เซียวเฉวียนมองดูต้นพริกต้นนั้นที่ถูกอี้กุยเลี้ยงดังหญ้าอสุรา พลางพยักหน้าอย่างพอใจ “อื้ม ปลูกได้ไม่เลว”
หญ้าอสุรานั้นคือทรัพย์ล้ำค่าที่เอาไว้ต่อกรกับชาวยุทธ์แท้ ยามนี้เหลืออยู่เพียงต้นเดียว สำหรับเซียวเฉวียนแล้วมันสำคัญยิ่งยวด ไม่อาจจะละเลยได้เลย
ตอนแรกที่เซียวเฉวียนต้องการไปทำลายผนึกจูเสิน เจ้าหนูอี้กุยนี่ก็อาละวาดอยากจะไป อยากจะช่วยเซียวเฉวียนรับภาระสำคัญไปดำเนินการสักเรื่อง ด้วยความจนใจ เซียวเฉวียนก็ได้แต่หยิบต้นพริกต้นหนึ่งมาหลอกอี้กุย บอกเขาว่านี่คือหญ้าอสุรา ให้อี้กุยคอยดูแลให้มันดีๆ อี้กุยถึงได้รั้งอยู่ที่เมืองหลวงอย่างพออกพอใจ ลงแรงเพื่อเซียวเฉวียน
หากมิใช่ว่าวันนี้อี้กุยหยิบ “หญ้าอสุรา” ขึ้นมา เซียวเฉวียนก็เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ทว่าตอนนี้ผนึกจูเสินอยู่ในร่างของเซียวเฉวียนเรียนร้อย ตอนนี้นับว่ามันสงบลงแล้ว เซียวเฉวียนรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะหยิบยกเรื่องนี้กับอี้กุยสักทที
เซียวเฉวียนแอบหรี่ตามองอี้กุย เจ้าหนูนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาดีใจที่ได้รับคำชมจากเซียวเฉวียน
เจ้าหมอนี่ใสบริสุทธิ์เช่นนี้
ขอเพียงเป็นเรื่องของเซียวเฉวียน ไม่ว่าจะใหญ่เล็ก อี้กุยก็จะเห็นเป็นเรื่องสำคัญทั้งสิ้น อีกทั้งยังจะลงแรงสุดกำลังเพื่อช่วยให้เขาสำเร็จผลด้วย
ไม่ควรจะทำร้ายจิตใจคนที่กำลังเบิกบาน
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะมีเจตนาดี แต่เขาก็ยังต้องแอบพูดกับตัวเองในใจอยู่สองครั้งเลยว่า “ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินแล้ว!”
กระทั่งในวินาทีที่เขากำลังอึ้งอยู่นั้น อี้กุยที่จิตใจละเอียดลออสอบถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย “ท่านปู่น้อย ท่านเป็นอะไรไปหรือ? มีที่ใดไม่สบายหรือไม่?”
“แค่ก!”
เซียวเฉวียนไอแห้งๆ ครั้งหนึ่ง เพื่อปิดบังความรู้สึกผิดของตัวเขาเอง เขาเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่เป็นอะไร ข้าสบายดียิ่ง”
หลังชะงักไป เซียวเฉวียนก็เอ่ยด้วสีหน้าเคร่งขรึม “คือแบบนี้...ท่านปู่น้อยมีเรื่องจะพูดกับเจ้าเรื่องหนึ่ง”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูกะทันหันเช่นนี้ของเซียวเฉวียน อี้กุยก็คิดว่าเซียวเฉวียนอยากจะพูดเรื่องสำคัญอะไรกับเขาขึ้นมา อี้กุยจึงเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วเอ่ยกับเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านปู่น้อย เชิญกล่าวขอรับ”
“คืออย่างนี้ ต้นที่ปู่น้อยให้เจ้าไปนั้นจริงๆ ไม่ใช่หญ้าอสุรา แต่ว่าสำหรับข้าแล้วนั้นมันก็มีความสำคัญยิ่งยวดเช่นเดียวกัน”
เซียวเฉวียนมาต้าเว่ยนานถึงเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่วางท่วงท่าราวผู้อาวุโสน่าเกรงขามน่าเคารพขึ้นมา
และสิ่งนี้ก็เพื่อใช้สถานะความเป็นผู้อาวุโสกว่ากดข่มอี้กุย
ไม่ผิด กดข่มอี้กุย
อี้กุยนั้นเป็นเด็กดีผู้หนึ่ง เขามีเงินมากแถมยังรู้ความยิ่งและสนิทสนมกับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนนั้นชื่นชอบเจ้าเด็กอี้กุยนี้จากใจจริง
ทว่าอี้กุยก็ยังเป็นพวกหัวโบราณไม่รู้จักเปลี่ยนแปลง หากว่าเขารับความเป็นจริงไม่ได้แล้วพลันพลิกสีหน้าใส่เซียวเฉวียน เช่นนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่เสียแล้ว!
คนโบราณมีจุดอ่อนถึงตายอย่างหนึ่ง พวกเขาให้ความสำคัญยิ่งยวดกับลำดับสูงต่อของผู้อาวุโสและผู้เยาว์ ไม่กล้างัดข้อกับผู้อาวุโสกว่าแต่อย่างใด
เซียวเฉวียนไร้ทางเลือกนอกจากจะชิงลงมือก่อน เพื่อให้อี้กุยรักษาความนิ่งสงบไว้ได้ เซียวเฉวียนจะได้อธิบายกับอี้กุยดีๆ ได้
ทว่าเซียวเฉวียนเหมือนว่าจะคิดมากเกินไปแล้ว
พออี้กุยได้ยินเข้า สีหน้าของเขาไม่สะทกสะท้านสักนิด เขาเพียงแต่ตอบรับเสียงเบาว่า “อ้อ” คำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นต้นที่ท่านปู่น้อยให้ข้าคือต้นอะไรขอรับ?”
