นักเรียนคนอื่นคิดคำตอบอื่นไม่ออกจริง ๆ เมื่อเห็นว่ามีคนประนีประนอมด้วยความคิดที่เหมือนกัน จึงทยอยกับตอบหน้าตัวเองพร้อมกับโพล่งคำตอบออกไป “สอง!”
จางจิ่นที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของฮ่องเต้จดรายชื่อของพวกเขาตามลำดับ จัดอันดับให้พวกเขา
ฮ่องเต้คือผู้คุมสอบการสอบหน้าพระที่นั่ง ตามกฎแล้วจำเป็นต้องมีผู้ช่วยผู้คุมสอบหนึ่งคน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ช่วยผู้คุมสอบไม่ได้มีบทบาทมากนัก แค่รับผิดชอบบันทึกรายชื่อ พูดง่าย ๆ คือใครที่อ่านออกเขียนได้ก็ทำงานนี้ได้
เดิมทีตำแหน่งผู้ชวยผู้คุมสอบคนนี้ฮ่องเต้ทรงปรารถนาแต่งตั้งให้เป็นเซียวเฉวียน แต่เซียวเฉวียนได้ดักทางฮ่องเต้ไว้ก่อนแล้ว ทรงกราบทูลให้ฮ่องเต้ประทานให้ใครก็ได้ แต่ห้ามประทานให้เซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนบ่ายเบี่ยงงานในหน้าที่ไม่ได้ อย่าว่าแต่ไม่ยากเลย แค่มันน่าเบื่อก็เท่านั้น
โดยเฉพาะจางจิ่นผู้เป็นที่โปรดปราน จึงยกตนเป็นผู้ช่วยผู้คุมสอบ เขาผู้เป็นรองอัครเสนาบดี สถานภาพที่ต่ำเช่นนี้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ก็ยังต้องแข่งขัน
แม้ว่าจางจิ่นจะเสนอตัวเอง แต่ใครทำงานนี้ก็เหมือนกัน อีกทั้งลายมือของจางจิ่นก็นับว่าไม่เลว ฮ่องเต้ทรงขี้เกียจมอบหมายงานให้ผู้อื่น ในเมื่อเป็นความปรารถนาของจางจิ่น ก็ให้เขาเป็นผู้ช่วยผู้คุมสอบไป
รองอัครเสนาบดีเป็นผู้ช่วยผู้คุมสอบ ก็เหมือนดำรงตำแหน่งของการเป็นรองเช่นกัน รับว่าเหมาะสมแล้ว
จางจิ่นคือปัญญาชน และเป็นคนที่เคยผ่านการสอบมาก่อน ประสบการณ์ของตัวเองบวกกับคำบอกเล่า จางจิ่นนับว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ตรงต่อการสอบหน้าพระที่นั่งเป็นที่สุด
แต่เขาคาดไม่ถึงว่าการคำถามของการสอบหน้าพระที่นั่งในปีนี้จะง่ายดายเช่นนี้ ง่ายจนนักเรียนไม่กล้าตอบ ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะอ้าปากตาค้างกันทุกคน!
เว่ยเป้ยมีอำนาจ โพล่งคำตอบเป็นคนแรก
ฉินซูที่ชอบเว่ยเชียนชิวก็ไม่เลว
นอกจากสองคนนี้แล้ว นักเรียนคนอื่นยังลังเลไม่กล้าตัดสินใจ จางจิ่งเห็นดังนั้นก็ยิ่งร้อนใจแทนพวกเขา อยากจะตบหน้าพวกเขาสักฉาด สุดท้ายก็ตะโกนบอกพวกเขา “พวกเจ้าจงมั่นใจในตัวเองหน่อยสิ ! คิดอะไรก็พูดเช่นนั้น!”
กระทั่งขันทีเอ่ยเตือนเวลาสุดท้าย นักเรียนแต่ละคนก็เหมือนจะเริ่มมีสติ ทยอยกันตอบคำถาม หากไม่ใช่เพราะจางจิ่นมือไว จางจิ่นก็ไม่ชนะ
การเขียนผิดหรือการละเว้นเป็นปัญหาอันใหญ่หลวง หากผู้สมัครสอบตำแหน่งอัครเสนาบดีพลาดด้วยความผิดระดับต่ำเช่นนี้ ความสามารถจะถูกตรวจสอบทันที
จางจิ่นยังคงบันทึกรายชื่อตามลำดับ มีแวะพักนวดมือบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่รู้จะไปแข่งขั้นกับโอกาสเช่นนี้เพื่อเหตุใด
อาจเพราะเบื่อหน่าย ไม่ก็เหนื่อย
นั่งไขวห้างดื่มชาอยู่ในบ้านของตัวเองยังดีเสียกว่า?
