เมื่อเปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนแอของอาจื่อแล้วนั้น นางในยามนี้ราวกับคนละคนก็ไม่ปาน!
การเคลื่อนไหวของนางที่ว่องไว ราวกับถูกผีร้ายเข้าครอบงำก็ไม่ปาน ชั่วพริบตาเดียว นางกลับอยู่ห่างจากเซียวเฉวียนไม่ถึงครึ่งก้าวเท่านั้น
ไม่ว่านางจะว่องไวแค่ไหน แต่นางก็ไม่สามารถเร็วกว่าเซียวเฉวียนได้
ฝ่ามือใหญ่ของเซียวเฉวียนพลันหมุนอย่างว่องไว ก่อนจะเข้าบีบข้อมือของอาจื่อด้วยสองนิ้วมือของตนเอง เซียวเฉวียนเปิดใช้งานพลังภายในของตนเองเบา ๆ เพื่อปลดกริชที่อยู่ในมือของอาจื่อให้หล่นลงพื้นออกมา
อาจื่อที่คิดวางแผนจะเข้าโจมตีเซียวเฉวียนอย่างรวดเร็ว ถึงกับต้องตกตะลึงไปในทันที!
นางในยามนี้กลับถูกเซียวเฉวียนตอบโต้กลับได้อย่างง่ายดาย ทำเอาก็รู้สึกโมโหยิ่งนัก ก่อนจะพยายามดิ้นรนและร้องออกมาว่า "เซียวเฉวียน! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!"
อย่างไรก็ตาม มือของเซียวเฉวียนนั้นแข็งแกร่งมากเสียจน อาจื่อไม่สามารถดิ้นหลุดออกไปได้เลยแม้แต่น้อย กระดูกของนางเกือบจะถูกเซียวเฉวียนบดขยี้จนแตกสลายไปแล้ว
ความเจ็บปวดนั้นมากพอเสียจนทำเอาอาจื่อน้ำตาไหลออกมา ผู้ใดได้พบเห็นย่อมต้องรู้สึกสงสารนางยิ่งนัก
พระเจ้า!
อาจื่อที่มีท่าทีดูน่าสงสารเช่นนี้ หากแต่เซียวเฉวียนยังคงมีจิตใจที่แข็งแกร่งดั่งหินผา แม้แต่หน้านางเขายังมินึกอยากจะมองเสียด้วยซ้ำ
ภายในใจของอาจื่อนึกกรุ่นโกรธยิ่งนัก นางอยากที่จะตบหน้าเซียวเฉวียนสักฉาก หากแต่ถูกการโต้กลับเซียวเฉวียนชะงักเอาไว้ จนมิอาจขยับไปไหนได้ นางมิใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเฉวียนจริงๆ
หากอาจื่อยังคงดึงดันที่จะต่อสู้กับเซียวเฉวียนละก็ นางจะต้องตกตายไปในไม่ช้าเป็นแน่
จู่ ๆ นางก็จดจำคำที่ฝ่าบาทเคยกล่าวกับนางเอาไว้ได้ว่า มิควรกระทำตัวแข็งข้อใส่บุรุษ บุรุษส่วนใหญ่ชอบสตรีที่อ่อนหวานมากกว่าสตรีที่แข็งกระด้าง
หากว่าอาจื่อยอมรับความผิดพลาดของตนเองต่อเซียวเฉวียนและร้องขอความเมตตาละก็
ผู้ที่คิดจะทำการใหญ่ย่อมไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย
อาจื่อจึงก้มตัวลงและร้องขอออกมาว่า "ท่านราชครู ข้าผิดไปแล้ว ท่านได้โปรดปล่อยตัวข้าไปเถอะ"
“อีกทั้ง ท่านเองก็เห็นแล้วว่า ข้าหาได้มีพิษมีภัยอันใดต่อท่านไม่ ความรักอันลึกซึ้งของสามีภรรยาสองเรา เหตุใดท่านยังต้องการจะสังหารข้าอีก?”
