เพื่อไม่ให้ฮ่องเต้ทรงลำบากใจ สายตาของเซียวเฉวียนจึงเบี่ยงไปยังคนด้านหลังพลางออกคำสั่ง "ออกเดินทาง ทุกคนตามข้ามา"
ในเมื่อขุนนางดื้อรั้นไม่มีเหตุผล เสียงฮือฮาจึงดังขึ้นอีกครั้ง ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น เสียเวลาและไร้ประโยชน์
ตราบใดที่เซียวเฉวียนออกจากเมืองหลวง เหล่าขุนนางกลุ่มนี้ก็ยิ่งไม่พอใจ ต่อให้คัดค้านอย่างไรก็ถูกกล่าวว่าเป็นกบฏอยู่ดี
สุดท้ายก็ต้องออกเดินทาง!
ทันทีที่เหล่าขุนนางจิ้นซื่อได้รับคำสั่ง ก็ทยอยกันเดินตามหลังเซียวเฉวียนต้อย ๆ ฝ่ากลุ่มขุนนางที่นืนออกันอยู่สองข้างทาง ทำเหมือนกับว่าเหล่าขุนนางกำลังยืนส่งพวกเขาด้วยความยินดี
ขุนนาง...กลุ่มนี้โง่เขลายิ่งนัก
ใช้ได้ที่ไหน?
ขุนนางเหล่านี้คือปัญญาชน เป็นนักเรียน เป็นขุนนางแห่งราชสำนัก จะออกหน้าขัดขวางเซียวเฉวียนและคนอื่นได้อย่างไร?
ทำเช่นนี้ช่างไรจิตสำนึกยิ่งนัก!
ยิ่งไปกว่านั้นเซียวเฉวียนก็ดื้อรั้นไม่ฟัง อีกทั้งศักยภาพก็ไม่ธรรมดาอีกด้วย พวกเขาขวางไม่ได้หรอก!
โดยเฉพาะหยวนเหยา เขาคาดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนจะยโสโออังเช่นนี้ เดินเข้าไปในกองทัพของพวกเขา
ไหนเลยจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้?
หา?
ไหนจะราชครูล่ะ?
แล้วเซียวเฉวียนจะเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ได้อย่างไร
หยวนเหยาโกรธมาก !
หยวนเหยาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของเซียวเฉวียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะหันไปเอ่ยด้วยความเสียใจว่า “ความปรารถนาครั้งสุดท้ายของกระหม่อม ได้โปรดทรงยกเลิกคำสั่งที่ประกาศไปด้วยเถิด เห็นแก่อนาคตของต้าเว่ย!”
บัดนี้มีแต่คำสั่งของฮ่องเต้เท่านั้นที่จะขัดขวางเซียวเฉวียนได้...
พอคิดได้ หยวนเหยาก็ชักกริชด้ามหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อและจี้คอของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “ได้โปรดฝ่าบาททรงยกเลิกคำสั่งด้วย”
“หากฝ่าบาททรงปรารถนาเช่นนี้ กระหม่อมก็ไม่เสียดายชีวิต!”
ในฐานะที่หยวนเหยาเป็นผู้ตรวจการราชสำนัก เป็นหนึ่งในสามขุนนางที่มียศสูงสุดในราชสำนัก แต่ก็ยังไม่อาจโน้มน้าวพระทัยของฮ่องเต้ให้ทรงเปลี่ยนพระทัยได้ ได้แต่เฝ้ามองหายนะที่กำลังจะมาเยือน จนต้าเว้ยตกอยู่ในอันตรายโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้!
หยวนเหยาพยายามโน้มน้าวอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จะทรงมีท่าทีอ่อนลงแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าฮ่องเต้ทรงสนับสนุนการเดินทางไปยังซินเจียงของเซียวเฉวียน
วันนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่หยวนเหยาจะโน้มน้าวฮ่องเต้ หากถึงตอนนั้น เขาก็คงจะใช้ความตายมาบีบบังคับให้ฮ่องเต้กลับใจ ขัดขวางไม่ให้เซียวเฉวียนไปซินเจียง!
ด้วยเหตุนี้ หยวนเหยาจึงได้พกกริชมาด้วย
กริชเปล่งแสงยามตกกระทบแสง ดูคมกริบอย่างไร้ที่เปรียบ ปลายกริชที่เย็นยะเยือกได้จี้ลงบนคอของหยวนเหยา เขายืนตัวตรง นัยน์ตาไม่กระพริบ สีหน้าสิ้นหวัง
ฮ่องเต้ทรงตื่นตระหนก รีบโน้มน้าวทันที “หยวนเหยา! เจ้าวางกริชลงก่อนเถอะ!”
