ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันและต่างฝ่ายต่างบอกว่าตัวเองมีเหตุผล
เซียวเฉวียนในฐานะประมุขแห่งชิงหยวน ที่เขาพูดก็ไม่ผิด
เซียวเฉวียนในหนึ่งปีมานี้ เขาทำเรื่องที่ทำให้โลกต้องตกตะลึงมามากเท่าไหร่แล้ว?
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงเอาแค่เรื่องทำลายผลึกจูเสิน ด้วยกำลังที่แข็งแกร่งของเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนอื่นหวาดกลัว
ฮ่องเต้เชื่อเรื่องไร้สาระของเซียวเฉวียน และไม่ได้แค่ให้บัตรผ่านซินเจียงกับเขาเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนให้เซียวเฉวียนไปที่ซินเจียงอีก
หยวนเหยาเป็นผู้ตรวจการราชสำนักมีหน้าที่ดูแลเจ้าหน้าที่หลายร้อยคน เขาหมกมุ่นอยู่ในราชการมาหลายปีและได้ฝึกฝนจิตใจด้วยทวารทั้งเจ็ด ฮ่องเต้ตรัสว่าได้แพ้เดิมพันกับเซียวเฉวียนดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องให้บัตรผ่านซิงเจียงแก่เซียวเฉวียน
ขุนนางคนอื่นเชื่อ แต่หยวนเหยานั้นไม่เชื่อ เหยาหยวนรู้สึกว่านี่ต้องเป็นสิ่งที่เซียวเฉวียนนั้นไปทูลขอจากฮ่องเต้อย่างแน่นอน
เว่ยเชียนชิวผู้ที่มีความรอบครอบมาตลอดถูกเกลี้ยกล่อมด้วยยาอายุวัฒนะของเซียวเฉวียน คําพูดของเซียนเฉวียนนั้นสามารถเชื่อได้หรือ?
หยวนเหยายังจะเชื่อว่าบนโลกนี้มีผี มากกว่าเชื่อคำพูดจากปากของเซียวเฉวียนเสียอีก!
ตอนนี้เซียวเฉวียนสาบานว่าการเดินทางไปที่ชินเจียงครั้งนี้เป็นเพียงเพื่อการฝึกฝนเท่านั้น แต่เขาเป็นคนที่ไร้ยางอายและไม่ชอบปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาออกจากต้าเว่ยแล้วเขาจะไม่หักหลัง?
เซียวฉวียนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในจวนเซียว ทั้งอาหารว่างเปล่าทำให้ไม่ต้องมีความกังวลใดๆ ถ้าเขาต้องการกบฏและคิดจะหักหลังจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องมีการเจรจาเรื่องนี้!
ถ้าไปถึงจุดนั้นจริงๆ แล้วใครจะสามารถเอาชนะเซียวเฉวียนได้?
แค่นี้เว่ยเชียนชิวปวดหัวมากพอแล้ว และยังมีเซียวเฉวียนอีกคนที่มีทั้งศึกภายในทั้งศึกภายนอกต้าเว่ย!
แต่เพื่อความปลอดภัยไม่ว่าเซียวเฉวียนจะตั้งใจกบฏหรือไม่ การที่ขัดขวางและขังเขาไว้ที่เมืองหลวงมันดีกว่าที่เสี่ยงประเทศล่มสลายและปล่อยให้เซียวเฉวียนได้เข้าไปที่ซินเจียง!
ดังนั้นหยวนเหยาจึงมุ่งมั่นที่จะตามเขาไปจนถึงที่สุด กัดไม่ปล่อย หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเซียวเฉวียน
เมื่อมองไปเซียวเฉวียน หยวนเหยาก็แอบรู้สึกประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นเซียวเฉวียนมาก่อน ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเซียวเฉวียนคือตอนที่ก่อกบฏในวัง
ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเซียวเฉวียนดูสูงขึ้นและแข็งแรงกว่าก่อนหน้านี้ รอยแดงที่ระหว่างคิ้วของเขาก็งดงามมากขึ้น ในอดีตเขาไม่ได้มีปัญญาชนที่สง่างามละสิ่งนี้เพียงแค่มองแวบเดียวทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ
แม้แต่หยวนเหยาเองก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวอยู่ในใจ ในขณะนี้เจตนาฆ่าของเซียวเฉวียนนั้นรุนแรงมาก ราวกับการต่อสู้ในสนามรบ!
ขณะที่หยวนเหยากำลังฟุ้งซ่าน เซียวเฉวียนก็หันหน้าไปส่งสัญญาณให้โย่วควนและเหล่าตำแหน่างตำแหน่งจิ้นซื่อออกจากเมืองอย่างเงียบๆ......
