เหล่าข้าราชบริพานพลันตัวสั่นเทาไปในทันที
“ท่านแม่ทัพฉิน! ท่านฟังคำพูดของคนผู้นี้งั้นหรือ?”
จางจิ่นยิ่งมิพอใจมากขึ้นไปอีก ฉินเซิงพลันขมวดคิ้วลงไปในทันที "ข้าเพียงแค่เคารพในตราหยกเท่านั้น"
"เจ้า!"
จางจิ่นแทบจะระเบิดความโมโหออกมา เมื่อครู่เซียวเฉวียนทำให้เขาอับอายมากมายถึงเพียงนั้น ความโกรธนี้ยังมิทันได้ระบายออกไป กลับต้องมาถูกฉินเซิงเอ่ยทับถมลงมาเช่นนี้อีก
“ใต้เท้าจาง ในเมื่อท่านยังมิพอใจเมื่อได้เห็นตราหยกเช่นนี้ เช่นนั้นท่านยังต้องการอันใดอีกเล่า?” ฉินเซิงเอ่ยตอบโต้กลับ จางจิ่นถึงกับถลึงตาโตออกมาในทันที คำพูดที่คุ้นหูเช่นนี้ มิใช่เซียวเฉวียนเพียงจะใช้เอ่ยกับเขาไปหรือ?
“ฉินเซิง! หรือว่าเจ้าก็คิดจะเป็นกบฏเช่นกันงั้นหรือ? เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับเซียวเฉวียนใช่หรือไม่?”
“ใต้เท้าจาง!” เมื่อฉินเซิงได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาของเขาพลันฉายแววดุร้ายออกมาในทันที นี่นับว่าเป็นการดูถูกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อแม่ทัพผู้ภักดีเช่นเขา "ท่านกล่าวหาว่ากองทัพตระกูลฉินเป็นกบฏเช่นนั้นหรือ?"
ทันทีที่ฉินเซิงพูดจบ ดาบของทหารกองทัพตระกูลฉินทั้งหลายจึงหล่นกระแทกพื้นเสียงดังออกมาในทันที "ตึก" เสียงที่ดังกังวานทำเอาเหล่าข้าราชบริพารที่ได้ยินต่างก็เกิดอาการหวาดกลัวไปในทันที
“ในยามที่ตระกูลฉินของข้าทำงานรับใช้ให้กับจักรพรรดิองค์ก่อนและฝ่าบาทในยุคนี้นั้น พวกเจ้าทุกคนมิรู้ว่าไปซุกหัวกันอยู่ที่ใด!” ฉินเซิงตวาดกล่าวออกมาด้วยท่าทีทรงอำนาจ “พวกเจ้ายังกล้าเรียกข้าว่ากบฏได้หรือ?”
ฉินเซิงจ้องมองไปที่จางจิ่นอย่างไม่สบอารมณ์ไปในทันที
พลันมีคนเข้ามาดึงแขนเสื้อของจางจิ่น ก่อนจะเอ่ยกระซิบออกมาว่า "ใต้เท้าจาง พวกเราพอแต่เพียงเท่านี้เถิด ในเมื่อฉินเซิงยืนกรานอยู่ข้างเซียวเฉวียนในยามนี้ ทั้งยังมีกองกำลังตระกูลฉินมากมายอยู่ที่นี่อีก พวกเราไม่อาจแข็งข้อกับพวกเขาได้แน่"
“ใช่แล้ว” เหล่าขุนนางกลุ่มนี้จึงพากันยอมแพ้ลงอย่างรวดเร็ว “พวกเราไปที่พระราชวังฉางหมิงกันก่อนเถอะ หลังจากที่พวกเราได้พบกับฝ่าบาทนั้น ค่อยกลับมาจัดการกับเซียวเฉวียนก็ไม่สาย ในเมื่อเขามิให้ความเคารพต่อใต้เท้าจางเช่นนี้ พวกเราย่อมมิวิธีจัดการกับเขาเพื่อให้ใต้เท้าจางได้ระบายความโกรธได้แน่”
จางจิ่นเหลือบมองไปที่เซียวเฉวียนเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามองที่ฉินเซิง เขาที่ใช้ชีวิตมานานครึ่งปีเช่นนี้ กลับต้องมาถูกชายหนุ่มรุ่นลูกรุมรังแก
รอจนกว่าเขาจักได้ขึ้นเป็นอัครเสนาบดีเมื่อใดละก็ เรื่องแรกที่เขาจักทำคือคิดบัญชีกับเซียวเฉวียนเสีย!