แม้แต่เซียวเฉวียนที่ยืนอยู่หลังฉากกั้นยังต้องส่ายหน้า ช่างประมาทตนยิ่งนัก
คำถามที่ง่ายเช่นนี้ ตำแหน่งจอหงวนวางอยู่ตรงหน้าของพวกเขา พูดง่าย ๆ คือตำแหน่งถูกประเคนมาถึงที่แล้ว รอกแค่พวกเขาขึ้นไปนั่งก็เท่านั้น
แต่พวกเขากลับยืนลังเลไม่กล้าตัดสินใจ เห็นตำแหน่งจอหงวนแล้วคิดว่าใต้หล้านี้ไม่น่าจะมีเรื่องที่ง่ายดายเช่นนี้
เรื่องแค่นี้พวกเขากลับลังเลไม่กล้าตัดสินใจอยู่เป็นครึ่งก้านธูป เยิ่นเย้อจริง ๆ
หากเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา หวังว่าพวกเขาจะรีบตัดสินใจแก้ปัญหาทันที นี่อะไรปัญหายังไม่ทันแก้ไข พวกเขาประสบกับความหายนะเสียก่อนแล้ว
ดูท่าต้องตรวจสอบความสามารถในการแต่งบทกวีของพวกเขาเสียแล้ว ทั้งยังต้องเน้นไปยังความสามารถในการปรับตัวของพวกเขาด้วย
กระทั่งทุกคนตอบคำถามจนครบ ใบหน้าของฮ่องเต้ถึงจะทรงแย้มยิ้ม “ยินดีด้วย ทุกคตอบถูก!”
ผลลัพธนี้เป็นไปตามการคาดเดาของเว่ยเป้ยและฉินซูโหรว ใบหน้าของทั้งสองคนมีแค่รอยยิ้มบาง ๆ
แต่ทันทีที่นักเรียนทุกคนได้ยิน ต่างพากันอึ้งงัน
คำตอบง่ายเช่นนี้เลยหรือ?
อ่า!อ่า!อ่า!อ่า!อ่า!
ทุกคนพากกันโห่ร้องอย่างอดไม่ได้ หลังจากโห่ร้องแล้วก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
ตำแหน่งจอหงวนของข้า
ห่างกันแค่เอื้อม แต่ข้ากลับคว้ามันไว้ไม่ได้
ตำแหน่งจอหงวนของข้า
อยู่ตรงหน้าข้า แต่ข้ากลับไม่รู้จักถนอม
ได้แต่มองมันตกอยู่ในมือของเว่ยเป้ยตาละห้อย
เหล่าชาวบ้านกันกันฮึกเหิม แต่สุดท้ายก็ทยอยกันพูดเสียงต่ำ
พวกเขาเป็นชาวบ้านที่มีศีลธรรม พอนักเรียนได้ยินเช่นนั้นก็พากันขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
เหล่าชาวบ้านต่างคิดต่าง ๆ นานา ทันทีที่ผลประกาศออกมา นักเรียนก็ยังอยู่หน้าพระที่นั่ง รอให้ฮ่องเต้ทรงประกาศอีกเรื่อง ไหนเลยจะสนใจคำติฉินนินทาของพวกเขา?
ในการสอบคราก่อน ตราบใดที่นักเรียนมีอันดับที่แน่นอน การสอบหน้าพระที่นั่งก็เป็นอันสิ้นสุด นักเรียนก็สามารถออกจากวังและกลับบ้านของตัวเองได้
เหตุใดปีนี้ถึงยังให้นักเรียนอยู่ต่อ? มีเรื่องสำคัญอะไรต้องประกาศตอนนี้?
นักเรียนต่างชะเง้อแลมอง หรือว่าจะมีรางวัล?
ในตอนนี้เอง ร่างเงาสูงใหญ่ของเซียวเฉวียนก็เดินออกมาจากหลังฉากกั้น ลงบันไดกระทั่งมาหยุกอยู่ตรงหน้าของนักเรียนและพูดว่า “ก่อนอื่น ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกเขาที่ได้เลื่อนขั้น หลังจากเรียนหนักมาสิบปี ในที่สุดฉันก็ผ่านไปได้”
ทุกคนต่างได้เลื่อนขั้นสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการคัดเลือกผู้เข้าร่วมของเซียวเฉวียน
ครานี้เป็นแค่กการสอบเบื้องต้น ต่อไปเซียวเฉวียนยังต้องทำมันให้สมบูรณ์แบบ
ทุกคนต่างมีความสามารถพิเศษของตัวเอง เรียกได้ว่ามีความสามารถเชียวล่ะ
การคัดเลือกผู้มีความสามารถไม่ควรมีระบบที่ตายตัว
เหล่านักเรียนเรียนหนักกันมาเป็นสิบปี ลำบากกันมาก็นับไม่ถ้วน ความอุตสาหะเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง ไม่ควรละทิ้งเพียงเพราะถูกปฏิเสธ
สำหรับนักเรียนแล้ว มันไม่ยุติธรรม
การทดสอบเป็นเพียงโอกาสในการคัดเลือก ไม่ใช่เครื่องมือในการปฏิเสธความสามารถ
ต้าเว่ยต้องพัฒนา ผู้มีความสามารถจะน้อยไม่ได้
พอเกิดความฮึกเหิมในราชสำนัก มันได้แพร่กระจายไปทั่วต้าเว่ย กระจายไปยังทุกพื้นที่ กระทั่งเปลี่ยนโลกได้ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...