“ฝ่าบาททรงรับปากกระหม่อมสิพะยะค่ะ?”
หยวนเหยายังคงสู้สุดฤทธิ์ แต่นัยน์ตาเปล่งประกายวิบวับ คิดว่าฮ่องเต้ต้องตกลงแน่นอน
“ข้าบอกให้เจ้าวางกริชลง”
เขาคงจะรับปากหยวนเหยาไม่ได้ การเดินทางไปซินเจียงของเซียวเฉวียนเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับต้าเว่ย ถึงอย่างไรก็ต้องไป!
แต่หยวนเหยาเป็นุขนนางคนสำคัญของต้าเว่ย จงรักภักดีเช่นนี้มักหาได้ยากยิ่ง ฮ่องเต้ไม่อยากเสียหยวนเหยาไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้จึงรีบออกคำสั่ง
เหล่าขุนนางต่างเชื่อฟังคำสั่งของพระมหากษัตริย์ นี่คือหนทางการเป็นขุนนาง การที่หยวนเหยาหัวโบราณเช่นนี้ ความคิดนี้จึงยิ่งซึมซับเข้ากระดูกดำ ด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้จึงคิดว่าคำสั่งของตนมีผลต่อหยวนเหยา
เขาประเมินความคิดที่จะขัดขวางของหยวนเหยาต่ำเกินไป ไม่เพียงแต่หยวนเหยาที่ไม่วางกริชแล้ว ยังพูดด้วยความฮึกเหิมกว่าเดิมว่า “ฝ่าบาททรงไม่ตอบตกลงกระหม่อม เช่นนั้นกระหม่อมก็คงต้องรับโทษด้วยการตายสถานเดียว”
“กระหม่อมไม่อาจทนเห็นต้าเว่ยตกอยู่ในอันตรายต่อไปได้!”
หาวันนี้หยวนเหยาขัดขวางเรื่องที่เซียวเฉวียนต้องเดินทางไปซนเจียงไม่ได้ หยวนเหยาก็ผิดในหน้าที่อย่างร้ายแรง สุดท้ายก็นำไปสู่หายนะ ประเทศชาติดับสูญ ชีวิตก็คงไม่ต่างกับต้นไม้ริมทาง!
แต่หากเขาช่วยต้าเว่ยด้วยชีวิตของเขาได้ เหตุใดต้องกลัวตายเล่า?
คิดได้ หยวนเหบาก็ดึงปิ่นปักผมที่เตรียมการไว้แล้วออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นก็เสียบหน้าอกของตัวเอง...
พลางเอ่ยว่า “ได้โปรด....ฝ่าบาทยกเลิกคำสั่ง”
เลือดสดไหลซึมออกมาจากหน้าอกของเขา...
ติ๋ง...
ติ๋ง...
เลือดสีแดงฉานไหลลงมาตามปิ่นก่อนหยดลงพื้น
ฮ่องเต้มองหยวนเหยาด้วยความเสียใจ ก่อนจะรุดหน้าเข้าไปประคองหยวนเหยา “หยวนเหยา!การเดินทางไปซินเจียงของเซียวเฉวียนก็เพื่อราษฎร์เพื่อประเทศชาติ....”
ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงเช่นนี้แล้ว ฮ่องเต้ยังไม่ละทิ้งความคิด
หยวนเหยามองเขาอย่างผิดหวัง อยากจะพูดบางอย่าง แต่กลับพูดไม่ออก
หยวนเหยามือไวเกินไป เร็วเสียจนเซียวเฉวียนขวางไว้ไม่ทัน
ได้แต่มองร่างของเขาล้มลงไป เซียวเฉวียนรีบเข้าไปรับร่างของเขามาไว้ในอ้อมกอด อยากจะยื้อชีวิตเฮือกสุดท้ายที่เหลือยู่ของเขา ผู้เป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้และต้าเว่ย
แต่ก็จนปัญญา หยวนเหยากุมหน้าอกไว้แน่น ปิ่นเสียบลึกเกินไป เซียวเฉวียนดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก
ชีวิตที่สดใสของคนผู้หนึ่งหายวับไปกับตา เซียวเฉวียนปวดใจ ใช่ว่าเขาไม่อยากบอกเป้าหมายที่แท้จริงของการไปซินเจียงครานี้กับเหล่าขุนนาง แต่ด้วยความที่ฮ่องเต้มีอคตดิต่อเซียวเฉวียนมากเกินไป พวกเขาไม่รู้เรื่องมันเทศและปืนผาหน้าไม้ เซียวเฉวียนจะไม่ได้สนใจพวกเขานัก ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูด พวกเขาก็ขัดขวางการไปซินเจียงของเซียวเฉวียนอยู่ดี
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดต้องเปิดเผยความจริง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...