“คุณหนูสาม ดูสิ”
อาสือวางหญ้าอสุราข้างหน้าเซียวจิง “หญ้าเหล่านี้เติบโตได้ดีมาก แข็งแรงขึ้น และเมล็ดพืชก็มากขึ้นเรื่อยๆเลย”
เดิมทีซียวจิงถูกเซียวเฉวียนส่งไปที่รัฐมู่อวิ๋น ร่วมกับอาสือให้ดูแลดินแดนในรัฐมู่อวิ๋นที่ได้รับรางวัลจากฮ่องเต้
ภายนอก คืออาสือจะจัดการทั้งหมด
และเซียวจิงเป็นคนจัดการภายใน และไม่ให้คนอื่นรู้ได้ง่ายๆ
หญ้าอสุราเติบโตจากต้นหนึ่งไปเป็นอีกต้นหนึ่งเรื่อยๆ
ต้องบอกว่าหญ้าอสุรานั้นแข็งแรงและง่ายต่อการเลี้ยงมาก หญ้าอสุราขนาดใหญ่นี้ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น
เนื่องจากหญ้าอสุราไม่ได้แตกต่างจากวัชพืชทั่วไปมากนัก จึงดูธรรมดาและไม่สะดุดตา
เซียวจิงตามคําแนะนําของเซียวเฉวียน ทันทีที่หญ้าอสุรามากขึ้น ให้ตัดออก ทําให้แห้ง บดเป็นผง และทําเป็นยาเม็ด
ในห้องลับของเซียวจิง มีกล่องยาขนาดใหญ่เพียงพอที่จะวางยาพิษชายยุทธ์แท้หลายหมื่นคน
ตามคําแนะนําของพี่ชาย ยาเหล่านี้เพียงพอแล้ว แต่เซียวจิงก็ยังไม่หยุด
กระบวนการนี้ยังคงดําเนินต่อไป
อาสือรู้ว่าคุณหนูสามเกลียดเว่ยเชียวชิวมากมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงปล่อยให้เซียวจิงทํายาต่อไป
หญ้าอสุรานี้เป็นไพ่ไม้ตายในมือของเซียฉวียน
เซียวจิงเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เลย สิ่งที่นางทําได้คือช่วยพี่ชายของนางทําเรื่องหญ้าอสุราอย่างเต็มที่
นางทำมันได้แล้ว
นางไม่เพียงแต่ทํายาจํานวนมากเท่านั้น แต่ยังสั่งให้ผู้คนแอบเข้าไปในธนาคารเมล็ดพันธุ์ และผสมเมล็ดหญ้าอสุราลงไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่กองคาราวานต่างประเทศนางก็ไม่เว้น
ในวันที่นางไม่ได้ไปกับเซียวเฉวียน นางทําเหตุการณ์ที่สะเทือนโลกเช่นนี้เงียบๆโดยไม่พูดอะไรเลย
ในระยะเวลาที่น้อยกว่าหนึ่งปี เมล็ดของหญ้าอสุราจะหยั่งรากและงอกพร้อมกับเมล็ดของพืชต่างๆในต้าเว่ย
หญ้าอสุราจะกระจายไปทั่วคาราวานในต้าเว่ย ซินเจียง และคุนหลุน
หญ้าอสุรามีพลังชีวิตค่อนข้างมาก ตราบใดที่มีจำนวนเมล็ดพันธุ์หลายพันในที่ที่เดียว ทั้งภูมิภาคก็จะเป็นโลกของมัน
นางต้องการปล่อยให้หญ้าอสุรามีชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในโลกนี้และทำให้มันเป็นหลุมตายของเว่ยเชียวชิว
“คุณหนูสามหญ้าอสุราเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อชาวยุทธ์แท้ก็จริง แต่ก็เป็นพิษต่อสัตว์ของประชาชนด้วย ถ้าสัตว์กินไปโดยไม่ได้ตั้งใจมันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของประชาชนนะขอรับ”
เซียวเฉวียนเคยสอนอาสือ และรู้ว่าเซียวเฉวียนเป็นคนที่ใจดีต่อประชาชนมาก ถ้าคุณหนูสามทําเช่นนี้นางจะต้องถูกเซียวเฉวียนลงโทษอย่างแน่นอน
โดยไม่คาดคิด กลับมีรอยยิ้มบนหน้าของเซียวจิง : “ตระกูลเซียวจะไม่ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มียาถอนพิษ?”
อาสือตกใจและมองไปที่เซียวจิง : “คุณหนูสาม... มียาถอนพิษหญ้าอสุรางั้นหรือ?”