จางจิ่นมิได้มองเซียวเฉวียนอีกต่อไป มิรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ใช้วิธีการใดถึงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเช่นนี้ได้ เขานึกดูถูกเซียวเฉวียนยิ่งนัก หากแต่หันไปเอ่ยกับฉินเซิงว่า "ในเมื่อท่านแม่ทัพฉินเชื่อว่า นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาท เช่นนั้นพวกข้าจักเข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเอง"
“หากฝ่าบาทถูกข่มเหงโดยผู้ใดสักคนละก็ ข้าหวังว่าท่านแม่ทัพฉินจักมินึกยั้งมือเอาไว้”
เซียวเฉวียนถึงกับหัวเราะออกมาในทันที คนเหล่านี้ไม่พลาดโอกาสที่จะจัดการกับเซียวเฉวียนเลยจริง ๆ
“ใต้เท้าจางมิต้องกังวลไป หากมันคนใดที่คิดร้ายต่อฝ่าบาทละก็ ข้าคนแซ่ฉินย่อมมิมีทางปล่อยมันไปแน่ ” คำพูดของฉินเซิงนั้นแฝงไปด้วยคำพูดอีกเช่นกัน พร้อมกับนัยน์ตาที่ฉายแววเคร่งครัดออกมา “ไม่เพียงแต่คนผู้นั้นคือเซียวเฉวียน แต่เหล่าขุนนางทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน"
"เจ้า......"
จางจิ่นเกือบจะหัวใจวายตายหลังจากถูกฉินเซิงเอ่ยกล่าวหาขึ้นมาเช่นนี้ ยามที่เขาเอ่ยต่อปากต่อคำต่อเซียวเฉวียนนั้น เขายังสามารถดุด่าเซียวเฉวียนซึ่งเป็นขุนนางขั้นสามได้ ทว่าตระกูลของฉินเซิงนั้นกลับเป็นแม่ทัพมานานหลายชั่วอายุคน อีกทั้งพวกเขายังมีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์ต้าเว่ยอีกด้วย จางจิ่นมิรู้เลยว่าจักหาเรื่องอันใดไปเอ่ยต่อกรกับเขาได้
"พวกเราไปกันเถอะ! ไปที่พระราชวังฉางหมิง!"
จางจิ่นโกรธโมโหเสียจน สะบัดแขนเสื้อจากไปในทันที เมื่อจางจิ่นเดินจากไปนั้น เหล่าข้าราชบริพารที่เป็นลิ่วล้อมากมายจึงพากันเดินตามเป็นขบวนในทันที
ทั้งเซียวเฉวียนและฉินเซิงต่างก็มีกลิ่นอายรังสีฆ่าฟันคุกรุ่นถึงเพียงนี้ พวกเขาจักกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร
หากแต่พวกเขากลับต้องจำใจเดินจากไปด้วยความไม่พอใจและความโกรธเกรี้ยว ทั้งยังมิวายหันมาถลึงตาใส่เซียวเฉวียนอยู่สองสามครั้ง ราวกับอยากจะเปิดกะโหลกหัวของเซียวเฉวียนออกมาดู
เซียวเฉวียนถึงกับลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขากลัวจริงๆ ว่าเหล่าขุนนางพวกนั้น จักหน้าหนาท้าชนเดินเข้ามาหาอีก หากพวกเขายังดึงดันอีกละก็ ก็จะได้พบกับองค์จักรพรรดิที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าลำบากอย่างแน่นอน
นับว่าโชคดีที่ฉินเซิงมาอยู่ข้างเขา มิเช่นนั้นเขาอาจจะไม่สามารถทำให้คนกลุ่มนี้ตกใจกลัวได้
หากให้เขาทำการสังหารคนเหล่านี้นับว่าง่ายดายกว่ามาก หากแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดหาใช่พวกเขาไม่ หากแต่เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าพบกับฝ่าบาท
“ขอบคุณท่านแม่ทัพฉินมากนะขอรับ ท่านนำกองกำลังของตระกูลฉินถอยออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปพบเจอฝ่าบาทที่พระราชวังฉางหมงเถิด”
ทันทีที่เซียวเฉวียนเอ่ยออกมานั้น ทำเอาฉินเซิงถึงกับชะงักไปในทันที "แม้ตาข้า ฝ่าบาทก็มิอยากพบหน้างั้นรึ?"
