อ่านสรุป บทที่ 813 ประนีประนอมชั่วคราว จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 813 ประนีประนอมชั่วคราว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
อะไรกันเนี่ย!
ผนึกจูเสินนี้เห็นได้ชัดเจนที่ว่าจะต่อสู้จนกว่าเจ้าหรือข้าจะตาย!
เซียวเฉวียนในใจมีแต่ความโกรธ
ในเวลานี้ต้องมารับมือกับสถานการณ์ที่ห่วยแตกนี่!
ไว้มาประลองใหม่ในตอนที่หิมะตกครั้งถัดไป!
เซียวเฉวียนเลือกบทกวีที่ชื่อว่า "หิมะกลางคืน" ของไป๋จวีอี้
เป็นความพิศวงที่ผ้าห่มและหมอนเย็นลง แต่ตรงหน้าต่างกลับมีแสงสว่างขึ้น
ในคืนที่รู้ว่าหิมะตกหนัก บางครั้งก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของต้นไผ่
บทกวีนี้พูดถึงเวลานอนหลับในคืนที่ผ้าห่มเหมือนน้ำแข็ง ทำให้เกิดความประหลาดใจมาก และเห็นว่าหน้าต่างได้รับแสงสว่างจากหิมะขาว ทำให้รู้ว่าคืนนั้นหิมะตกหนักมาก เพราะสามารถได้ยินเสียงของหิมะที่กระทบลงกับต้นไผ่
ไป๋จวีอี้เป็นที่รู้จักในฐานะ "ปีศาจกวีและราชาแห่งกวี" ในฮวาเซี่ย บทกวีส่วนใหญ่ของเขามีพื้นฐานมาจากรูปแบบภาษาที่เรียบง่าย ลึกซึ้งและสบายๆ เขาเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่ในราชวงศ์ถังและเป็นผู้สนับสนุนหลักของการปฏิรูปบทกวี เขาได้เขียนบทกวีมากมายที่สะท้อนถึงความยากลําบากของประชาชน
บทกวีที่ชื่อว่า "หิมะกลางคืน" บทกวีนี้มีเอกลักษณ์ของกวีและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นถึงหิมะตกที่ตกหนักและมีความหมายมากในตอนกลางคืน
หลังอ่านบทกวีจบแล้ว เซียวเฉวียนตะโกนออกไปสุดเสียง “จู!”
อากาศรอบๆ ที่ป่าไผ่กลายเป็นหนาวขึ้นทันที หิมะขาวเริ่มตกลงมาเรื่อย ไม่นานก็ปกคลุมทุกยอดแขนงไผ่ ป่าไผ่ที่เขียวชอุ่มก็กลายเป็นสีขาวหย่อมๆ
ลมหนาวพัดผ่านไปมา เซียวเฉวียนเพียงรู้สึกว่าทั้งตัวสบายอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้ หิมะยังตกอย่างไม่หยุดหย่อน และกำลังภายในร่างกายของเขาก็สงบลง
ในขณะนี้เซียวเฉวียนเพียงรู้สึกถึงความสงบสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน!
สวรรค์และมนุษย์รวมกันเป็นหนึ่ง!
นี่คือความลับของพลังแห่งถ้อยคำ!
เขาเสมือนกลายเป็นสมาชิกในป่าไผ่ สงบ เยือกเย็นและเที่ยงตรง
หิมะสีขาวสะอาดที่ปกคลุมไปทั่ว เซียวเฉวียนจ้องมองโดยใช้เวลาพักใหญ่จึงจะปรับสายตาให้ชินกับมันได้
ตามที่เคยเป็น หลังจากที่เซียวเฉวียนได้อ่านบทกวีจบลง หิมะที่ปรากฏขึ้นก็จะค่อยๆหายไป และทุกๆอย่างจะค่อยๆกลับคืนสู่สภาพเดิม
แต่หิมะที่ตกคราวนี้ยังคงตกอยู่ และตกหนักมากขึ้น โดยไม่มีท่าทีที่จะหยุดตกเลย
เซียวเฉวียนตะโกนว่า "หยุด!"
หิมะก็ยังไม่หยุดตก
พลังแห่งถ้อยคำยังยากที่จะควบคุมได้
เซียวเฉวียนนิ่งลง ผนึกจูเสินนี่นั้นร้ายแรงมาก เขาชอบสร้างปัญหาในช่วงเวลาวิกฤต เขาไม่ค่อยเชี่ยวชาญกับการพลังแห่งถ้อยคำ บางครั้งเขาสามารถควบคุมผนึกจูเสินได้แต่บางครั้งเขาก็ทําไม่ได้
ปวดหัวโว้ย!
ผนึกจูเสินอยากที่จะกลับมาที่เกาะจูเสินเท่านั้น แต่เซียวเฉวียนต้องการให้ทาสคุนหลุนที่ต้าเว่ยไม่ถูกตอบโต้ และใช้ได้เพียงตัวเขา!
หากเซียวเฉวียนและผนึกจูเสินไม่สามารถบรรลุและเข้าใจร่วมกันได้ เซียวเฉวียนก็จะความรู้สึกไม่สงบสุขอยู่แบบนี้!
หิมะยังคงตกลงมา
ผนึกจูเสินไม่มีเสียงอะไรเลยในเวลานี้ และดูเหมือนจะสงบลง แต่เซียวเฉวียนรู้ว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตา
ดวงตาของเซียวเฉวียนมองไปอีกทางและทันใดนั้นก็เข้ามาในความคิดขึ้นมาในใจ เขาพูดอย่างเย็นชาว่า: “ผนึกจูเสิน ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะช่วยข้า ข้าจะนำพาเจ้ากลับไปที่เกาะจูเสิน หลังจากที่ข้าเสร็จสิ้นภารกิจที่ต้าเว่ยนี่แล้ว!”
