ไม่มีมิตรภาพระหว่างมนุษย์คนใดที่จะอยู่เป็นนิรันดร์ มีเพียงผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นที่จะสามารถเป็นนิรันดร์ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างองค์จักรพรรดิแห่งซินเจียงและเซียวเฉวียนนั้น นักปราชญ์คือเป้าหมายเดียวกันที่พวกเขากำลังมองหา
จึงทำให้พวกเขาทั้งสองคนสามารถมาจับมือร่วมกันได้เช่นนี้
แต่นอกเหนือจากเรื่องของนักปราชญ์ผู้นี้แล้ว ทั้งเซียวเฉวียนและฝ่าบาทถูกกำหนดให้อยู่ตรงกันข้ามอยางสิ้นเชิง
อย่างเช่น เซียวเฉวียนจะทำให้หมิงเจ๋อต้องชดใช้ด้วยเลือดและชีวิตของตนเองเช่นนี้
และฝ่าบาทจักต้องการให้โอรสของตนเองมีชีวิตอยู่ต่อ
ดังนั้น การที่เซียวเฉวียนยอมยั้งมือเพื่อเห็นแก่ฝ่าบาทเช่นนี้ ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
สมญานามของนักปราชญ์นั้น แม้แต่ในซินเจียงเองก็หาใช่เป็นฉายาที่ดีไม่ ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็ทำให้องค์รัชทายาทของแว่นแคว้นเขาหลงผิดไปหมดแล้ว
แต่หลังจากที่ทุกคนรวมตัวพากันตามหามาเนิ่นนาน ภายในซินเจียงเองก็หาได้ตามหาเขาพบไม่ เซียวเฉวียนก็มิได้ฝากความหวังไว้ที่ซินเจียงเพียงอย่างเดียว
เขาได้ขอให้ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้านำรูปเสมือนของนักปราชญ์เพื่อออกเดินทางตามหาเช่นกัน
ไม่ว่าอย่างไร ทั้งไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าทั้งสองคนนั้น แลจะดูเชื่อถือได้มากกว่าผู้คนจากซินเจียงและคุนหลุนเสียอีก
เนื่องจากเซียวเฉวียนเป็นนายของพวกเขา ในความคิดของพวกเขาแล้ว ภารกิจจักต้องจัดการให้สำเร็จจงได้
แม้ว่าพวกเขาจะตาย พวกเขาก็จะต้องบรรลุสิ่งที่เจ้านายต้องการให้จงได้
...
...
เมืองหลวงของซินเจียง
ภายในเรือนหลังเล็กๆ
พลันมีหญิงงามผู้หนึ่งกำลังนั่งมองกระจกอยู่ภายในห้อง พร้อมด้วยกล่องเครื่องประดับที่อยู่ตรงหน้าของนาง
เห็นได้ชัดว่า สตรีนางนี้กำลังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกสิ่งใด
นางพลันรู้สึกว่าเครื่องหัวคิดไม่ดี บ้างก็รู้สึกว่าปิ่นไม่สวย ทั้งยังมิชอบสีสันของต่างหูที่ดูเรียบง่ายเกินไปอีก ทั้งยังรู้สึกว่าแหวนและกำไลหยกหาได้ดีไม่
นางพยายามหยิบลองใส่อยู่หน้ากระจกเป็นเวลานานแล้ว ทว่า นางก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยพอใจตามเดิม
ท้ายที่สุดแล้ว นางรู้สึกรำคาญเสียจนโยนและพลิกกล่องใส่เครื่องประดับทิ้งไปในทันที "ข้าไม่ใส่มันแล้ว! วัน ๆ ล้วนแต่ยุ่งยากยิ่งนัก น่ารำคาญเสียจริง! ก็แค่งานจับคู่มิใช่หรือ! มีอะไรดีถึงต้องแต่งองค์ทรงเครื่องไปมากมายกัน!"