นัยน์ตาของเซียวเฉวียนพลันจับจ้องมองไปที่อาจื่อด้วยความเฉียบคม ก่อนจะประกาศกร้าวออกมาว่า "ข้าจักให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ไสหัวออกไปจากตระกูลเซียวเสีย!"
เซียวเฉวียนสะบัดข้อมือของอาจื่อออกไปในทันที ก่อนจะแขนเสื้อของตนเองมาเช็ดสองนิ้วด้วยความรังเกียจ
หลังจากที่อาจื่อเดินโซเซไปหลายก้าวนั้น นางพลันกอบกุมข้อมือของตนเองเอาไว้ด้วยท่าทีน่าสงสาร หากแต่ภายในใจกลับเอาแต่ก่นด่าสาปแช่งเซียวเฉวียนไม่มีหยุดว่ามิรู้จักรักหยกถนอมบุปผา สมควรแล้วที่เขาจักเป็นโสดไปตลอดชีวิต!
หากแต่ฉากหน้า อาจื่อยังคงกล่าวออกมาด้วยท่าทีเศร้าสร้อยว่า "เซียวเฉวียน ข้าเองก็อดมิได้ที่จะฆ่าเจ้าเช่นกัน หากว่าเจ้ายังคงยืนยันที่จะยืนอยู่ข้างกายข้าละก็ ข้าจักไปทำอันใดได้?"
“ ณ ตอนนี้ ข้าต้องการเป็นเพียงฉินซูโหรวเท่านั้น”
“ข้าเองก็ไม่มีทางให้ถอยกลับไปอีกแล้ว!”
“การที่ข้าเดินมาถึงจุดนี้กับท่าน ข้าเองก็นึกเสียใจมากเช่นกัน”
“ในยามนี้ ข้ามิคาดหวังให้เรากลับไปเป็นเช่นเดิม ข้าหวังเพียงแค่ว่าท่านจะไม่เปิดโปงข้า ขอเพียงแค่มีวันหนึ่งที่ข้าได้เป็นฉินซูโหรว ตระกูลฉินจะต้องปกป้องท่านแน่ ถึงเวลานั้นท่านจะได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ ”
"ท่านคิดว่าเป็นอย่างไร?"
รื้อฟื้นความสัมพันธ์ครั้งเก่า?
เซียวเฉวียนได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาในใจ
เขาเคยไปมาหาสู่กับอาจื่อคนนี้เมื่อใดกัน?
มีของเก่าเช่นใดบ้างที่สามารถเอากลับมาใช้งานเช่นเดิมได้?
แน่นอนว่า ทุกอย่างล้วนแต่เป็นความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของนางเพียงผู้เดียว!
ให้ทุกคนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการงั้นหรือ?
เหตุใดความต้องการของเซียวเฉวียน จักต้องแลกด้วยเงื่อนไขที่สกปรกเช่นนี้ด้วย?
ไร้สาระเสียจริง!
เซียวเฉวียนอดมิได้ที่จะมองการแสดงตรงหน้าด้วยความดูถูกดูแคลน!
หากอยู่ในยุคปัจจุบันละก็ อาจื่อคงจะไม่ได้รับฉายาว่าเป็นนักแสดงสมบัติของชาติแน่นอน น่าเสียดายสำหรับทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนางยิ่งนัก!
