเซียวเฉวียนจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งได้เล่า?

เขาทำเรื่องอันใดลงไปหรือ?

เหตุใดคิดจะเลื่อนตำแหน่งก็สามารถทำได้ไวถึงเพียงนี้?

“ฝ่าบาททรงรับสั่งแล้วว่า! ราชองครักษ์ของราชวงศ์มิควรจู่โจมกองทัพของตระกูลฉินอีก! ถอยไปเสีย!”

เซียวเฉวียนที่ถือตราหยกขึ้นมานั้น พลางส่งเสียงประกาศกร้าวออกมาเสียจนทำเอาผู้คนที่ได้ยินถึงกับขนลุกไปตาม ๆ กัน ฝ่าบาทหาได้ปรากฎตัวออกมาสักครั้งไม่ เหตุใดถึงมีรับสั่งให้เซียวเฉวียนมาปรากฎตัวพร้อมกับตราหยกในยามนี้ได้เล่า?

ตราหยกนี่! เป็นสิ่งของที่ล้ำค่ายิ่งนัก!

ถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนจักเป็นถึงท่านราชครูของฝ่าบาททั้งยังเป็นถึงประมุขแห่งชิงหยวนก็ตาม หากแต่เขาก็มิมีสิทธิ์ที่จะหยิบยกตราหยกของฝ่าบาทมาสั่งการอันใดกับพวกเขาได้ไม่!

ผู้คนที่สามารถจับตราหยกของฝ่าบาทมาได้ตลอดนั้น หากมิใช่เจียนกั๋วก็ย่อมเป็นเหล่าขุนนางขั้นสูงมาโดยตลอด เช่นท่านอัครเสนาบดี ท่านแม่ทัพใหญ่ เซียวเฉวียนที่เป็นเพียงขุนนางขั้นสามที่เพิ่งประสบความสำเร็จมาไม่นานนั้นมีสิทธิ์อันใด!

มีสิทธิ์อันใด!

เซียวเฉวียนมีสิทธิ์อันใดหาใช่เรื่องสำคัญไม่ หากแต่สิ่งที่สำคัญก็คือตราหยกนี้เป็นของจริง เหล่าราชองครักษ์ของพระราชวังที่ดุดันจนน้ำไม่อาจดับไฟลงได้นั้น ถึงกับรีบหยุดมือลงไปในทันที ฉินเซิงเองก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกด้วยเช่นกัน ก่อนจะแอบยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้เซียวเฉวียน จากนั้นจึงหันกลับมาร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า "หยุดการโจมตี! หยุดการโจมตีบัดเดี๋ยวนี้!"

“พ่ะย่ะค่ะ!"

ทั่วร่างที่เต็มไปด้วยเลือดมากมายของเหล่าทหารกองทัพตระกูลฉินนั้น จึงรีบวางอาวุธในมือลงในทันที

ทั่วร่างของฉินเซิงที่เต็มไปด้วยเลือดมากมาย พลางก้าวเดินเข้ามาหาพร้อมกับฝ่ามือที่กำลังสั่นเทา

นับว่าในครานี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมากนัก เดิมทีผู้ที่ถูกสังหารตายในสนามรบส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นศัตรูฝ่ายตรงข้ามกัน แต่ในวันนี้ ผู้ที่ถูกพวกเขาสังหารไปกลับเป็นชาวต้าเว่ยแทน ใบหน้าของฉินเซิงเต็มไปด้วยรอยเลือดมากมาย หาได้มีความตื่นเต้นอันใดไม่ มีแต่ความเจ็บปวดและอาการทำอะไรไม่ถูกแทน

ฉินเซิงรู้สึกว่าตนเองกำลังทำบาป เซียวเฉวียนผู้ซึ่งมาพร้อมกับตราหยกของฝ่าบาทนั้น เสมือนกับเขามาช่วยชีวิตของฉินเซิงเอาไว้

“เซียวเฉวียน! ฝ่าบาทอยู่ที่ใดกัน!” ในขณะเดียวกัน ชายชราผู้หนึ่งพลางยืนลูบเคราของตนเองไปมาอยู่ด้านหน้า พร้อมทั้งสีหน้าที่แสดงความไม่พอใจต่อเซียวเฉวียนออกมาอย่างชัดเจน ขาดก็แต่เขียนอักษรลงไปบนหน้าตาของเขาเท่านั้น