ผนึกจูเสินไม่ตอบกลับมา เพราะมันเคยได้ช่วยจัดการชาวยุทธ์แท้แท้และไม่เคยเห็นเซียวเฉวียนจะขอบคุณอะไรเลย ยังไงมันก็ไม่มีทางเชื่อในตัวเขาเพราะมันคิดว่าเขาเป็นเหมือนคนหลอกลวง
"ถ้าเจ้าไม่พูดอะไร ข้าจะถือว่าเอามันเป็นข้อตกลงเลยนะ!" เสียงของเซียวเฉวียนพูดด้วยความเย็นชา
ผนึกจูเสินที่มีมาหลายพันปีจึงให้ความสำคัญในการทำสัญญามากที่สุด เมื่อเซียวเฉวียนพูดออกมาแล้วก็ไม่มีโอกาสสําหรับการคืนคำพูด
แต่ผนึกจูเสินไม่อยากพูดกับเซียวเฉวียนอีกแล้ว มันเร่งนำพลังทั้งหมดเพื่อเปิดเผยพลังภายใน เพื่อทะลุทะลวงสู่เซียวเฉวียน!
จู่ๆ เซียวเฉวียนก็รู้สึกถึงไฟที่ลุกโชนในร่างกายของเขา แต่หลังจากนั้นไม่นาน ไฟก็ออกมาจากร่างของเซียวเฉวียนและกลายเป็นผนึกสีแดงอย่างรวดเร็ว!
ออกมาอีกครั้ง!
เซียวเฉวียนมีความคิดถึงอยู่เสมอ จากนั้นแสงสีแดงก็ออกมาจากร่างของเซียวเฉวียน "ฟิ้ว" และห่อหุ้มแสงสีแดงของผนึกจูเสินอย่างรวดเร็ว!
แสงสีแดงสองเส้นพันกันไปมา!
แสงสีแดงของผนึกจูเสินทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แสงสีแดงก็แผ่รัศมีออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ป่าไผ่สีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเหมือนเตาหลอมที่กำลังปะทุ!
ความร้อนแรงของผึกจูเสินสามารถเผาเซียวเฉวียนได้ แต่หิมะบนป่าไผ่ก็ไม่เห็นละลายเลย
มันแปลกมาก!
ไม่เพียงเท่านั้น หิมะยังตกหนักขึ้นเรื่อยๆอีก!
............
............
ณ จวนเซียว
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าที่เป็นผู้อารักษ์ขาถึงแม้ว่ามีความรู้น้อย แต่ทั้งคู่ก็จัดเรียงกิจการทรัพย์สินของหลายๆคนได้ พวกเขาก็แค่ใช้ความพยายามมากเท่านั้น อาจมีความสับสนว่าทางไหนดีหรือบางทีพวกเขาก็ไม่รู้
ทันทีที่เซียวเฉวียนออกจากจวนเซียวนั้นก็ไปที่ศาลาคุนหวู่เพื่อขอความช่วยเหลือจากอี้กุย
เมื่ออี้กุยได้ยินว่าเจ้าลุงต้องการให้เขาช่วยเหลือ เขาก็เริ่มตื่นเต้นและยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมที่จะช่วยเหลือและตามเหมิงเอ้าไปที่จวนเซียว
เมื่อเจ้าลุงมาขอให้เขาช่วย อี้กุยจะทำทุกทางที่สามารถช่วยได้!
แต่เมื่ออี้กุยมาที่จวนเซียว และเห็นทุกอย่างของจวนเซียว เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ!
ประตูใหญ่พังเสียหายทั้งหมด ที่หลังคาไม่มีกระเบื้องสักแผ่น แนวคานก็กระจักระจายเต็มไปหมด..
นี่ยังเป็นจวนเซียวอยู่งั้นรึ!
ทำไมมันพังแบบนี้!
ความสามารถของเจ้าลุงทำไมเป็นเยี่ยงนี้ไปได้!
ทั้งจวนเซียวไม่มีที่ใดที่ไม่ได้รับเสียหาย!
เมื่อเห็นการแสดงออกของอี้กุย เหมิงเอ้าก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเขาว่า: “เจ้าชายอี้กุย แม้แต่ร้านอาหารและโรงพนันก็พังไปหมดเหมือนกัน..."
อี้กุยเงยหน้า : “ข้าเข้าใจแล้ว ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ทรัพย์สินของจวนเซียวก็เป็นโครงการขนาดใหญ่เช่นกัน โชคดีที่หาเงินได้ง่าย ตราบใดที่เงินเข้าที่ทุกอย่างจะแก้ได้ง่าย!
อี้กุยหายใจเข้าลึกๆ และส่งรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย : "นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยสําหรับข้า"
“นั่นดีที่สุดแล้ว!” เหมิงเอ้าก้มหน้าลง และไม่รู้เลยว่าอี้กุยในใจจริงๆรู้สึกเหมือนตาย
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
ในเวลานี้ทันใดนั้นก็มีเสียงเห่าที่ดุร้ายของสุนัขสีเหลืองตัวน้อย มันคํารามใส่อะไรบางอย่างด้วยใบหน้าที่ระมัดระวังและดุร้าย
อี้กุยและคนอื่นๆ มองไปในที่สุนัขสีเหลืองตัวน้อยกําลังจ้องมองอยู่และแสงสีขาวก็กระพริบผ่าน ไม่มีใครเห็นว่ามันไปที่ไหน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...