หากคนอื่นถูกนางหลอกลวงก็พอแล้ว
เซียวเฉวียนไม่เพียงมีดวงตาที่ดุร้ายเท่านั้น เขายังสามารถอ่านใจผู้คนได้อย่างเฉียบคมอีกด้วย อาจื่อในยามนี้เสมือนกับถูกกักขังอยู่ในความมืดมิดก็ไม่ปาน
หากมิใช่เพราะอาจื่อเป็นกังวลกระสับกระส่ายจนเปิดเผยตัวเองในวันนี้ เซียวเฉวียนเองก็คงไม่รู้ว่าเขาจะต้องถูกนางหลอกไปอีกนานแค่ไหน
แค่คิดก็น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวอาจื่อเล็กน้อย
ในเมื่อเซียวเฉวียนถอยให้นางถึงเพียงนี้แล้ว นับว่าผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วเช่นกัน ดังนั้น อาจื่อมีแต่ต้องทำตามขั้นตอนที่เซียวเฉวียนกำหนดไว้เท่านั้น
เช่นนี้ อาจื่อจึงหันหลังกลับไปอย่างมีความสุข เพื่อเตรียมตัวออกจากจวนตระกูลเซียวไปในทันที
“เซียวเฉวียน! เจ้าคนโกหก! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
“เซียวเฉวียน! หากวันนี้เจ้าไม่อธิบายให้พวกข้าฟังละก็! ข้าจะเผาจวนตระกูลเซียวเสีย!”
“ใช่! เป็นถึงประมุขแห่งชิงหยวน กลับทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ขึ้นมาได้!”
“เจ้าจักไปเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่นได้อย่างไร?”
“เจ้าคนหลอกลวง!”
“นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ!”
“เซียวเฉวียน! เจ้ามีเจตนาอะไร ถึงได้มาหลอกลวงพวกข้าซ้ำแล้วซ้ำเช่นนี้อีก?”
ในยามนี้ ด้านนอกตระกูลเซียวพลันมีผู้คนมาร้องก่นด่าสาปแช่งอยู่มากมาย
เหล่าบรรดาบัณฑิตทั้งหลายต่างก็รีบมุ่งหน้าไปที่ประตูจวนตระกูลเซียวอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของพวกเขาพลันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ ราวกับว่าเซียวเฉวียนได้ไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษของตระกูลพวกเขา
ในสมัยโบราณนั้น สุสานบรรพบุรุษเป็นสัญลักษณ์ของฮวงจุ้ย ของใบหน้าและโชคลาภของในตระกูล ของเหล่าล้วนแต่เป็นตำแหน่งที่สำคัญมากในจิตใจของพวกเขา
การขุดหลุมศพของบรรพบุรุษจึงหมายความว่า ศักดิ์ศรีและสถานะของทั้งตระกูลต้องสั่นคลอน นี่จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งนัก!
ในสายตาเหล่าบัณฑิตทั้งหลาย การกระทำของเซียวเฉวียนนั้นมิต่างอะไรกับการที่เซียวเฉวียนไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษของตระกูลพวกเขาเลยสักนิด!
บรรดาเหล่าบัณฑิตมากมายต่างพากันนำไข่เน่า ใบผักเน่า มาเพิ่มไม่มีหยุด พร้อมทั้งนำของเสียมากมายออกมาอีกด้วย...
บรรดาเหล่าบัณฑิตต่างตะโกนออกมาพร้อมกัน ก่อนจะยกมือขว้างปาสิ่งของเข้าไปที่จวนตระกูลเซียวในทันที!
ทันทีที่เซียวเฉวียนได้ยินเสียงของพวกเขานั้น เขาจึงรีบหันกายเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นภายในห้องโถง ก่อนจะนั่งมองดูอาจื่อที่เดินออกไปด้วยสีหน้ามีความสุข
แม้ว่าเขาจะรู้ชื่อจริงของอาจื่อก็ตาม หากแต่เซียวเฉวียนยังคงเรียกนามว่าอาจื่อเพื่อสื่อถึงการให้ความเคารพอยู่ เซียวเฉวียนกลับรู้สึกว่านามว่าอาจื่อนั้นเหมาะสมกับนางมากกว่านัก!
อาจื่อหาได้มีประสบการณ์มากเท่ากับเซียวเฉวียนไม่ แม้ว่านางจะได้ยินเสียงโกรธโมโหของบรรดาเหล่าบัณฑิต แต่นางบรรดาเหล่าบัณฑิตได้นำสิ่งของใดติดไม้ติดมือมาด้วยบ้าง...
ดังนั้น อาจื่อจึงเป็นผู้น้อมรับของทั้งหมดเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...