อาสือจําได้ว่าพี่เซียวกล่าวว่าพิษของหญ้าอสุราไม่มียาใดสามารถถอนพิษได้
“ตระกูลเซียวของเราไม่เพียงแต่นํากองทัพได้เท่านั้น” เสียงของเซียวจิงแผ่วเบาลงเล็กน้อย นางคิดถึงพ่อแม่และพี่ชายคนโตของนาง : “เสด็จพ่อของข้าออกทัพมาหลายปีแล้ว เดินผ่านป่าทุ่งหญ้า ผ่านภูเขาและอุปสรรคลึก เห็นความรู้มากมาย และยังทิ้งหนังสือทางการแพทย์ไว้ให้ข้าด้วย”
“ความปรารถนาเดิมของเสด็จแม่คือให้พี่ชายของข้าสอบเข้ารับราชการในวัง และเนื่องจากข้าเป็นหมอจึงสามารถพี่ชายของข้าได้นิดหน่อย”
แต่ความปรารถนาคือความปรารถนา
แม้ว่าพี่ชายจะเข้าสู่ศาลในฐานะขุนนาง แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปด้วยดี
เซียวจิงอ่านหนังสือทางการแพทย์มาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่ได้ดูอะไรออกมากนัก
ตอนนี้หญ้าอสุราอยู่ในมือแล้ว จวนเซียวก็ถูกทําลาย มันจึงทำให้เซียวจิงโกรธมากและต้องประสบความสําเร็จบางอย่าง
ดังนั้นนางจึงทํางานทั้งวันทั้งคืนเพื่อพัฒนาความเข้าใจทางการแพทย์
เซียวจิงหยิบขวดที่มียาถอนพิษเพียงหนึ่งหยดออกมา : “ในอนาคตมันจะมีประโยชน์มาก”
“ถึงเวลานั้น มันจะถูกส่งต่อให้ประชาชน”
อาสือสับสน: “แต่ถ้าเว่ยเชียวชิวรู้เรื่องนี้......”
“ไม่ต้องห่วง คนและสัตว์ต่างกัน มันสามารถบรรเทาพิษของสัตว์ได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถใช้กับชาวยุทธ์แท้ได้”
สายตาของอาสือดูเข้าใจมากขึ้น
แน่นอน!
ดวงตาของฉินซูโหรวเป็นประกายขึ้นมาทันที “งั้นรึ?”
เซียวเฉวียนพยักหน้า
“ยินดีกับท่านราชครูด้วยเพคะ”
ฉินซูโหรวถอนหายใจด้วยความโล่งอกและดีใจที่ในที่สุดก็มีบางอย่างสามารถมาสยบเว่ยเชียวชิวได้ และในเวลาเดียวกันก็มีความสุขเช่นกันที่เซียวจิงยังมีชีวิตอยู่
ถ้าเป็นเช่นนี้อย่างน้อยเซียวเฉวียนก็จะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว
ข้างหน้าเขาคือทางเข้าเย่ว์ไป๋กวน ฉินซูโหรวรู้ว่าในใจเซียวเฉวียนนั้นไม่สบายใจ นางจึงแสร้งทําเป็นถามอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า “ท่านราชครู ปกติท่านทำอะไรเพื่อฆ่าเวลาเพคะ?”
“ดื่มเหล้า ปิ้งบาบีคิว ดูแข่งฟุตบอล?”
“อ๋า?” ฉินซูตกตะลึง ดื่มเหล้านางเข้าใจ แต่ทําไมนางถึงไม่เข้าใจอีกสองอย่างที่เหลือ “แข่งฟุตบอล? มันคืออะไร?”
การแข่งของต้าเว่ยล้วนเป็นการต่อสู้และการสังหารทุกประเภท ไม่มีกีฬาฟุตบอลไม่น่าแปลกใจที่ฉินซูโหรวจะไม่เข้าใจ
“มันเป็นการแข่งขันในบ้านเกิดของข้า รวมถึงฟุตบอล บาสเก็ตบอล ปิงปอง และแบดมินตัน”
“อ๋อเพคะ...” ฉินซูโหรวกัดริมฝีปากของนาง : “ท่านชอบสิ่งไหนมากที่สุดเพคะ?”
“ก็ชอบเหมือนกัน มีรายการไหนก็ดูอันนั้น” เซียวเฉวียนนึกถึงชีวิตยุคใหม่และถอนหายใจเล็กน้อย เขาใช้ชีวิตได้ดีในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดซึ่งมันยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ไม่สามารถแม้แต่จะดูแข่งฟุตบอลได้ : “ สิ่งที่ข้าไม่ชอบมากที่สุดคือฟุตบอล”
“ทําไมหรือเพคะ?”
“เพราะข้ายังไม่เคยชนะ” เซียวเฉวียนบ่นไม่กี่คำ ไม่รู้ว่าตัวเองมาที่นี่มากี่ปีแล้ว ฮวาซย่าผ่านไปกี่ปีแล้ว ฟุตบอลทีมชาติชนะแล้วหรือไม่
“อ๋อ...แบบนี้เองหรือเพคะ...”
ฉินซูโหรวไม่สามารถตอบหัวข้อของเซียวเฉวียนได้ เพราะนางไม่เข้าใจ......
“ท่านราชครู ฟุตบอลหน้าตาเป็นอย่างไรหรือขอรับ? ท่านทําให้กระหม่อมดูได้ไหมขอรับ?”
อาจื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนและฉินซูกําลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อาจื่อก็พูดแทรกขึ้นมาขัดจังหวะโดยไม่รู้เวลา
เซียวเฉวียนและฉินซูโหรวต่างก็เงียบกันในขณะนี้
ในเวลาเดียวกันทั้งสองคนก็มองไปที่อาจื่อด้วยสายตาที่เย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...