"ขอรับ นายท่าน!"
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าสมควรได้รับความเกลียดชัง ความเกลียดชังต่อนักปราชญ์พวกเขาไม่ได้มีน้อยไปกว่าเซียวเฉวียนเลย!
“ชิ้ววว!”
ไป๋ฉีและเหมิงเอ้าหายตัวไปในหมู่บ้านแถบชายแดนเล็กๆ แห่งนี้ในชั่วพริบตา
......
โรงเตี๊ยม ณ หมู่บ้านบนภูเขา ในต้าเว่ย
“เซียวเฉวียน…”
“เซียวเฉวียน…”
เว่ยเป้ยที่มีไข้สูงกำลังพึมพำอยู่
เสี่ยวเซียนชิวเองก็กำลังจ้องมองเขาอยู่ข้างๆ
มีคนจ้องมองเขามากกว่าเดิมอีกหนึ่งคนและนั่นก็คืออาเฉิง
หยก เสื้อผ้า และเอกสารพิธีการศุลกากรบนตัวของเว่ยเป้ย ล้วนบ่งชี้ว่าบุคคลนี้คือลูกชายของเว่ยเชียนชิว
กองทัพตระกูลเซียวถูกทำร้ายจากเว่ยเชียนชิว และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ อาเฉิงและอาเจิ้ง ยังไม่รู้ว่าเว่ยเชียนชิวทำอะไรชั่วร้ายไว้บ้าง
เหตุผลเดียวที่อาเฉิงและอาเจิ้งจ้องไปที่เว่ยเป้ย ก็เพราะเว่ยเชียนชิว มีชื่อเสียงอย่างมากในการที่ทำให้เกิดภัยร้ายต่อประเทศและประชาชน และพวกเขาก็ต้องการที่จะฆ่าเว่ยเป้ย
หากเว่ยเชียนชิวสูญเสียลูกชายไป อย่างน้อยเว่ยเชียนชิวก็จะต้องเสียใจอยู่พักใหญ่
การที่ทำให้ปีศาจที่คลั่งไคล้การฆาตกรรมคนนี้เศร้าโศกได้ ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง
ในตอนนี้อาเจิ้งกำลังยืมร่างของเสี่ยวเชียนชิว และเสี่ยวเชียนชิวเองก็กำลังพักอยู่ที่กลางคิ้วของเขา ทันทีที่เขาได้ยินว่าคนสองคนนี้วางแผนที่จะฆ่าเว่ยเป้ย เสี่ยวเชียนชิวก็รีบส่งเสียงออกมาทันที: “ไม่ได้! พ่อของข้าไม่ได้บอกว่าต้องการชีวิตของเว่ยเป้ย พวกเจ้าต้องเก็บเขาไว้”
“ถ้าไม่ฆ่าตอนนี้แล้วจะรอจนถึงเมื่อไหร่!” อาเฉิงกำหมัดแน่น ตอนนี้เว่ยเป้ยมีไข้สูง ไม่ได้สติ เป็นเวลาที่ดีที่จะจัดการเขา
หลังจากที่ฆ่าเว่ยเป้ยแล้ว จากนั้นก็โยนร่างของเขาลงไปในหุบเขาสักแห่ง เสี่ยวเชียนชิวเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า แล้วจะกลัวอะไรล่ะ?
เสี่ยวเชียนชิวเป็นคนอารมณ์ร้อนคนหนึ่ง พอเขาได้ยินว่าทั้งสองคนนี้ไม่ฟังคำแนะนำของเขา ทันใดนั้นน้ำเสียงของเขาก็เย็นชาลงมาก: “เซียวเฉวียนไม่เพียงแต่เป็นบุตรชายของแม่ทัพทเท่านั้น แต่ยังเป็นราชครูของฝ่าบาทอีกด้วย เขาช่วยเหลือฝ่าบาทมาเป็นเวลานาน พ่อของข้ารู้ว่าต้องข้าใคร เมื่อไหร่ ยังไง!”
“ หากพวกเจ้ากล้าก่อกวน อย่าหาว่าข้าไม่สนใจมิตรภาพของพวกเจ้ากับตระกูลเซียว!”
คำพูดของเสี่ยวเซียนชิวอาจฟังดูแล้วไม่เป็นที่พอใจนัก แต่มันคือความจริง
สำหรับหลายๆอย่าง การฆ่าคนๆหนึ่งก็ไม่ไช่ทางออกที่ดีเสมอไป
บางคน คงจะดีกว่าถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่
“กองทัพตระกูลเซียวของข้าต่อยิ่งใหญ่ได้ด้วยการต่อสู้ แต่ถูกคนพวกนี้ทำลาย! ข้าไม่มีวันยอม!”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่เขาอยู่ที่โรงเตี๊ยม อาเฉิงไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่หลังจากพบกับอาเจิ้ง เขาก็พูดมากกว่าที่เขาพูดในช่วงสิบสามปีที่ผ่านมาเสียอีก
อาเฉิงไม่สามารถลืมการสูญเสียในการต่อสู้ที่กองทัพตระกูลเซียวได้
เขาปีนขึ้นมาจากผู้คนที่ล้มตาย
สิ่งที่เรียกว่ากองศพ ล้วนแล้วแต่เป็นพี่น้อง เป็นสหายร่วมรบ และเป็นเพื่อนของเขา
ตอนนั้นเขาเองก็อยากจะอยู่ที่นั่นต่อ อย่างไรเสีย เขาก็เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายและเขาก็จะตายในไม่ช้า
แต่ะทว่า เขาได้เห็นหัวของแม่ทัพเซียวเทียนถูกตัดออก
ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นคนต้าเว่ยท้องที่!