ใบหน้าของสตรีงามพลันแดงก่ำไปในทันทีด้วยความโมโห ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยท่าทีฉุนเฉียวแม้แต่สาวใช้ที่อยู่ข้างกายก็มิกล้าเอ่ยอันใดออกมา
สตรีผู้นี้คงจะเป็นผู้สืบเชื้อสายของหมอเทวดาทองพันชั่งกระมัง
ต้นไม้หนาทึบที่อยู่ภายในตัวเรือนนั้น มีเซียวเฉวียนกำลังซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้มาเป็นเวลานานแล้ว
เขาลอบสังเกตอยู่นาน ตัวเรือนนี้ดูธรรมดายิ่งนัก คล้าย ๆ กับเรือนธรรมดาของเหล่าราษฎรที่ใช้อาศัยอยู่ทั่วไป หากมิกล่าว ย่อมมิมีผู้ใดล่วงรู้ว่านี่คือเรือนของหมอเทวดาพันชั่ง
แต่หลังจากที่เซียวเฉวียนลอบมองอยู่นานแล้วนั้น นอกจากสตรีผู้นั้นกำลังข้ารับใช้หญิง เขาก็มิพบเห็นผู้ใดอีก
หากว่ากันตามความคิดของเซียวเฉวียนแล้วนั้น ก่อนอื่นเขาจะลองเชื้อเชิญดี ๆ เสียก่อน หากเชิญแล้วยังมิสำเร็จ เมื่อนั้นเขาคงจะต้องใช้วิธีรุนแรงในการลักพาตัวไปแทน
ปัญหาก็คือ ท่านหมอเทวดาพันชั่งไม่อยู่ เซียวเฉวียนจักไปเชิญผู้ใดได้
ครานี้ ทำเอาเซียวเฉวียนมองไปทางอื่นในทันที
สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น หาไม่ใช่ใครอื่นไม่ นางคือท่านหมอเทวดาพันชั่งแม่นางมู่เวยนั่นเอง
ทว่า ในจินตนาการของเซียวเฉวียนนั้น ท่านหมอเทวดาพันชั่งย่อมต้องเป็นสตรีชรา มิเช่นนั้นคงไม่อาจคู่ควรกับคำว่า "พระหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์" ได้มิใช่หรือ?
แม่นางมู่เวยถูกเรียกว่าท่านหมอเทวดาตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นเป็นเพราะนางมีความสามารถเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับเซียวเฉวียน พวกเขาต่างถือได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทั้งหมด
ภายในตระกูลของนางนั้น รับหน้าที่เป็นหมอมาแล้วนับร้อยปี ทั้งยังมีตระกูลสาขาที่แยกย่อยออกไปอีก หากมีแม่นางคุณมู่เวยเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ถือได้เป็นท่านหมอเทวดาพันชั่งที่ปรากฏตัวขึ้น
แม่นางมู่เวยก็มีหน้าตาสละสลวยงดงาม ทั้งยังฉลาดเฉลียวเป็นกรด แต่นางอารมณ์ร้ายยิ่งนัก
แม้ว่าแม่นางมู่เวยจะอายุย่างเข้ายี่สิบปีแล้ว ในยุคโบราณย่อมถือว่าแม่นางมู่เวยเป็นสาวเทื้อ อีกทั้งในตระกูลของนางเองก็ยังคอยกระตุ้นให้นางออกไปงานสังสรรค์เพื่อพบกับบุรุษมากมายไม่มีหยุด ทำเอาแม่นางมู่เวยรู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก
แม่นางมู่เวยที่เกิดมาฉลาดเฉลียวมากกว่าคนปกตินั้น พระนางย่อมรู้สึกว่าทุกคนในใต้หล้าโง่เง่าเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหล่าบุรุษที่ไร้ความสามารถ พวกเขาย่อมมิมีทางคู่ควรกับนาง
ดังนั้น หลังจากที่ไปงานพบหน้ามาหลายครั้งหลายครา มันกลับทำให้นางไม่อยากแต่งงานอีกต่อไป
สตรีธรรมดาคนหนึ่ง หากโยนกล่องเครื่องประดับลงพื้นย่อมก่นด่าสาปแช่งเพียงไม่กี่คำก็พอแล้ว แต่แม่นางขี้โมโหผู้นี้ หลังจากที่นางก่นด่าไปได้ไม่นาน อารมณ์ของนางก็ยังมิอาจสงบลงไปได้ ทั้งยังรีบวิ่งไปที่ต้นไม้ที่เซียวเฉวียนหลบซ่อนตัวอยู่ ก่อนจะรัวไกปืนใส่ในทันที!
“ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง!”
นางยังถือปืนขึ้นมายิงอีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...