“ดูสิ!เมฆคืนนี้ เหตุใดจึงดูแปลกประหลาดเช่นนี้!”
โรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยไมล์ ณ ลานกลางแจ้ง มีคนไม่น้อยที่กำลังกินดื่มกันอยู่
“นั่นน่ะสิ ช่างแปลกจริงๆ สู้เรามาเขียนบทกวีเกี่ยวกับฉากนี้กันดีหรือไม่เล่า?
ลูกค้าโรงเตี๊ยมที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นปัญญาชนที่เหม็นโฉ่ ทุกสิ่งที่เห็นก็เอามาเขียนเป็นกวีหมด เหมือนกับว่าถ้าไม่เขียนกวีก็จะกินข้าวไม่อิ่มอย่างไรอย่างนั้น
คนของต้าเว่ยพวกนี้ ช่างโบราณคร่ำครึซะจริง กะแค่เมฆจะเขียนบทกวีให้ดีได้อย่างไรกัน
ในมุมหนึ่ง ชิงหลงซึ่งนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะถึงกับส่ายหัว
ชิงหลงออกเดินทางจากซินเจียง ตามคำขอร้องขององค์หญิงต้าถง หลังจากไปหาเธอที่นั่นเพื่อรับกล่องผ้าแล้ว ก็ได้มาหาเซียวเฉวียนที่ต้าเว่ย
ทางด้านซินเจียงและต้าเว่ยไม่ง่ายที่จะเดินทางหนัก ถ้าชิงหลงไม่มีความสามารถมากพอ เกรงว่าเขาจะคงถูกคุมขังอยู่นอกซินเจียง
แม้ว่าตนจะเคลื่อนตัวไปที่ไกลได้ทันที แต่ว่าก็ช่างเหนื่อยนัก ท้องของชิงหลงส่งเสียงจ๊อก ๆ ดังนั้นชิงหลงเลยอยากจะหาโรงเตี๊ยมโรงหนึ่งกินดื่มให้อิ่มก่อนที่จะไปเมืองหลวงเพื่อไปตามหาเซียวเฉวียน
ชิงหลงเพิ่งจะนั่งลงไม่นาน ก็ได้ยินปัญญาชนพูดความเห็นเกี่ยวกับเมฆบนท้องฟ้า ปัญญาชนของต้าเว่ยเป็นที่ชิงหลงเจอแล้วน่าเบื่อมากที่สุด
“วืบ…”
ชิงหลงเงยขึ้นมา จิบน้ำอึกหนึ่ง จู่ๆหูก็ได้ยินเสียงวืบดังขึ้น
ให้ตายเถอะ?
ชิงหลงมองดูถ้วยน้ำชาอย่างสับสนเล็กน้อย เหตุใดตอนนี้น้ำของต้าเว่ยถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้? การที่จะดื่มน้ำยังจะต้องมีประสิทธิภาพอย่างนั้นหรือ?
ชิงหลงผู้ซื่อบื้อนี้จิบน้ำอีกครั้ง
“วืบ!”
แต่ครั้งนี้ เสียงก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ เอ๋?ถ้วยชาของต้าเว่ยนี่ น่าสนใจดีแฮะ ชิงหลงกระพริบตาใส เมื่อยกถ้วยชาดูแล้ว ก็ไม่เห็นมันจะวิเศษวิโสอะไรเลยนี่
“วืบวืบ!”
แต่ครั้งนี้ ชิงหลงไม่ได้ดื่มน้ำ แต่เสียงก็ดัง
ไม่ใช่ นี่มันคือเสียงอาวุธ
ชิงหลงตอบสนองอย่างล่าช้า อาวุธอะไรกันนี่? เหตุใดถึงแข็งแรงเช่นนี้?
เขารีบมองซ้ายมองขวามอง แต่ดันไม่เงยขึ้นมองข้างบนเสียอย่างนั้น เขาไม่ได้สังเกตเห็นอะไรที่แปลก เขาคิดว่าควรที่จะรีบกินข้าว แล้วรีบไปเมืองหลวงเสียที
เขาไม่ได้เจอเซียวเฉวียนมาเป็นเวลานานแล้ว และเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ไม่รู้ว่าถ้าเซียวเฉวียนเจอเขา จะดีใจบ้างหรือไม่นะ?
“ชิงหลง…”
“ชิงหลง…”
ชิงหลงที่กำลังจะหยิบตะเกียบ ก็ได้ยินคนเรียกชื่อเขา
คือเซียวเฉวียน!
นี่มันเสียงของเซียวเฉวียนนี่!
ชิงหลงลุกขึ้นยืน มองซ้ายมองขวา
ในเวลานี้ปัญญาชนคนอื่นๆ ต่างร้องตะโกนเสียงดังไปยังเมฆบนท้องฟ้า แต่ชิงหลงดันไม่ได้มองขึ้นข้างบน แค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาลำคานปัญญาชนเหล่านี้มาเพียงไหน
“วับ!”
“ข้าเซียวเฉวียน…
“ตอนนี้…เรียก…”
เสียงของเซียวเฉวียนนั้นขาด ๆ หาย ๆ ชิงหลงที่ได้ยินจึงได้ยินไม่ชัดนัก แต่กลับได้ยินคำว่า เรียก คำเดียว
เรียก?
เรียกอะไรกัน?
เซียวเฉวียนอยู่กำลังอยู่ในความอันตรายงั้นหรือ?
ให้ตายเถอะ!
ผู้ใดมันกล้าลองแตะต้องเซียวเฉวียน! เขาเป็นถึงสมบัติล้ำค่าของคุนแห่งเขาคุนหลุนเลยนะ!
ตอนนี้ชิงหลงไม่มีกะจิตกะใจกินข้าวแล้ว รีบปิดตาทำสมาธิแล้วเริ่มค้นหาตำแหน่งของเซียวเฉวียนทันที
หากคนซื่อบื้อคนนี้สามารถเงยหน้าขึ้นมองสักนิด ดูคลื่นเมฆที่ถูกกวนด้วยพู่กันจินหลุน เขาคงจะสามารถจับตำแหน่งของเซียวเฉวียนได้ทันทีอยู่หรอก
ผลก็คือเขาปฏิเสธที่จะดูว่าเขามีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
ไม่ดูก็บ้าแล้ว เขายังหลับตาลง
โชคดีที่ชิงหลงมีความสามารถมากพอ แค่ทำสมาธิเพียงหนึ่งนาที เขาโพลงตาขึ้นทันที “มาแล้ว!”
ลมกระโชกแรงพัดมา ชิงหลงทิ้งเงินอาหารและเหล้าแล้วหายไปในทันที
มหาสมุทรใหญ่ บนเรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...