โดนเซียวเฉวียนขานชื่อ เว่ยเป้ยถึงได้สติกลับมา จ้องมองคนบ้านเดียวกันโดยไม่เหลือร่องรอยหรือให้ทันสังเกตแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านอาจารย์เรียกนักเรียนมีเรื่องอันใดหรือ?”
เซียวเฉวียนกล่าวอย่างเฉยชา “เจ้านำบทกลอนที่เจ้าประพันธ์เมื่อสักครู่มาตัดสินแพ้ชนะกับฉินซูเสีย”
เว่ยเป้ยอึ้งแล้วตอบตกลงด้วยความละอายใจ “ขอรับ!”
เป็นวาสนา ไม่ใช่คราวเคราะห์ ถ้าเป็นคราวเคราะห์ก็หลบไม่พ้น
เว่ยเป้ยแอบเหงื่อแตกพลั่ก
ก่อนเริ่มการประชันกลอน เมื่อเว่ยเป้ยได้ยินว่าเป็นการประชันโดยไร้กติกา ในใจจึงอดดีใจขึ้นมาไม่ได้ เพราะการประชันนี้มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือขอเพียงราชองครักษ์ของเว่ยเป้ยได้ที่หนึ่ง เซียวเฉวียนก็จะไม่มีเวลามาสนใจว่าเว่ยเป้ยแต่งกลอนอะไร
ส่วนบทกวีชื่อเติงเคอโฮ่วบทนี้ที่เว่ยเป้ยใช้ แค่ไม่ถูกเซียวเฉวียนพบในตอนนี้ หลบเลี่ยงการแฉว่าเว่ยเป้ยคัดลอกในที่สถานที่นี้ เว่ยเป้ยก็จะปลอดภัยแล้ว
เว่ยเป้ยน่าจะคิดไปเองว่าเขารอดจากวิกฤตนี้ไปได้แล้ว
คิดไม่ถึงว่าราชองครักษ์ของฉินซูจะแกร่งขนาดนี้ ถึงกับสูสีทัดเทียมราชองครักษ์ของเว่ยเป้ย
ราชองครักษ์ของเว่ยเป้ย ในนามเป็นราชองครักษ์ แต่ความจริงแล้วเป็นชาวยุทธ์แท้
เป็นคนที่เว่ยเชียวชิวคัดเลือกมาเพื่อให้เว่ยเป้ยโกงตอนประชันกลอน เว่ยเชียนชิวเลือกสรรมาด้วยตนเองย่อมต้องเก่งยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
ในตอนที่เว่ยเป้ยอยู่ในยุคปัจจุบัน เป็นนักเรียนสายวิทย์เก่งในด้านเดียว ให้เขามาแต่งกลอนถือเป็นเรื่องยากกว่าสิ่งใด
เมื่อมาที่ต้าเว่ย เว่ยเป้ยจำเป็นต้องเรียนการแต่งประพันธ์บทกวี เรียนมาถึงตอนนี้ แม้ความสามารถด้านบทกวีของเขาจะไม่ย่ำแย่ แต่เทียบกับผู้ที่มีความสามารถในเมืองหลวงแล้วยังห่างชั้นโข เพื่อให้มั่นใจ เว่ยเป้ยจึงคิดจะใช้บทกวีโบราณของฮวาเซี่ยมาลองทดสอบ
บทกวีโบราณของฮวาเซี่ยทรงพลังและมีพลานุภาพ ยิ่งใหญ่ราวกับกลืนกินแม่น้ำภูเขา มีเพียงแค่บทกวีเช่นนี้ถึงจะสามารถแสดงพลังของชาวยุทธ์แท้ออกมาได้
การประชันกลอน เป็นการประชันความสามารถในด้านบทกวีคำกลอน บทกวีที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้นไม่ทรงอานุภาพแต่ราชองครักษ์แสดงพลังอันน่าทึ่ง ก็จะหมายความว่า พลังของบทกวีคำกลอนและราชองครักษ์ไม่สอดคล้องกัน ก็จะทำให้เซียวเฉวียนเกิดความสงสัยขึ้นมาได้ง่าย
ทันทีที่เกิดความสงสัย ถูกตรวจพบว่าคนที่เว่ยเป้ยพามาคือชาวยุทธ์แท้ เว่ยเป้ยก็จะได้รับการดูถูกดูแคลนซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และทำให้จวนเจียนกั๋วอับอายเสื่อมเสีย!