“พริกน่ะ”
เซียวเฉวียนเสริมทับอย่างรู้สึกผิด “พูดให้ถูกต้องก็คือ สำหรับปู่น้อยแล้วต้นนี้ยังสำคัญกว่าหญ้าอสุราเสียอีก”
หรือมิใช่ ประชาชนยุคโบราณเห็นอาหารเป็นพระเจ้า!
เรื่องกินนั้นเป็นเรื่องใหญ่ของโลกทีเดียว!
และเซียวเฉวียนก็ชอบกินเผ็ด หากไม่มีกับข้าวที่เผ็ดก็ไม่มีจิตวิญญาณ อาหารก็จะไม่มีรสชาติ
เซียวเฉวียนพูดว่าต้นพริกนี้สำคัญกว่าหญ้าอสุรา ก็ไม่ได้ผิดนัก
และเมื่อพูดกันแบบนี้แล้ว แม้ว่าสิ่งที่อี้กุยดูแลจะเป็นต้นพริก แต่ก็เป็นต้นพริกที่มีประโยชน์อย่างมาก
อี้กุยนั่งตรึกตรองดู สุดท้ายแล้วเขาก็ยังได้ทำเรื่องมีประโยชน์ต่อท่านปู่น้อย
ดังนั้นแล้ว อี้กุยไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ แต่ยังดีใจจนคล้ายเป็นเด็กโง่คนหนึ่ง เขายิ้มพลางมองเซียวเฉวียนอย่างนับถือ “ท่านปู่น้อยวางใจ ข้าจะดูแลมันอย่างดีขอรับ”
“ให้มันได้เป็นต้นพริกที่ชาวประชารักถนอมยิ่งชีพเลยขอรับ”
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะมองฉินซูโหรวสักหน่อย ยามนี้ครั้นได้เห็น ฉินซูโหรวก็ดูแตกต่างออกไปจากครั้งก่อนที่อยู่นอกประตูจวนเซียวอยู่บ้าง
บรรยากาศรอบตัวของนางทอประกายเย็นชามากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีอ่อนแอต้านกระแสลมไม่ไหว แต่กลับทำให้เซียวเฉวียนรู้สึกว่านางสามารถเข้าประจัญหน้าฆ่าฟันข้าศึกได้
ฉินซูโหรวกับอาจื่อใครจะมีความสามารถสูงส่งกว่ากัน เซียวเฉวียนไม่รู้
แต่ว่าที่เซียวเฉวียนรู้ก็คือขุมกำลังที่แท้จริงของอาจื่อนั้นไม่ธรรมดา
ผู้ที่ถูกทำลายจุดตันเถียนไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ไม่ตายก็พิการทั้งสิ้น ทว่าอาจื่อไม่ทราบเพราะเหตุใดถึงฟื้นกำลังมาได้ นางไม่เหมือนกับผู้อื่น
อีกทั้งอาจื่อยังเป็นผู้รู้หนังสือที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี ชื่อเสียงสตรีอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมิใช่แค่ฉากหน้า ไม่อาจลดความระวังต่อนางได้แม้เพียงนิด
“ท่านราชครูเองก็ต้องระวังความปลอดภัยด้วย”
“ขอบพระคุณจวิ้นจู่ที่เป็นห่วง ข้าจะระวัง” เซียวเฉวียนพยักหน้า
ฉินซูโหรวล่วงรู้ความลับของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนควรจะหลบอาจื่อเพื่อไม่ให้ทะเลาะกับพวกบัณฑิต นางเองก็รู้เช่นกัน เซียวเฉวียนกำลังปกป้องนาง ไม่อย่างนั้นยามที่เซียวเฉวียนกำชับนางคงจะไม่ลนลานปานนี้
แต่ว่า คล้ายกับเซียวเฉวียนจะลืมไปแล้วว่านางคือฉินซูโหรวตัวจริง ชื่อเสียงของสตรีอันดับหนึ่งของเมืองหลวงนั้นเป็นสิ่งที่นางช่วงชิงมาเอง
ในปีนั้น ฉินซูโหรวเพิ่งจะอายุห้าขวบเท่านั้น
แม้ว่าฉินซูโหรวจะเกิดในตระกูลแม่ทัพ แต่นับตั้งแต่เด็กนางมีพรสวรรค์สติปัญญา แถมยังมีพรสวรรค์ด้านโคลงกลอนเพลงอย่างน่าตื่นตะลึง เรื่องฉินหมากภาพอักษรก็ไม่ด้อยเช่นกัน
แม้ว่าต่อมานางจะถูกขังอยู่ในตำหนักเย็น แต่ว่านางก็ไม่ได้หลงลืมเรื่องการศึกษา ทุกวันอาศัยจังหวะที่คนไม่สนใจตัวเอง ฉินซูโหรวจะแอบเรียน ทบทวนของเก่าและเรียนรู้สิ่งใหม่
ห้าปีมานี้ ความสามารถด้านโคลงกลอนบทเพลงของนางยิ่งพัฒนาขึ้นไม่น้อย หากไม่ต้องพูดถ่อมตัวละก็ ทั้งเมืองหลวงแทบจะไม่มีใครสู้นางได้แล้ว!
ยิ่งในมือของนางมีเว่ยอู๋จี้ ก็ยิ่งเหมือนดังพยัคฆ์ติดปีก!
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินซูโหรวก็เหมือนจะรอมานานเกินไปแล้ว!
ฉินซูโหรวพลันคิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง “”ท่านราชครู ยามที่พวกนักเรียนกำลังก่อเรื่องอยู่ตรงประตู ข้าก็ได้เห็นหมิงเจ๋อแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...