บุคคลผู้นี้เคยเป็นลูกน้องของอัครเสนาบดีจู ซึ่งมีนามว่าจางจิ่น

หลังจากที่อัครเสนาบดีจูเสียชีวิตลงนั้น จางจิ่นจึงเป็นบุคคลที่มีแนวโน้มที่จะได้ขึ้นเป็นท่านอัครเสนาบดีคนต่อไปมากที่สุด คนผู้นี้มีความสามารถเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งของท่านอัครมหาเสนาบดีจูอีกด้วย

ในยามนี้ จางจิ่นเป็นถึงหัวหน้าใหญ่ของกองกำลังฝ่ายราชการของจวนอัครมหาเสนาบดี ทั้งยังดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีเป็นการชั่วคราวอีกด้วย เนื่องจากว่าฝ่าบาทเอาแต่เลื่อนการคัดเลือกตำแหน่งอัครเสนาบดีคนใหม่ออกไป ดังนั้นตำแหน่งนี้จึงยังมิได้รับการตัดสินลงมา อย่างไรก็ตาม จางจิ่นกลับถือหางว่าตนเองจักต้องได้เป็นอัครเสนาบดีมาโดยตลอด เมื่อมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นนั้น เขามักจะยืนเป็นคนแรกเพื่อเอ่ยถามถึงเรื่องราวทั้งหมดโดยละเอียด

เมื่อมีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นในยามนี้ แน่นอนว่าเขาจักต้องเป็นผู้ลุกขึ้นเอ่ยถามความเป็นไปแทน

เดิมทีเขาวางแผนที่จะแสดงความสามารถของการที่จะขึ้นมาเป็นอัครเสนาบดีในภายหลัง ทว่า เมื่อเขาเห็นเซียวเฉวียนออกมาพร้อมกับตราหยกของฝ่าบาทนั้น รวมไปถึงตราประจำตัวของขุนนางขั้นหนึ่งที่ห้อยอยู่ข้างเอว เขาจึงไม่อาจสงบจิตสงบใจได้เช่นเดิม ในเมื่อฝ่าบาทเลื่อนขั้นเซียวเฉวียนขึ้นมาเช่นนี้ ไม่เพียงแต่มอบตำแหน่งให้เซียวเฉวียนเป็นถึงราชครูแล้วนั้น หากแต่ยังนึกให้เซียวเฉวียนเป็นอัครเสนาบดีอีกหรือ?

ในใจของจางจิ่นในยามนี้ เซียวเฉวียนก็เป็นเพียงแค่เด็กเมื่อวานซืน ทั้งยังเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของเขาอีกด้วย

จางจิ่นจึงร้องตะโกนใส่เซียวเฉวียนด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า "ตราหยกเป็นสิ่งของล้ำค่ามากเพียงไร! เจ้าจักมาถือเช่นนี้ได้อย่างไรกัน! ผู้ที่ถือได้ย่อมต้องเป็นข้าไม่ก็ท่านแม่ทัพฉินเท่านั้น!"

“นั่นสินั่นสิ” เหล่าขุนนางคนอื่น ๆ ต่างพากันร้องรับในทันที ทั้งยังเอยเห็นด้วยออกมาทีละสองสามคำ ก่อนจะเหล่มองเซียวเฉวียนด้วยหางตา “ในยามนี้พวกข้าหาได้พบเจอฝ่าบาทไม่ ผู้ใดจักไปรู้กันว่าเจ้านำตราหยกออกมาได้อย่างไร?”

“แม้นว่าไทเฮาจักเป็นผู้ริเริ่มก่อการรัฐประหารในพระราชวังก็ตาม อีกทั้งตราหยกของฝ่าบาทยังอยู่ในมือของเซียวเฉวียนอีก บางทีอาจมีคนขโมยมันมาก็เป็นได้!”

"ใช่ใช่ใช่! พวกเราห้ามฟังคำของเซียวเฉวียนเป็นอันขาด!”

เฮอะ! เซียวเฉวียนแทบจะหัวเราะออกมา เขาหาได้ทำเรื่องเลวร้ายอันใดไม่ สิ่งเดียวที่เขาก็เป็นเพียงแค่ทำให้ทั้งสองฝ่ายยุติการโจมตีกันเท่านั้น เหตุใดพวกเขาถึงไม่ฟังเซียวเฉวียน?

"เช่นนั้นพวกท่านก็ต่อสู้กันเสีย"

เซียวเฉวียนจับตราหยกในมืออย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอย่างเยือกเย็นปนเยาะเย้ยออกมาว่า "มา สู้กันเสีย! ราชองครักษ์ในพระราชวัง กองทัพตระกูลฉิน รวมไปถึงเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลาย พวกท่านรีบเข้าโรมรันกันให้ไว เชิญพวกท่านตามสบายเลย!"