ก่อนที่โย่วควนจะเข้าใจความหมายที่เซียวเฉวียนนั้นส่งสัญญาณให้ เสียงที่หนักหน่วงและทรงพลังของหยวนเหยาก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้าจนทำให้ผู้คนได้ยินอย่างชัดเจน “สิ่งที่ใต้เท้าเซียวกล่าวนั้นไม่สมเหตุสมผล ข้าเชื่อในความจริงใจของใต้เท้า แต่ที่ต้าเว่ยนั้นก็กว้างใหญ่ แล้วทําไมท่านต้องไปฝึกที่ชินเจียง? ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ชีวิตคือการเปิดกว้างและบริสุทธิ์ ใต้เท้าเซียวเองก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่?”
ความหมายก็คือมันเป็นไปไม่ได้ที่เซียวเฉวียนจะพาตำแหน่งจิ้นซื่อไปฝึกที่ซิงเจียง ทั้งที่ต้าเว่ยก็มีสถานที่มากมายให้ฝึกฝนแต่เซียวเฉวียนต้องการที่จะไปซินเจียง ถ้าเซียวเฉวียนไม่มีเจตนาอื่นถึงหยวนเหยาจะเชื่อแต่คนอื่นอาจจะไม่เชื่อก็ได้ ดังนั้นท่านเซียวเฉวียนนั้นเป็นคนที่คาดเดาและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ยาก ตราบใดที่เซียวเฉวียนไม่ไปที่ซินเจียงก็จะยืนยันได้ว่าเซียวเฉวียน เป็นผู้เที่ยงธรรมและบริสุทธิ์
พูดให้เข้าใจก็คือหยวนเหยากําลังขัดขวางไม่ให้เซียวเฉวียนไปที่ซินเจียง!
เซียวเฉวียนยิ้มอ่อนที่มุมปาก หยวนเหยานั้นแข็งแกร่งและนุ่มนวลฝังลึกอยู่ในใจผู้คน เขาต้องการใช้ชื่อเสียงของตัวเองเพื่อหยุดเซียวเฉวียน
ช่างเป็นเรื่องตลก!
ถ้าเซียวเฉวียนหมกมุ่นกับมุมมองทางโลก เขาคงตายอยู่ที่ต้าเว่ยไปครั้งต่อหลายครั้งแล้ว
ชื่อเสียงสำหรับกลุ่มอวดรู้พวกนี้กับคนโบราณบอกว่ามันสำคัญพอๆกับชีวิต แต่สำหรับเซียวเฉวียนแล้วมันก็เหมือนกับการผายลม ถ้าปล่อยมันออกมามันก็จะหายไปโดยไม่ได้สูญเสียอะไรไป
จุดเริ่มต้นของหยวนเหยานั้นดีมาก ฮ่องเต้ไม่สามารถดุและลงโทษเขาได้ มิฉะนั้นจะทําให้หัวใจขุนนางที่ซื่อสัตย์ของเขานั้นอ่อนแอลงอย่างง่ายดาย
รู้มาก่อนหน้านี้ว่าฮ่องเต้จะไม่มาพบเซียวเฉวียน และปล่อยให้เซียวเฉวียนจัดการกับขุนนางกลุ่มนี้ด้วยตัวเองแล้วเรื่องนี้มันจะง่ายขึ้นเยอะ
คิดผิดแล้ว
ฮ่องเต้รู้สึกเสียใจภายหลัง
เขาหายใจเข้าลึกๆและปรับอารมณ์ตัวเอง ขณะที่เขากําลังจะพูด กลุ่มขุนนางก็ตามมาและกล่าวโน้มน้าว “ฝ่าบาทได้โปรดถอนคําสั่ง!”
นี่...มันยังไม่จบอีกหรือ?
หลังจากกดดันมาหลายวันเมื่อเห็นว่าทุกอย่างกําลังจะเกิดขึ้นจริง กลุ่มขุนนางก็ออกมาขัดขวางจนมันทำให้ไฟในใจของฮ่องเต้ก็ลุกโชนอีกครั้ง แต่สิ่งที่ขุนนางกล่าวมานั้นก็สมเหตุสมผลและทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้าเว่ย เขาไม่สามารถแสดงความโกรธออกได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นคนเผด็จการทันทีและเรื่องนี้เว่ยเชียนชิวจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่
“เห้ออ...”
ฮ่องเต้ถอนหายใจออกมาเบาๆจนแทบจะไม่ได้ยินเสียง
ฮ่องเต้รับผิดชอบดูแลของราชสํานักตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ต้องขอบคุณเว่ยเชียนชิวที่ได้ฝึกฝนชุดเกราะเหล็กให้เขาตั้งแต่นานแล้ว พลังกดดันของมันนั้นสามารถเทียบได้กับมนุษย์
ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและคิดว่าปัจจุบันนี้ฮ่องเต้แบกรับแรงกดดันมากกว่าที่เซียวเฉวียนคิดไว้มาก
เซียวเฉวียนคิดในใจว่าชาวฮวาซย่าสมัยใหม่ในวัยของฮ่องเต้ได้ใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลิน แต่ฮ่องเต้นั้นกลับต้องมาแบกรับอะไรมากมาก เซียวเฉวียนรู้สึกทำใจไม่ได้เล็กน้อย
แต่สุดท้ายก็ยังต้องไปที่ซินเจียงอยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...