แม้ว่ารูปร่างของคนเว่ยและผู้คนจากนอกเมืองจะคล้ายกัน แต่ลักษณะใบหน้าของพวกเขาก็มีความแตกต่างกัน และสามารถแยกออกได้
สิ่งอื่นๆ สามารถปลอมแปลงได้ เช่น เสื้อผ้า หมวก เครา ของพวกนี้สามารถติดบนใบหน้าได้ และยังสามารถสร้างรอยแผลเป็นที่ไม่มีอยู่ขึ้นมาได้ แต่ดวงตานั้นไม่สามารถปกปิดได้!
คนที่สังหารแม่ทัพคือคนต้าเว่ย!
อาเฉิงเบิกตากว้าง เขาต้องมีชีวิตอยู่!
ต้องมีชีวิตอยู่!
มีเพียงการมีชีวิตอยู่ของเขาเท่านั้น ถึงจะทำให้เรารู้ความเรื่องราวทุกอย่าง!
ทำไมถึงมีคนต้าเว่ยฆ่าแม่ทัพได้!
น่าเสียดายที่ตอนนั้นอาเฉิงยังเป็นเด็กอยู่
เขาไม่มีหนทาง ศักยภาพ หรือความแข็งแกร่งที่จะตรวจสอบเรื่องนี้
เขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะเข้าไปในเมืองหลวง
เมื่อสหายทั้งหมดตายไป คนที่รอดชีวิตก็ดูเหมือนเป็นคนบาปคนหนึ่ง
เว่ยเป้ยตกอยู่ในความงุนงงและหลับไปอีกครั้ง ทหารทั้งสองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าเขา หลังจากถูกเสี่ยวเซียนชิวขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในห้องถัดไป สวีซูผิงจับดาบไว้ในมือแน่น และตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวทุกอย่างในห้องของเว่ยเป้ย เมื่อเขาได้ยินทหารสองคนออกจากห้องของเว่ยเป้ยไปแล้ว สวีซูผิงก็ปล่อยมือที่ถือดาบของเขาออก
ใช่แล้ว เซียวเฉวียนกล่าวไว้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เว่ยเป้ยจะกลับไปเมืองหลวงแบบยังมีชีวิตอยู่
เซียวเฉวียนกล่าวว่า เสี่ยวเซียนชิวมีนิสัยไม่มั่นคงและทำสิ่งต่าง ๆ ตามอารมณ์ของเขา วันนี้เขาสามารถเชื่อฟังคำพูดของเซียวเฉวียนและปกป้องเว่ยเป้ยได้
แต่วันหนึ่ง ถ้าคนของเว่ยเชียนชิวไปยุ่งกับเสี่ยวเซียนชิว เว่ยเป้ยก็อาจจะไม่รอด
ตระกูลเซียวเกลียดคนที่เกี่ยวข้องกับเว่ยเชียนชิวดังนั้นเซียวเฉวียนจึงขอให้ระหว่างทางกลับเมืองหลวงสวีซูผิงช่วยปกป้องเว่ยเป้ยอย่างลับๆ
เว่ยเป้ยจะต้องไม่มีอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดใดๆเด็ดขาด
“ราชครูปกป้องเว่ยเป้ยเช่นนี้ ก็เพราะเขามีประโยชน์บางอย่างงั้นหรือ?”
สวีซูผิงรู้สึกงงมากและตอนนั้นเองเขาก็ถามคำถามนี้ไป
เซียวเฉวียนพยักหน้า และนั่นถือเป็นการยอมรับแล้ว
แต่สวีซูผิงไม่คิดเช่นนั้น เว่ยเป้ยจะมีประโยชน์อะไร? เขาเป็นเพียงลูกชายของเว่ยเซียนชิวและประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการที่เขาทำหน้าที่เป็นตัวประกัน หากเขาและเว่ยเซียนชิวประสบปัญหาในอนาคต เว่ยเป้ยก็สามารถใช้เพื่อข่มขู่เว่ยเซียนชิวได้ก็แค่นั้นเอง
แต่เว่ยเซียนชิวเป็นถึงใครกัน?
เขาเป็นคนบ้าการสังหาร
เขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา
เว่ยเซียนชิวมีไม่ได้มีเว่ยเป้ยเป็นลูกชายคนเดียว เขาเพียงแค่รักเว่ยเป้ยมากกว่าใครเท่านั้น
เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ และจำเป็นต้องทำการตัดสินใจ เว่ยเป้ยก็จะเป็นผู้เสียสละคนนั้น
เว่ยเซียนชิวไม่ยอมให้ใครวางตัวเหนือกลุ่มอำนาจของตนเอง แม้แต่ลูกชายของเขาเอง
ดังนั้น เว่ยเป้ยซึ่งเป็นอ๋องรอง จึงไม่มีประโยชน์ในทางปฏิบัติใดๆเลย
และด้วยความฉลาดรอบรู้ของเซียวเฉวียน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เข้าใจเรื่องนี้
สวีซูผิงครุ่นคิด เซียวเฉวียนจะไม่เก็บคนๆนี้ไว้เปล่าๆอย่างแน่นอน เว้นแต่เว่ยเป้ยจะมีตัวตนบางอย่างที่แอบแฝงอยู่ ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงได้ปกป้องเขาเช่นนี้
สวีซูผิงผู้ชาญฉลาดเพียงเดาแค่ครั้งเดียว ก็สามารถเดาได้ถูกต้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...