เซียวเฉวียนส่ายหัวอย่างช้า ๆ หากว่าเซียวเฉวียนมิจำเป็นต้องมาถ่ายทอดพระราชโองการขององค์จักรพรรดิแล้วนั้น บางทีแม้แต่เซียวเฉวียนเกรงว่าฝ่าบาทก็คงจะมิอยากพบหน้าด้วยซ้ำ
“ฝ่าบาทสบายดีอยู่ใช่หรือไม่?” จู่ ๆ หัวใจของฉินเซิงกลับเต้นขึ้นมา เขามิเคยเห็นฝ่าพระบาทประพฤติเช่นนี้มาก่อน
ในอดีตหากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแล้วนั้น มักจะเป็นตระกูลฉินที่จะมาอยู่เคียงข้างฝ่าบาทเสมอ
ทว่า ฝ่าบาทในยามนี้ไม่ต้องการตระกูลฉินอีกต่อไปแล้ว แววตาของฉินเซิงจึงมืดหม่นลงเล็กน้อย หากแต่เซียวเฉวียนกลับส่ายหัวไปมา "ท่านวางใจเถอะ ฝ่าบาทสบายดี"
"เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจักถอยกลับไปก่อน" ฉินเซิงพลางชักบังเหียนม้าของตนเองขึ้นมา ก่อนจะหันกลับมาร้องตะโกนว่า "ทหารของกองทัพตระกูลฉินทั้งหลายฟังคำสั่ง! ถอยทัพออกจากวัง!"
"ขอรับ!"
กองทัพตระกูลฉินพลันพากันเคลื่อนไหวออกจากพระราชวังอย่างเป็นระเบียบในทันที
“ท่านราชครู” ฉินเซิงเหลือบมองไปที่เซียวเฉวียน พลางนึกลังเลที่จะเอ่ยออกมา แต่ท้ายที่สุดก็ยังกล่าวออกมา "ข้าแสดงความเสียใจด้วย..."
ฉินเซิงที่รู้เรื่องการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในตระกูลเซียวนั้น เซียวเฉวียนเพียงกะพริบตาลงก่อนจะฝืนยิ้มออกมาว่า "ข้ามิเป็นไร"
มิเป็นไร
ข้ามิเป็นไร
นัยน์ตาของเซียวเฉวียนจึงหรี่ลงเล็กน้อย เพื่อข่มกลั้นหยาดน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอออกมา เพื่อมิให้ฉินเซิงสังเกตเห็นได้ทัน
"เช่นนั้นข้าขอตัวลา" ฉินเซิงพลางถอนหายใจเบา ๆ กล่าวออกมา ในยามนี้มิอาจเอ่ยคำพูดปลอบใจอันใดออกมาได้ มีแต่ต้องให้เซียวเฉวียนได้อยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ คนเดียวเสียก่อน สองขาของฉินเซิงจึงเตะไปที่ท้องม้าในทันที "ไป!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...