ศักดิ์ศรีของจวนเจียนกั๋วก็คือศักดิ์ศรีที่สำคัญที่สุดของเว่ยเชียวชิว แม้เว่ยเป้ยจะเป็นลูกคนโปรดแต่มาทำลายชื่อเสียงของจวนเจียนกั๋วเข้า เว่ยเชียวชิวก็ไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่
นี่เป็นเรื่องที่เว่ยเป้ยกังวล
แต่ขณะนี้ต้องให้เว่ยเป้ยและฉินซูประชันกลอนตัวต่อตัว วรรคท้ายของกลอนชื่อเติงเคอโฮ่วที่ว่า “สวมอาภรณ์งามสง่าควบอาชา หนึ่งทิวายลฉางอันเจริดจรูณ” เป็นประโยคที่มีชื่อเสียงในฮวาเซี่ยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เซียวเฉวียนได้ยินเข้าย่อมต้องจำได้ว่าเป็นบทกวีโบราณของฮวาเซี่ย และจะเกิดความสงสัยในตัวตนของเว่ยเป้ย
เว่ยเป้ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชาขึ้นมาในหัวใจเป็นช่วงๆ
แม้ว่าเว่ยเป้ยเตรียมพร้อมไว้ว่าจะรับว่าคัดลอกบทกวีนี้มาจากเว่ยอวี๋ไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว แต่เขาก็ยังคงกังวลว่าเซียวเฉวียนจะมองออกแล้วพบว่าเว่ยเป้ยเป็นคนที่มาจากฮวาเซี่ยที่เดียวกับตน……
ลำพังเพียงแค่คิดเว่ยเป้ยด็รู้สึกเริ่มกระวนกระวาย
สถานการณ์ปัจจุบันยังคงไม่ชัดเจน เว่ยเชียนชิวก็เป็นคนชั่วที่มีอำนาจวันยังค่ำ เว่ยเชียนชิวยังเกลียดคนฮวาเซี่ยเป็นอย่างมาก หากเว่ยเชียนชิวพบว่าลูกชายคนนี้อย่างเว่ยเป้ยเป็นตัวปลอมละก็ เว่ยเป้ยคงตายอนาถแน่
และเว่ยเป้ยแฝงตัวอยู่ในจวนเจียนกั๋วมานานขนาดนี้ก็ไม่ได้แสดงจุดยืนว่าจะช่วยเซียวเฉวียนต่อกรกับเว่ยเชียนชิว ตัวตนของเว่ยเป้ยถูกเปิดเผยขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ เซียวเฉวียนคงจะไม่ช่วยเขาที่มาจากที่เดียวกันหรอก
ไม่ว่าจะพูดยังไง เว่ยเป้ยก็รู้สึกว่าตัวตนของตัวเองยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย
ด้วยเหตุนี้ เว่ยเป้ยไม่อาจเหมือนเซียวเฉวียนที่ใช้คำว่าฮวาเซี่ยได้อย่างโจ่งแจ้ง เขาทำได้แค่ยืมมือเว่ยอวี๋
และในตอนนี้หากถูกเซียวเฉวียน เว่ยเป้ยได้ชื่อว่าคัดลอกผลงานของผู้อื่นเข้า ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะกลายเป็นที่อับอายของแวดวงปัญญาชนครั้งนี้ และยังทำให้เว่ยเชียนชิวโมโหด้วย
ตอนแรกเริ่มเว่ยเชียนชิวพูดจนปากเปียกปากแฉะว่าจะต้องปูทางให้เว่ยเป้ย เว่ยเป้ยปฏิเสธเด็ดขาดและกล่าวสาบานว่าใช้ความสามารถของตนเองติดอันดับให้ได้ เว่ยเชียนชิวถึงไม่สอดมือเรื่องนี้อีก
หากครั้งนี้เว่ยเป้ยไม่สามารถติดอันดับแล้วยังทำให้จวนเจียนกั๋วอับอายเสื่อมเสียเข้าอีก เว่ยเชียนชิวคงต้องระเบิดโมโหมากแน่ และทำให้เว่ยเป้ยรับผิดชอบเรื่องนี้
เว่ยเป้ยหวาดกลัวเว่ยเชียนชิวสุดขั้วในส่วนลึกของหัวใจ
เขาจำเป็นต้องคิดวิธีผ่านด่านของเซียวเฉวียนให้ได้
เมื่อครู่เขายังแสร้งวางท่าเป็นกวีอยู่เลยและใช้ชาวยุทธ์แท้มาเป็นราชองครักษ์ เรื่องนี่ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้อย่างเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...