ใบหน้าของทุกคนพลันมืดมนลงไปในทันที เซียวเฉวียนหมายความว่าอันใดกัน?

ในหมู่อัครเสนาบดีนั้น มีอัครเสนาบดีจูและสมุหพระกลาโหมจ้าวที่ตกตายไปแล้ว ดังนั้นตำแหน่งทั้งสองในยามจึงยังว่างเว้นเอาไว้ การที่เซียวเฉวียนสามารถครอบครองตราหยกข้างเอวนี้ได้นั้น ย่อมหมายความว่าเขาอาจจะได้รับตำแหน่งไหนตำแหน่งหนึ่งในจากในสองตำแหน่งนี้ ทว่า ตำแหน่งสองตำแหน่งนี้นั้น ล้วนแต่เป็นตำแหน่งที่อยู่สูงกว่าของจางจิ่นที่เข้ามารับตำแหน่งอัครเสนาบดีชั่วคราวไม่ใช่หรือ?

“พวกข้าต้องการเข้าพบฝ่าบาท! เซียวเฉวียน! ถึงแม้ว่าเจ้าจักนำตราหยกเข้ามากล่าวอ้างอย่างไร้สาระก็ตาม ทว่า พวกข้าทุกคนต้องการจะเข้าพบฝ่าบาท!”

เหล่าบรรดาข้าราชบริพารในยามนี้ต่างก็พากันโบกไม้โบกมือไปมาด้วยความไม่พอใจ เซียวเฉวียนช่างหยิ่งผยองเกินไปแล้ว! พวกเขาไม่เชื่อหรอก ว่าฝ่าบาทจะขึ้นตำแหน่งให้คนคนเดียวเช่นนี้! แม้แต่ในอดีตก็ไม่อาจเป็นไปได้!

เซียวเฉวียนเพิ่งจะขึ้นมารับตำแหน่งขุนนางขั้นสามได้ไม่เท่าไหร่เลย ในยามนี้กลับได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นถึงขุนนางขั้นหนึ่งเช่นนี้!

มันหาใช่เรื่องสมเหตุสมผลไม่!

เซียวเฉวียนเองก็หาได้มีความสามารถมากมายถึงเพียงนั้น! พวกเขาย่อมไม่พอใจ!

“ใช่! พวกข้าต้องการเข้าพบฝ่าบาท!”

“ฝ่าบาทอยู่ที่ใด! พวกข้าต้องการเข้าพบฝ่าบาท!”

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”

เหล่าข้าราชบริพารกลุ่มหนึ่ง ต่างพากันทำตัวราวกับโจรภูเขาก็ไม่ปาน พร้อมทั้งพากันส่งเสียงโวยวายอึกทึกครึกโครมออกมา

เซียวเฉวียนพลางร้องตะโกนก่อนจะชักดาบจิงหุนออกมาในทันที "หากต้องการจะพบฝ่าบาทนั้น! ก่อนจักไปที่พระราชวังฉางหมิง! ที่เป็นส่วนตำหนักในที่ลึกที่สุด! พวกท่านลืมหน้าที่ในฐานะของขุนนางไปแล้วหรืออย่างไรกัน?"

“ข้ามิเพียงได้รับหน้าที่มาถ่ายทอดคำสั่งการของฝ่าบาทเท่านั้น แต่ยังต้องจะส่งสารมาบอกกับพวกท่านอีกว่า หากพวกท่านคิดจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายในครานี้ เพื่อบุกย่างกรายเข้าไปในพระราชวังฝ่ายในเพียงเพราะเป็นกังวลในตัวฝ่าบาทละก็ ฝ่าบาทเข้าใจในความห่วงใยของพวกท่านเป็นอย่างดี!”

“หากว่าพวกท่านก้าวเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียวละก็! หลงลืมกฎเกณฑ์ที่มีอย่างยาวนานไป อย่าหาว่าข้ามิเกรงใจพวกท่านแล้วกัน!”

เซียวเฉวียนเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับประกายดาบจิงหุนที่แวววับออกมา พร้อมทั้งกลิ่นอายโดยรอบที่เต็มไปด้วยความกดดันในทันที

เมื่อฉินเซิงได้ยินเช่นนั้น เขาจึงดึงบังเหียนม้าให้หันหน้าไปอีกทาง เพื่อไปยืนข้างกายเซียวเฉวียน ก่อนจะยกดาบชี้ไปที่เหล้าข้าราชบริพารทุกนายว่า "ถอย! มิฉะนั้นข้าจักสังหารพวกเจ้าทิ้งเสีย!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย