จนกระทั่งฟ้ามืด อาจื่อก็หิวเสียจนท้องส่งเสียงร้องโครกคราก วันนี้ทั้งวันนางยังไม่กินอะไรเลย หิวเสียจนเอาชนะความกลัวของนางไปได้ชั่วคราว
นางเอาแต่จับจ้องมองประตู วาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนผลักเข้าประตูเข้ามากะทันหันแล้วเอาอาหารร้อนควันฉุยสักชามมาให้นาง
ทว่านางรอแล้วรอเล่า และโดยไม่รู้ตัวก็หลับไป หลังจากนั้นยังคงหิวจนตื่นขึ้นมาต่อ แต่ก็ยังไม่มีใครส่งของกินเข้ามา
อาจื่อหินเสียจนหน้าท้องแทบจะแบนราบไปกับแผ่นหลัง นางอดไม่ไหวจนถึงขั้นต้องกลืนน้ำลายสักหลายอึก ไม่คิดเลยว่าริมฝีปากของนางก็จะแห้งขึ้นมาด้วย
สวรรค์ทรงโปรดเถอะ!
อาจื่อในเวลานั้นอดคร่ำครวญขึ้นมาไม่ได้
ชะตาของนางทำไมมันจึงอนาถเช่นนี้?
ตั้งแต่เล็กไม่มีบิดามารดา นางใช้ชีวิตผ่านวันเวลามาอย่างแร้นแค้นเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ง่ายเลยรอจนกระทั่งมีโอกาสได้สลัดพ้นจากความทุกข์ยากตรงนี้ ผลสุดท้ายกลับต้องมาติดกับดักที่ใหญ่เสียยิ่งกว่าได้!
แถมนี่ยังเป็นวันแรกที่นางหนีออกจากหมู่บ้าน จะให้อดทนต่อความหิวยังไงไหว แถมยังสูญเสียอิสระไปด้วย
วันข้างหน้าจะแก้ไขเรื่องราวได้อย่างไรกัน
...
คิดๆ แล้ว น้ำตาของนางก็พลันหลั่งออกมา ในหัวใจของอาจื่อยิ่งรู้สึกหวาดกลัวทุกข์ทนเข้าไปใหญ่ หยาดน้ำตายิ่งหลั่งลงมาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นางสะอึกสะอื้นร่ำไห้
อาจื่อในเวลานั้นเริ่มมีกระทั่งความคิดอยากตายขึ้นมาแล้ว
ทว่ายามที่นางอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ นั้น นางเคยได้ยินชาวบ้านพูดถึงสภาพยามตายอันทุกข์ทรมานต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะพวกที่ฆ่าตัวตาย ชาวบ้านเคยพูดเอาไว้ว่าคนที่แขวนคอตายนั้น หลังจากขาทั้งสองข้างยกลอยขึ้นแล้ว ก็ดิ้นรนแลบลิ้นหอบหายใจประหนึ่งหมาตัวหนึ่ง ยามที่คนผู้นั้นใกล้จะขาดอากาศหายใจตาย เส้นเชือกก็พลันขาดสะบั้นลงมา จากนั้นตอนที่คนผู้นั้นตกลงมานั้น ด้านหลังศีรษะของเขาบังเอิญไปกระแทกเข้ากับด้านข้างของโต๊ะ ศีรษะของเขาเจาะเป็นรูขนาดใหญ่ออกมา
ผลก็คือคนผู้นั้นไม่ได้แขวนคอตายแต่กลับถูกชนจนตายไปเสียเอง
ด้านหลังศีรษะของคนผู้นั้นประหนึ่งท่อน้ำประปาหลั่งออกมา เห็นได้ชัดว่าในเวลานั้นอเนจอนาจมากแค่ไหน
เพียงคิดถึงสภาพอันน่ากลัวฉากนั้นแล้ว ทั้งร่างของอาจื่อก็รู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมา
อาจื่อในเวลานั้น ไม่มีกระทั่งความกล้าในการจะตายเสียด้วยซ้ำ
ก็เป็นเช่นนี้ อาจื่ออดทนกับตัวเองจนฟ้าสาง กึ่งหลับกึ่งตื่นอย่างยากลำบาก พอได้ยินเสียงแกร๊กๆ เปิดประตูครั้งหนึ่งแล้ว อาจื่อก็พลันตั้งสติขึ้นมา นางพลันตื่นเต็มตา
นัยน์ตาทั้งสองข้างของนางที่สูญเสียประกายไปนั้นจับจ้องไปยังบานประตูนิ่ง สายตามองคนที่เข้ามาหาด้วยความสับสน
เหรินหยาจื่อเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา “มองอะไรกัน! ยังไม่ไสหัวออกมาอีก!”
“รอจนกระทั่งกินอาหารเช้าเสร็จ ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง”
อาจื่อได้รับบทเรียนมาแล้ว นางเรียนรู้ที่จะทำตัวว่าง่ายไม่กล้าถามอะไรอีกแม้ครึ่งคำ นางประคองร่างกายอันอ่อนระโหยพลางใช้แรงตะกายป่ายขึ้นมา แล้วเดินตามเหรินหยาจื่อไปอย่างระมัดระวัง
เนื่องจากว่าหิวมากจนเกินไป อาจื่อจึงจัดการอาหารเช้าสองชามด้วยความรวดเร็ว มันรสชาติดีออกปานนี้ ตอนที่อาจื่อยังคิดจะไปตักชามที่สาม เหรินหยาจื่อก็พลันมองมาด้วยสายตาดุดัน เป็นการเตือนอาจื่อไม่อนุญาตให้ไปตักอีก
เหรินหยาจื่อกำหมัดแน่นขึ้น อาจื่อเป็นเพียงแค่สตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง นางไม่กล้าหาเรื่องด้วย
ดังนั้นแล้ว อาจื่อจึงวางตะเกียบและชามลงอย่างไม่อาจตัดใจได้เล็กน้อย ภายในใจของนางพึมพำประโยคหนึ่ง “กินเพิ่มอีกชามเดียวก็ไม่ให้ พวกขี้งก!”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของอาจื่อ เหรินหยาจื่อก็พยักหน้าอย่างพอใจขึ้นมาเล็กน้อยพลางเอ่ย “ตามมาเถอะ”
สาวน้อยที่ถูกหลอกกลับมาทุกคนนั้น เหรินหยาจื่อก็จะพานางไปยังสถานที่ลับเพื่อทำการฝึกฝนศิลปะ
จะทำการเสี่ยงอะไรต้องป้องกันล่วงหน้า ทุกครั้งสถานที่ที่เหรินหยาจื่อจัดวางนั้นย่อมแตกต่างออกไป ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องสถานที่รั่วไหล และเขาจึงไม่จำเป็นต้องบังนัยน์ตาของอาจื่อ
ในเมื่อใบหน้าของอาจื่องดงามถึงปานนี้ เหรินหยาจื่อยิ่งมีความคิดว่าจะต้องฝึกฝนให้นางเป็นเสาหลักของคณะละครม้าให้ได้
ยิ่งเมื่อดูชุดน้ำชาที่ใช้หินหยกสีขาวสลักขึ้นมาชุดนั้น ประกายแววาวสุกใส ส่องประกายจับตา ชายตัดฟืนเห็นแล้วก็อดไม่ได้แทบอยากจะเอาลูกนัยน์ตาปะติดลงไป
การจัดวางชุดน้ำชานั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยแถมยังใช้หยกขาวสลักเป็นชุดน้ำชา ถ้วยแก้วนั้นเล็กเสียจนไม่ใหญ่ไปกว่าข้อมือของสตรี
ชายตัดฟืนนั้นแม้จะเป็นคนหยาบกร้านไม่ค่อยเข้าใจพิธีรีตองอะไรมากมาย เขาได้แต่นั่งลงด้วยอาการติดๆ ขัดๆ ไปหมด
เขามองดูคุณชายจงหนานหยิบน้ำชาขึ้นมาต้มอย่างเชื่องช้า ภายในใจก็ลนลานจนตกเหงื่อ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องดื่มถึงเมื่อไหร่ถึงจะแก้กระหายได้กัน?
ชายตัดฟืนอยากจะขอใช้ชามจงหนานสักชาม คนตัวใหญ่หยาบกร้านเช่นชายตัดฟืนนี้ ดื่มชาจะไปแก้กระหายได้เช่นไร ในเมื่อเนแบบนี้ ต้องใช้ชามใบใหญ่กินดื่มคำโตถึงจะแก้กระหายได้
จนใจแต่ว่าชาวบ้านรู้สึกว่าจงหนานรายนี้มาตรฐานสูง ชายตัดฟืนจะอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่อาจจะลดมาตรฐานมากเกินไปต่อหน้าเขา จะอย่างไรก็รักษาหน้าต่อหน้าบัณฑิตสง่างามผู้นี้เล็กน้อย
เขายังต้องรีบกลับไปก่อนพระอาทิตย์ตกนะ ดังนั้นแล้วหลังจากที่เขารีบดื่มชาที่ไม่ช่วยดับกระหายของอีกฝ่ายหลายอึกแล้ว ก็พูดจาทักทายปราศรัยกับคุณชายจงหนานผู้นี้หลายประโยคค่อยจากไป
ส่วนคุณชายจงหนานรายนี้ก็คือหมิงเจ๋อ!
ภายใต้หน้ากากนั้น หมิงเจ๋อมีสีหน้ายินดีปรีดา แหใหญ่ที่เหวี่ยงไปทางเซียวเฉวียนในที่สุดก็จะได้ขยับแล้ว
นัยน์ตาของเขามองไปยังแผ่นหลังของชายตัดฟืนที่ค่อยๆ ห่างออกไปอย่างนักสนุก ชายตัดฟืนนั้นนับว่าเป็นตัวการสำคัญในการเหวี่ยงแหใหญ่นี้ ชายตัดฟืนอย่าได้ทำให้เขาผิดหวังไปละ!
และพูดถึงชายตัดฟืนนั้น ด้านหนึ่งเขารีบร้อนเร่งเดินทางอีกด้านหนึ่งพูดพึมพำ “ความสง่าของพวกบัณฑิตช่างพิลึกสิ้นดี ดื่มชา ถ้วยก็ใช้เล็กเท่านั้น จะดับกระหายได้อย่างไร?”
ทว่า จะดับกระหายได้หรือไม่ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ วันนี้ชายตัดฟืนได้รับการต้อนรับด้วยมารยาทระดับสูงแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน นี่นับว่าเป็นเรื่องมีหน้ามีตา
อาศัยแค่ตรงจุดนี้ ชายตัดฟืนก็มีอะไรโม้กับชาวบ้านไปได้เนิ่นนานแล้ว
ดังนั้นแล้ว ใต้ตีนภูเขาจงหนานนั้นจึงมีคุณชายจงหนานที่ฝีมือดีดฉินสูงส่งอยู่ท่านหนึ่ง เรื่องนี้ยังไม่ทันพ้นสองวันดี หมิงเจ๋อก็แต่งแต้มบทบาทลึกลับพิศวงให้ตนเอง อาศัยนามของจงหนานเผยแพร่ตัวตนไปทั่วหล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...